Chapter 167 1 dragon serves
1条龙服务
เป็นความจริง,ในแต่และซอกของมุมโลก,มีความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์เหนือจินตนาการซ่อนอยู่,ทว่าขาดการค้นพบเท่านั้น.
ใครจะคาดคิด,ซูเห่าพบกับแมลงวงแหวนเข้า,หลังจากถอดรหัส,ก็พบว่ามันมียีนแผ่นค่ายกลรูนอยู่ เป็นเบาะแสเงื่อนไขที่สำคัญมาก.
หากไม่เพราะซูเห่ามาถึงโลกนี้โดยบังเอิญ,ถึงจะใช้เวลาล้านปี,สิบล้านปี,ก็คงไม่มีใครรับรู้,วิธีใช้งานแมลงวงแหวนนี้.
ดังนั้น,ความมั่งคั่งมีอยู่ทุกที่! มันรอคอย,ที่จะมีใครเข้าไปลงมือโกยเงินจากมัน!
แน่นอนว่าโกยเงินอาจไม่ชัดเจนนัก,มีเพียงแค่บางคนที่มีความรู้ในการสร้างรายได้เท่านั้น.
เพียงแค่สามวัน,ฐานทดลองใหม่ของซูเห่า,ได้จับหนอนวงแหวนจำนวนมากมา,เขาต้องการแมลงวงแหวน,เพื่อมาใช้ทดลองจำนวนมาก,นับว่าเป็นเรื่องที่เกินจริงเล็กน้อย.
สำหรับซูเห่า,แมลงวงแหวน,ทำให้เขาต้องอุทานว่า“ตั้นเถิง”(น่าอัศจรรย์,เหลือเชื่อมาก ๆ”
แมลงตัวผู้มีอยู่น้อยมาก,ทว่าแมลงตัวเมียของแมลงวงแหวนนั้นมีจำนวนมหาศาล,เมื่อถึงฤดูผสมพันธ์,แมลงวงแหวนตัวผู้ก็จะออกไปสืบพันธ์,อย่างไรก็ตามแมลงตัวเมียมีมากเกินไป,แมลงตัวผู้จึงไม่รู้ว่าควรจะยั่วยวนแบบใหน,เพราะไม่รู้จะเลือกตัวใหน...
ต้องขอบคุณแมลงวงแหวนตัวผู้ที่สามารถทำให้แมลงตัวเมียตกหลุมรักมากมาย,ทำให้กำเนิดลูกขึ้นจำนวนมาก.
ซูเห่าพ่นลมหายใจยาว,ในแหขนาดใหญ่,มีแมลงวงแหวนยี่สิบกว่าตัว,ที่เลือกตัวผู้ตัวเดียวเพื่อให้กำเนิดบุตร,จากนั้นเขาก็นำหนอนวงแหวนตัวหนึ่ง,เข้าไปทดลองเงียบ ๆ.
ซูเห่าที่เข้าไปในพื้นที่พินบอล,มีข้อมูลที่ต้องศึกษาสองอย่าง,หนึ่งคือสายยีนของแมลงวงแหวน,และอีกหนึ่งก็คือรูปแบบของแมลงวงแหวน.
ด้วยการเปรียบเทียบจำนวนมาก,เขาก็พบกับชิ้นส่วนของยีนที่ควบคุมรูปแบบวงแหวน.
ซูเห่าได้เปรียบเทียบยีนของแมลงวงแหวนกับยีนจูเห่าเหรินมีความคล้ายครึ่งถึง 60 คู่,และยังมีฟังก์ชันที่เหมือนกัน,จนอดไม่ได้ที่จะสัมผัสได้ถึงความลึกลับนี้.
ใครจะคาดคิดว่าร่างของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันมาก,ทว่าแก่นของข้อมูลยีนนั้นจะมีความคล้ายคลึงกัน.
ห้าวันหลังจากนั้น,ซูเห่าก็สามารถล๊อกเป้าไปยังชิ้นส่วนยีนที่ควบคุมรูปแบบวงแหวนของมัน,ด้วย“กฎการบวกลบ”
การค้นพบวิธีการดังกล่าวช่วยลดขอบเขตของการวิจัยของซูเห่าลงมาก.
ถึงอย่างนั้น,ยีนควบคุมรูปแบบ,ก็ยังมีหลายแสนคู่,ต้องการแจกแจงทั้งหมด,นับเป็นงานที่ยากมา,ซึ่งเป็นความยากที่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น.
มันเป็นความซับซ้อนเหนือจินตนาการ,ทว่าก็มีวิธีการที่ง่ายที่จะจัดการ,เพราะมันมีขั้นตอนที่ซ้ำกันหลายขั้นด้วยกัน.
ขั้นตอนแรก,เปรียบเทียบรูปแบบยีนของแมลงวงแหวน 100 เส้น,แยกชิ้นส่วนยีนทั้งหมดออกมา,และตรวจสอบผลลัพธ์,และบันทึกผล;
ขั้นที่สอง,เปรียบเทียบรูปแบบยีนทุก 100 เส้น,แยกชิ้นส่วนยีนออกมาทีละชิ้น....
ขั้นที่สาม.....คงสภาพรูปแบบยีน,และสุ่มแยกชิ้นส่วนยีนออกมาทีละครึ่ง....
จากนั้นก็ทำการทดลองเช่นนี้ซ้ำ ๆ,รวบรวมข้อมูลการทดลอง,เพื่อคัดกรองยีนที่ไม่แสดงออกและแสดงออกโดยตรง.
จากนั้นเกี่ยวกับโครงสร้างของแมลงวงแหวน,กำหนดพิกัดส่วนที่แสดงออกของยีนและตำแหน่งที่มีผลต่อการแสดงออกของยีน.
จากนั้นหลังจากสะสมข้อมูลจนเพียงพอ,เขาย่อมสามารถสร้างรูปแบบของการแสดงออกของยีนได้อย่างสมบูรณ์.
เมื่อถึงเวลานั้น,เขาต้องการออกแบบอักขระรูนอะไร,ก็สามารถออกแบบออกมาได้.
จากนั้น,หกเดือนผ่านไป,เหล่าแมลงวงแหวนที่รอดชีวิตก็ถูกปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติเมื่อสามเดือนก่อนแล้ว.
ส่วนซูเห่ายังคงถอดรหัสยีน,ซึ่งใกล้จะเสร็จแล้ว.
เขาได้รับผลการทดลองที่เขาต้องการมาแล้ว.
เรื่องแรก,รูแแบบการออกแบบร่วมผสานกันสำเร็จแล้ว;
อย่างที่สอง,ปัญหาการคัดเลือกการแสดงออก,มีวิธีการจัดการที่ง่าย,โดยการเปลี่ยนลำดับหางเสือ,ลำดับยีนที่ไม่แสดงออก,ก็จะเปลี่ยนเป็นลำดับเริ่มต้นใหม่.
เพื่อให้ได้ข้อมูลเพียงพอในส่วนที่สอง,มีแมลงวงแหวนจำนวนมากที่ต้องสละชีพเพื่อวิทยาศาสตร์,เพื่อความก้าวหน้า,ต้องจ่ายไปด้วยชีวิตของพวกมันไม่น้อยเช่นกันจนทำให้ซูเห่าประสบความสำเร็จเล็ก ๆ.
ซูเห่ารู้สึกขอบคุณพวกมันมาก,หากต้องการข้อมูลอีกครั้งหน้า,ค่อยค้นหาพวกมันใหม่.
ในเมื่อถอดรหัสการแสดงออกของรูปแบบยีน,จากนั้นเขาก็เริ่มหันมาทดลองในหนูทดลองต่อไป.
เหตุผลนั้นง่ายมาก,เพื่อยืนยันว่าวิธีดังกล่าวสามารถใช้ในชีวิตอื่นได้,ผลของยีนของแมลงวงแหวนสามารถแสดงออกในสิ่งมีชีวิตที่ต่างออกไปได้หรือไม่?
ความคิดของซูเห่าที่โลดแล่น,ไม่คิดพักกันเลย,ยังคงเปี่ยมล้นด้วยพลังงาน,ที่ต้องการสำรวจสิ่งใหม่ ๆ.
วันถัดมา,หนูทดลองตัวน้อยจำนวนมาก,ก็ถูกนำมาฐานทดลองของซูเห่า.
ดูเหมือนว่าพวกมันจะพึงพอใจกับสถานที่ทดลองใหม่ของเขามาก.
ซูเห่าที่เหยียดมือออกไปคว้าหนูตัวน้อย,ที่กำลังดิ้นไปมาอยู่,สายตาของมันที่จับมองเขาราวกับปิศาจร้าย.
หนูตัวน้อยที่ดิ้นแรงดังแต่ไม่อาจขัดขืนอีกฝ่ายได้,สำหรับพวกมันที่อ่อนแอกระจ้อยร่อย ราวกับว่าได้ถูกกำหนดให้เป็นของเล่นผู้แข็งแกร่งกว่าไปแล้ว.
ซูเห่าที่รวบรวมข้อมูลยีนของหนูตัวน้อย,จากนั้นก็เข้าไปในพื้นที่พินบอล,จากนั้นก็เริ่มออกแบบยีนหนูตัวน้อยด้วยระบบเปรียบเทียบร่วม,พร้อมกับเริ่มควบคุมชิ้นส่วนยีนและออกแบบรูนอักขระ“สว่างจ้า” ใส่เข้าไป.
จากนั้นก็ผลิตน้ำยาปรับแต่งยีนขึ้นมา.
เรื่องดังกล่าวนี้เมื่อซูเห่ามีความเชี่ยวชาญมากขึ้น,เวลาในการเตรียมจึงสั้นลงมาก.
เพียงไม่นาน,ของเหลวปรับแต่งยีน,ก็ถูกฉีดเข้าไปในหนูทดลองโดยสมบูรณ์.
ซูเห่าไม่คาดคิดเลยว่าเป้าหมายของเขาจะก้าวหน้าขนาดนี้,ด้วยการเก็บข้อมูล,เขาจำเป็นต้องตรวจสอบวิเคราะห์โครงสร้างของหนู,สร้างระบบทำงานร่วมและสร้างรูปแบบใหม่ขึ้นเพื่อทำงานร่วมกัน.
เพียงไม่นานหนูตัวน้อยก็ตื่นขึ้นมา,ร่างกายของมันเวลานี้มีรูปแบบบางอย่างปกคลุมไปทั่ว.
หลังจากที่บันทึกเสร็จ,จากนั้นเขาก็นำหนูทดลองตัวที่สองขึ้นเขียงทดลอง.
“บันทึก” “ออกแบบ” “ปรับแต่ง” “ฉีด” “บันทึก.”
เป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไป.
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น,ซูเห่าก็ประสบความสำเร็จในการสร้างระบบทำงานร่วมในหนูทดลอง.
ผลจากการทดลองซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุดนั่นเอง.
รูปแบบของแมลง,นั้นแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม,กระบวนการปรับแต่ง,นับว่ากินพลังและเวลาของซูเห่ามาก.
อย่างไรก็ตามซูเห่าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องวัตถุดิบ,ตราบเท่าที่ไม่มีศัตรูภายนอกมารบกวน,เขาก็มีเวลาเพียงพอที่จะทำการทดลองจนประสบผล.
ด้วยการวิจัยทดลองแบบไม่พัก,กับพลังร่างกายที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดา,ทำให้เขาไม่กังวลว่าตัวเองจะเหนื่อยตาย.
นี่คือความสามารถพิเศษของการวิจัยทดลอง.
ด้วยการทุ่มเทชีวิตจิตใจไปกับการวิจัยทดลอง,ความพลุ้งพ่านของฮอร์โมนและอารมณ์ที่ไม่สงบของสันชาติญาณ,เริ่มถูกเขาระงับ,จิตวิญญาณของเขาที่ราวกับว่าได้รับการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ.
สองสามเดือนหลังจากนั้น,ซูเห่าก็ประสบความสำเร็จ,ในการสร้างรูนสว่างจ้าบนร่างของหนูทดลอง.
นี่ก็หมายความว่า,ซูเห่าสามารถใส่รูนอักขระอื่น ๆ ลงไปในยีนได้ตามตรงกลาง,และยังสามารถสืบทอดไปยังลูกหลานของมันได้อีกด้วย.
นี่คือความก้าวหน้าของการวิจัยอย่างหนึ่งเลย.
อย่างไรก็ตามมันยังไม่หยุดเท่านี่,นี่เป็นเพียงแค่ผลสำเร็จเล็ก ๆ เท่านั้น,เป็นเพียงแค่รูปแบบบนผิวของร่างกาย,จำเป็นต้องสร้างรูปแบบเข้าไปในอวัยวะภายในร่างกาย,สามารถปรับแต่งเข้ากับจิงซีในร่างกายให้สมบูรณ์ซะก่อน.
ตราบเท่าที่ซูเห่าสำเร็จการทดลองขั้นสุดท้าย,เขาก็จะสามารถผลิตพลังศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดขึ้นมาได้.
ทว่าขั้นตอนดังกล่าว,ก็อยู่ไม่ไกลแล้ว.
อย่างไรก็ตามในวันหนึ่ง,กับปรากฏมนุษย์กลายพันธ์มากกว่าสิบคนขึ้น,ในขอบเขตเรดาร์ของซูเห่า,มีมนุษย์กลายพันธ์ขั้นห้า,แม้กระทั่งขั้นหกอีกด้วย.
ซูเห่าที่หยุดการวิจัยทันที,ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย“คนของแก๊งสี่ราชา? พวกเขามาที่เมืองซือหลินทำอะไรกัน?”