ตอนที่ 1220 ความฝัน!
“อ๊า.....” เย่ว์หยางสะดุ้งตื่นจากฝันลุกขึ้นนั่ง
“เกิดอะไรขึ้น”ไห่หลานกำลังหลับและตื่นขึ้น ถามเขาด้วยอาการเกียจคร้านเล็กน้อย
“ข้าฝัน” เย่ว์หยางพยายามระลึกแต่เขารู้สึกได้ว่าเป็นฝันที่ชัดเจนมาก หลังจากตื่นขึ้น เขาจำอะไรไม่ได้เลยเขาขมวดคิ้ว “ในฝันของข้าดูเหมือนข้ากลับไปที่หอทงเทียน ไม่, ดูเหมือนว่ามีเสียง จากนั้นข้ากลับไปหอทงเทียน... บางทีเป็นเสียงเรียกให้กลับไปหอทงเทียนข้ารู้ว่าเป็นฝันที่ชัดเจน แต่เมื่อตื่นขึ้น ข้ากลับลืมได้อย่างไร?”
“พักก่อนเถอะ” ไห่หลานเดาว่าบางทีอาจมีสาเหตุมาจากการต่อสู้ที่หนักหน่วงก่อนหน้านี้รวมทั้งแรงกดดันยิ่งใหญ่จากเทพปีศาจเว่ยกวง ดังนั้นนางปลอบโยนเย่ว์หยาง “พักก่อนเถอะเจ้าปรับตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เราจะสนับสนุนเจ้าเต็มที่!”
“แต่ข้า...” เย่ว์หยางรู้สึกว่าไม่สามารถพูดออกไปได้ ดูเหมือนมีบางอย่างที่เขาจำเป็นต้องทำด้วยตัวเอง แต่เขากลับลืมไป
หลังจากมึนงงเขาไตร่ตรองเป็นร้อยครั้งเด็กหนุ่มข้ามโลกจึงหลับได้อีกครั้ง
ในความฝัน เขายังคงรู้สึกได้ถึงเสียงๆหนึ่ง
ร้องเรียกตัวเขาจากดินแดนห่างไกล
เขาค้นหาโดยตลอด
เขาต้องการดูว่าใครกำลังเรียกเขา แต่เขาไม่สามารถค้นหาร่องรอยพบเจอ
รอจนเขาตื่นขึ้นอีกครั้งยังมีความสับสนอยู่ในจิตสำนึกของเขาเล็กน้อย แต่เขาตอบสนองอย่างรวดเร็วจนคนที่อยู่รอบด้านตกใจ ขณะนั้นไม่ทราบว่ามีคนรายล้อมอยู่เต็มตั้งแต่เมื่อใดอู๋เหิน เย่ว์หวี่ จุ้ยมาวอี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรวมทั้งนางเซียนหงส์ฟ้าและราชันย์ปีศาจใต้ พวกนางนั่งพร้อมหน้าอยู่ที่หน้าเตียงทุกคนมองเขาตาไม่กระพริบจนเด็กหนุ่มข้ามโลกรู้สึกอาย
เพราะก่อนเข้านอนเขามีสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาทั่วไปจึงทำให้ตอนนี้เย่ว์หยางอยู่สภาพเปลือย
โชคดีที่ยังมีผ้าห่มบางๆ คลุมตัว
มิฉะนั้นภายใต้สายตาผู้คนมองดูเย่ว์หยางคงต้องแทรกแผ่นดินหนีเป็นแน่
“ทำไมพวกเจ้าถึงมาอยู่กันที่นี่?” เย่ว์หยางรีบเอาผ้าห่มคลุมตัวก่อนที่ราชันย์ปีศาจใต้และนางเซียนหงส์ฟ้าจะมีโอกาสแกล้งลากออกไป
“ไห่หลานบอกว่าเจ้ากระสับกระส่ายและกระวนกระวายใจฝันร้ายเสมอนางห่วงเจ้ามาก ดังนั้นเราจึงมาเยี่ยมชมดู” อู๋เหินผู้อ่อนโยนที่สุดไม่เพียงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้เย่ว์หยางเท่านั้นแต่นางชงชาให้เขาดื่มแก้กระหาย
“ก็แค่ฝัน!” เย่ว์หยางทำเป็นจิบชาอย่างสบายๆ
“แต่เจ้าฝันมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มและดูเหมือนว่าจะรู้สึกเจ็บปวดมาก เจ้าพูดถึงเรื่องความฝันแต่เราไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร ข้าได้ยินว่าเป็นไฟสงคราม และใครที่เจ้ากำลังต่อสู้ในความฝันกันแน่?” จุ้ยมาวอวี้ถามอย่างงงงวย เดิมทีทุกคนมีสายแพรเชื่อมใจและใจสองดวงเหมือนกับเป็นดวงเดียวกันแต่ดูเหมือนว่านี่เป็นความฝันที่แปลก ไม่มีทางรู้สึกถึงได้ พวกนางรู้สึกสับสนและกังวลห่วงใยเย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในความฝันของเขา
“ข้า....” เย่ว์หยางจำได้ว่าเขาพบว่าตนเองอยู่ในโลกแห่งความฝันที่ชัดเจนแต่แล้วก็กลับลืมไปอีกครั้ง เขาต้องการจะจำเรื่องสำคัญบางอย่างจริงจังและราวกับว่าต้องการกระตุ้นตนเองในความฝันให้จดจำสิ่งนั้นไว้แต่แล้วเมื่อเขาตื่นขึ้น เขากลับลืมไปโดยสิ้นเชิง
“อี้หนานไม่ได้อยู่ที่นั่นมิฉะนั้นนางอาจรู้ได้บ้างด้วยกระจกวิญญาณ” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการพูดถึงเรื่องเสวี่ยอู๋เสีย ถ้านางมีคัมภีร์แห่งสัจจะและสามารถสื่อสารทางจิตได้กับเย่ว์หยางนางคงจะค้นพบว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน เพราะอาการตอบสนองที่ผิดปกติของเย่ว์หยางทำให้ทุกคนสงสัยหรือว่าจะเป็นผลจากเทพปีศาจเว่ยกวง?
หรือว่าเทพปีศาจเว่ยกวงกำลังส่งผลบางอย่างต่อเย่ว์หยาง?
ถ้ามันส่งผลถึงสถานะของเย่ว์หยาง
อย่างนั้นเทพปีศาจเว่ยกวงจะต้องได้ประโยชน์ในการต่อสู้ใหญ่ครั้งต่อไปอย่างมิต้องสงสัย
มีเพียงจุดเดียวที่น่าสงสัยก็คือเทพปีศาจเว่ยกวงมีอิทธิพลต่อเย่ว์หยางอย่างไร? เย่ว์หยางอยู่ในโลกคัมภีร์ของตนเองทั้งยังเข้าไปในโลกคัมภีร์ของไห่หลานอีกชั้นหนึ่งต่อให้เทพปีศาจเว่ยกวงแข็งแกร่งมากกว่าเขาไม่สามารถส่งผลต่อคนอื่นที่อยู่ในโลกคัมภีร์ได้ไม่ใช่หรือ? นั่นเป็นกฎสวรรค์โบราณที่นักสู้ระดับเทพไม่อาจมีอิทธิพลเหนือได้ บางทีอาจเป็นเทพโบราณจึงจะทำลายกฎและเปลี่ยนแปลงกฎได้!
ถ้าไม่ใช่เทพปีศาจเว่ยกวงแล้วอย่างนั้นจะเป็นใครไปได้?
ใครที่สามารถแทรกแซงจิตใจของเย่ว์หยางนักสู้ระดับกึ่งเทพให้ตื่นในความฝันและอยู่ในฝันร้ายได้?
ทุกคนตกอยู่ในอาการครุ่นคิดแผนเดิมของเย่ว์หยางที่ต้องการสร้างร่างกายสมบูรณ์ให้ชิงผิงถูกขัดจังหวะโชคดีที่ชิงผิงยังอยู่ในช่วงนอนจำศีลอยู่ในหอยมุกอย่างสงบมิฉะนั้นนางคงจะผิดหวังมาก
เพราะนางมองหาทางที่จะกลับไปอยู่กับตัวลามกใหญ่ในหัวใจนางไม่ต้องสงสัยเลยว่านางจะชะเง้อคอรอคอยนานเพียงไหน
“ไม่ว่ายังไงก็ตามข้าจะต้องฆ่าเทพปีศาจเว่ยกวงให้ได้อยู่แล้ว!” เย่ว์หยางไม่ยอมให้เรื่องนี้กระทบกระเทือนจิตวิญญาณนักสู้ของเขา
การเก็บเกี่ยวผลในมิติดินแดนฝึกฝนไม่ได้อยู่ในเส้นทางหาคัมภีร์เทพ
นั่นไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของเขา
สมบัติเทพมักจะเลือกเจ้าของและเจ้านาย
คัมภีร์เทพก็เป็นเช่นนั้นชาวโลกไม่สามารถจะเรียกร้องได้
ผลเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเย่ว์หยางคือทุกครั้งที่เขาสามารถผ่านด่านแต่ละด่านตั้งแต่ด่านที่สี่ไปจนถึงด่านที่เจ็ดด่านหุบเขามนุษย์ ในแต่ละด่านระดับจะได้รับประสบการณ์ชีวิตและความรู้สึกของชีวิตในระดับที่แตกต่างกันในเวลาเดียวกันสิ่งที่สร้างอิทธิพลให้เขามากที่สุดโดยที่เขาไม่รู้ตัวก็คือการเรียนรู้การสร้างทำลาย และความนิรันดรที่เขาได้รับรู้ในโลกไร้ที่สิ้นสุดของคัมภีร์เงินจากเทวทูตสามสาว พวกนางทำให้เย่ว์หยางรู้แจ้งและบอกความจริงเกี่ยวกับการสร้างทำลายและความนิรันดรที่แท้จริงกับเขา นักรบที่ไม่เข้าใจความจริงนี้มีแม้ในทุกระดับ แม้กระทั่งในระดับเทพความเข้าใจแตกต่างกันพลังก็ต่างกันเหมือนกับธุลีในความว่างเปล่าสับสนผ่านเวลามาเนิ่นนานไม่ควรแก่การเอ่ยอ้าง
นอกจากนี้ความรู้แจ้งของเขายังมีควบคู่ไปกับคำแนะนำของเทพธิดากระบี่ฟ้าซึ่งมีมาพร้อมกับความเข้าใจบรรลุความก้าวหน้าขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
เย่ว์หยางอยู่ในระดับนักสู้กึ่งเทพแต่พลังเจตจำนงของเขาอยู่ระดับเดียวกับชั้นเทพ ระดับพลังจึงมิอาจระบุได้
การฆ่าบุรุษลึกลับผู้แข็งแกร่งอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
คนลึกลับผู้นี้เป็นคนในยุคเดียวกับเทียนอี้เจ้าตำหนักสูงสุดแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แม้แต่จีอู๋ลี่ก็ยังได้แต่ต่อสู้เหมือนสุนัขจนตรอกเมื่อสู้กับเขาแน่นอนว่าการฆ่าคนลึกลับผู้นี้ได้เย่ว์หยางไม่คิดว่าเป็นพลังของเขาที่สามารถควบคุมได้จริงๆ ส่วนใหญ่อาศัยไพ่ชะตาโดยเฉพาะพลังของยักษ์เทพชะตา
ความจริงยังเร็วเกินไปที่จะท้าสู้เสี่ยงตายกับเทพสงครามอย่าว่าแต่ฆ่าเขาเลย
การต่อสู้ที่หนักหน่วงคราวนี้ทำให้เย่ว์หยางตระหนักถึงระยะห่างระหว่างเขาและเทพอมตะจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังสร้าง พลังทำลายพลังนิรันดร สามเรื่องที่เทวทูตสามสาวคิดขนาดมังกรปีศาจทั้งสามนางยังคิดว่าเขาโง่ด้วยซ้ำ ถ้าเป็นตงฟางแห่งตำหนักใหญ่ หรือเทียนอี้เจ้าตำหนักสูงสุดเล่าแม้กระทั่งจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่ยังคงถูกผนึกไว้และเทพปีศาจเว่ยกวงที่เตรียมพร้อมออกมาต่อสู้... ฯลฯ เดี๋ยวก่อนคนเก่าแก่เหล่านี้มีทั้งศัตรูและมิตรสหาย คนแปลกหน้าที่คุกคาม ศัตรูเบื้องหน้าหรือเป้าหมายในอนาคต เย่ว์หยางยังไม่สามารถเอาชนะได้ในบัดนี้!
ถ้าเขาต้องการจะไล่ตามสหายเก่าแก่เหล่านี้ให้ทันและท้าทายพวกเขา อย่างนั้นเขาต้องใช้เวลาฝึกฝนให้มากขึ้น!
“เริ่มการฝึกได้,ข้าจะลงมือกับเจ้าก่อน!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าเย่ว์หยางตีก้นนางทำให้นางขายหน้า ตอนนี้นางมองดูเย่ว์หยางที่มีจิตวิญญาณพร้อมแต่สู้ มองผิวเผินนางไม่พูดอะไรแต่นางเห็นด้วยในใจอย่างแน่นอน บุรุษผู้นี้จะไม่ยอมถอยและจะท้าทายสู้กับสุดยอดวิทยายุทธสู้ด้วยขวัญกล้าเทียมฟ้า นั่นคือสิ่งที่นางยินดีที่สุด และขณะเดียวกันเป็นสิ่งที่นางภูมิใจอย่างที่สุดในชีวิตของนาง
“ก็ได้!” เย่ว์หยางกระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้นและมีความมั่นใจอย่างมาก
เขาลืมตัวไปว่าตอนนี้เขากำลังเปลือยร่างอยู่
พอเขากระโดดขึ้น
ร่างกายจึงไม่มีสิ่งใดบดบังแม้แต่น้อย
จุ้ยมาวอี้ตกตะลึงราชันย์ปีศาจใต้ปิดปากหัวเราะ นางเซียนหงส์ฟ้ายกนิ้วให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผละออกห่าง นางพูดไม่ออก เย่ว์หวี่กุมขมับปวดหัวกับน้องชายนางนี่ไม่ใช่ครั้งแรก...หลิวเย่นั่งอยู่ที่มุมห้องหน้าแดงด้วยความอายนางใช้มือปิดหน้าไม่กล้ามองดู เซี่ยอีนั่งอย่างสงบฟังเรื่องราวฝันร้ายของเย่ว์หยาง แต่ในตอนนี้นางปากอ้าค้างตะลึงอยู่นาน
นั่นไม่น่าแปลกใจเพราะจากมุมมองของนางชัดเจนเกินไป
มีแต่อู๋เหินที่สุภาพอ่อนโยนที่สุดและสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ที่อยู่ใกล้นางไม่ลืมใช้ผ้าห่มคลุมตัวเขาทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดผ่อนคลายบ้างเล็กน้อย
หอทงเทียน
วังเทียนหลัว ชั้นที่หนึ่งทวีปมังกรทะยาน
ไม่มีทหารยามเฝ้าประตูวังให้เห็นแม้แต่แม่ทัพเฉียนมู่ผู้ซื่อสัตย์และระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่มากที่สุดก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติจนกระทั่งหญิงสาวเจ้าหน้าที่หน้าห้องเตรียมจะออกไปกินข้าวนางพบว่ามีคนแปลกหน้าสองคน ไม่รู้ว่าพวกเขามายืนอยู่นอกห้องโถงตั้งแต่เมื่อใดในสถานที่แห่งนี้แม้แต่เย่ว์หยางคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่รู้จักคุ้นเคยกันดีก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าแต่ในวันนี้มีคนแปลกหน้ามาถึงอย่างไม่คาดคิดเกินกว่าที่เจ้าหน้าที่วังผู้นี้คาดหมาย
คนแปลกหน้าสองคนสามารถปกปิดองครักษ์วังแม่ทัพเฉียนมู่ลอบเข้ามาในวังได้และมาถึงห้องโถงประทับของฝ่าบาทโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
เป็นไปไม่ได้ที่คนผู้นี้จะอ่อนแอ
ในฐานะนางกำนัลประจำวังทำหน้าที่สนองงานฝ่าบาทนางได้รับการศึกษาดีที่สุดในโลก
หลังจากตกใจนางไม่ได้ตะโกนใส่หน้ามือสังหารแต่รีบกลับไปหาองครักษ์คุ้มกันแต่นางกลับยิ้มอย่างสุภาพ ขณะเดียวกันนางไม่ลืมหน้าที่หลัก แจ้งข่าวกับฝ่าบาท
นางรีบปล่อยคนทั้งสองซึ่งไม่รู้ว่าเป็นนักฆ่าหรืออาคันตุกะและแยกจากไปอย่างสงบ
ในเวลานี้ในที่ห่างไกลออกไปจากตำหนัก
พวกเขาไม่ตื่นตระหนกหลังจากสะดุ้ง ก็ให้คำตอบเหมือนนางกำนัลก่อนหน้านั้นและดูเหมือนคนแปลกหน้าทั้งสองคนจะไม่สนใจ และเดินหน้าต่อ
“ท่านชุนหวี ข้าเห็นภาพนี้ รู้สึกว่านางกำนัลทั้งสองเรียนรู้และก้าวหน้าได้ดีไม่ทราบว่าพวกเขาดูแลกันอย่างไร? มีธรรมเนียม มารยาทอะไร? มีแนวคิดอย่างไร?นี่คือ.. ข้าคิดว่าในโลกนี้มีเพียงที่นี่มีเพียงเด็กสาวพวกนี้ที่พอเอ่ยอ้างได้!” คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเล็กน้อยเป็นบุรุษวัยกลางคนในชุดคลุมขาว คนผู้นี้มีบุคลิกสง่างาม ดูจากภาพรวมดูเหมือนเป็นบัณฑิตทรงภูมิรู้หรือนักกวี ดวงตาที่ลึกซึ้งทอประกายปัญญาที่คลุมเครือไม่ต้องพูดถึงคนทั่วไป แม้แต่คนมีชื่อเสียงในโลกถ้าเห็นดวงตาเหล่านี้เชื่อว่า คงอดละอายใจไม่ได้
มองดูเหมือนไม่มีพลังยุทธ์ใดๆแต่ดวงตาของเขาสามารถทำให้คนที่เห็นรู้สึกว่าเขาทรงพลังที่สุดในโลก
ความรู้และภูมิปัญญาที่เหนือกว่าทุกอย่าง
นอกจากนี้บัณฑิตปราชญ์ผู้นี้
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
แม้แต่คนที่ยืนอยู่ข้างบัณฑิตวัยกลางคนนี้เป็นชายชราที่ทรงภูมิรู้แต่เนื่องจากเขายืนอยู่ข้างบัณฑิตวัยกลางคนที่เป็นเหมือนดวงจันทร์ทอแสง เขาจึงเหมือนกับดวงดาวที่อับแสงทันที
ภูมิปัญญาแบบนี้ไม่เพียงแต่ภูมิรู้เท่านั้นแต่ยังคงเป็นพลังอีกด้วย
มีพลังอยู่ในหีบโลกก็เหมือนอยู่ในหีบไปด้วย
“สองท่านเดินทางไกลหลายพันไมล์จะคุยกันแต่เรื่องหญิงรับใช้ของข้าเท่านั้นหรือ?” เสียงของจักรพรรดิดังเหมือนความฝัน เหมือนน้ำพุฤดูใบไม้ผลิ
“แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่มาเพราะเรื่องนี้” ชายชราหน้าทารกที่ถูกเรียกว่าชุนหวีหัวเราะอารมณ์ดี “ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาทเก่งในทางสร้างฝันและภาพลวงตาเราผู้ชราก็เป็นนักฝันเช่นกัน ข้ามีใจคิดจะสนทนากับฝ่าบาท อยากให้ฝ่าบาทให้คำแนะนำข้าด้วย!”