บทที่ 67 : ถึงภูเขาไม่สูงเเต่ก็อาจจะมีพยัคฆ์, ถึงน้ำไม่ลึกเเต่ก็อาจจะมีมังกร!
บทที่ 67 : ถึงภูเขาไม่สูงเเต่ก็อาจจะมีพยัคฆ์, ถึงน้ำไม่ลึกเเต่ก็อาจจะมีมังกร!
"เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย? , ฉันเกรงว่าจะไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายธรรมดาๆนะ…… ไม่อย่างนั้นเฉียนเฉียนของเราคงจะไม่รีบออกไปโดยไม่แม้แต่จะบอกอะไรเลย" ฉีหยานมองไปที่หลิวเฉียนๆด้วยรอยยิ้ม
“ฉีหยาน เธอหยุดพูดเลยนะ” หลิวเฉียนๆหน้าแดงและแอบชำเลืองมองชูโจว, เเต่เมื่อเห็นว่าชูโจวไม่ได้ตอบสนองอะไร, เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ด้านหยางซิน, เธอมองที่ชูโจวพร้อมกับเลิกคิ้ว “นายชื่อชูโจวสินะ… เฉียนเฉียนบอกว่านายเป็นเพื่อนมัธยมปลายของเธอ ดังนั้นนายก็น่าจะมาจากเจียงเฉิงเหมือนกัน” หยานซินมองไปที่ชูโจวยิ้มๆและพูดเบาๆว่า
"ฉันไม่ได้ว่านายนะ……เเต่เจียงเฉิงเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ทำให้มันยากที่จะมีผู้มีพรสวรรค์เกิดขึ้นมา"
"ฉันเห็นได้ชัดเจนว่าเฉียนๆมีความประทับใจในตัวนายมาก, แต่นายอาจจะไม่รู้ว่าเฉียนๆเป็นที่นิยมแค่ไหนในมหาวิทยาลัยของเรา…… ดังนั้นถ้านายต้องการไล่ตามเฉียนๆในตอนนี้, นายคงต้องเข้าคิวต่อจากพวกอัจฉริยะเเละลูกหลานตระกูลใหญ่ในเมืองกวางตุ้ง….เเถมคิวอาจจะยาวหน่อย, เเต่ถ้าหากนายชอบเฉียนๆของเราจริงๆ นายก็ต้องพยายามทำงานหนักด้วยนะ" หยางซินพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“เอ่อ….. พวกเธออาจจะเข้าใจอะไรผิด, ฉันกับเฉียนเฉียนเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นกันเท่านั้น”
"นอกจากนี้ ถึงภูเขาไม่สูงเเต่ก็อาจจะมีพยัคฆ์ ถึงน้ำไม่ลึกเเต่ก็อาจจะมีมังกร…….. แม้ว่าเจียงเฉิงจะเป็นเพียงเมืองรอง แต่ก็มีโอกาศที่จะมีผู้มีอำนาจอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมา, ดังนั้นฉันหวังว่าในอนาคตเธอจะระวังเรื่องนี้ไว้ด้วยนะ” ชูโจวตอบสนองค่อคำพูดของหยางซินอย่างใจเย็น
“หยางซิน ถ้าเธอพูดแบบนั้นอีก, ฉันจะโกรธเเล้วนะ” หลิวเฉียนๆจ้องมองที่อยางซินด้วยความโกรธ, เเต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกสูญเสียอีกครั้ง
…….
หยางซิน และ ฉีหยาน, อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเมื่อเห็นปฏิกิริยาของชูโจวและหลิวเฉียนๆ..……. ปรากฎว่าไม่ใช่ชูโจวที่ชิบหลิวเฉียนๆ, แต่เป็นหลิวเฉียนๆต่างหากที่ชอบชูโจวอยู่ฝ่ายเดียว
ยิ่งกว่านั้น ชายคนนี้นั้นหยิ่งมาก, ถึงภูเขาไม่สูงเเต่ก็อาจจะมีพยัคฆ์ ถึงน้ำไม่ลึกเเต่ก็อาจจะมีมังกร….. คำเหล่านี้กล้าได้กล้าเสียมาก, เขาคิดว่าตัวเองเป็นมังกรหรืออย่างไร?
หลังจากเข้าใจในความสัมพันธ์ของชูโจวและหลิวเฉียนๆแล้ว, หยานซิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก, เเต่ทั้งคู่กลับเริ่มสงสัยในตัวชูโจวเเทน
คุณรู้ไหมว่าหลิวเฉียนๆ, เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น….. ดังนั้นเธอจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่และผู้ชายส่วนใหญ่อาจจะไม่คู่ควรกับเธอ……ดังนั้นมันต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆที่ทำให้หลิวเฉียนๆชอบชูโจวมากขนาดนี้
หยางซิงและฉีหยานที่กำลังจะถามรายละเอียดของชูโจวจากหลิวเฉียนๆ….. เเต่ทันใดนั้นเอง, ก็มีเด็กชายสองคนเดินเข้ามา
ในหมู่พวกเขาสองคน, เด็กหนุ่มรูปร่างสูงและหล่อเหลาที่เห็นชูโจวยืนอยู่ข้างๆ หลิวเฉียนๆ….สีหน้าของเขาหม่นลงเล็กน้อย
"เฉียนเฉียน, หยางซิน, ฉีหยาน….นี่ใครหรือ?" เกาไป่เฉิงถามด้วยรอยยิ้ม
"เกาไปเฉิง, เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น, โปรดเรียกฉันว่าหลิวเฉียนๆด้วย" หลิวเฉียนๆกล่าวอย่างไม่มีความสุข
ใบหน้าของเกาไปเฉิงชาเล็กน้อย แต่เขายังคงยิ้มและพูดว่า "เฉียนๆ, เธอยังจะปฏิเสธฉันอยู่อีกหรอ"
หลิวเฉียนๆมองอย่างเย็นชาและไม่พูดอีก, เกาไป่เฉิงต้องการจีบเธอและเธอก็รู……. แต่เธอไม่ได้ชอบเขาเลย, ผู้ชายคนนี้เหมือนน้ำตาลทรายแดงที่ห้อยต่องแต่งต่อตาเธอเสมอ, ซึ่งมันทำให้เธอรำคาญมาก
เกาไป่เฉิง, รู้สึกเสียหน้ามากเมื่อเห็นการแสดงออกของหลิวเฉียนๆ…… นี่ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวเฉียนๆมีอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่, เขาเกาไป่เฉิงจะดึงตัวเองออกมาไล่ตามเธอได้อย่างไร
เขาเป็นลูกชายของตระกูลใหญ่ในเมืองฐานกวางตุ้ง และเขาก็ได้เลื่อนขั้นเป็นนักรบเเล้ว, ดังนั้นจะขาดผู้หญิงได้ยังไง?
"เกาไป่เฉิง, ชื่อของเขาคือชูโจวและเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเฉียนๆ" ในที่สุดก็เป็นฉีหยานที่พูดออกมา
เมื่อได้ยินว่าชูโจวเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของหลิวเฉียนๆ, การแสดงออกของเกาไป่เฉิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาจำได้ว่าหลิวเฉียนๆนั้นมาจากเมืองรองเจียงเฉิง, ดังนั้นในฐานะเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย ชูโจวก็น่าจะมาจากเจียงเฉิงเช่นกัน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้, เกาไป่เฉิงก็รู้สึกโล่งใจทันที "พี่ชาย….. ดูเหมือนเฉียนๆจะให้ความสำคัญกับนายมาก, เเต่ทำไมนายดูอ่อนแอขนาดนี้ได้…….นายใช้กลอุบายบางอย่างเพื่อหลอกเฉียนๆหรือไม่" เกาไปเฉิงมองไปที่ชูโจวด้วยรอยยิ้มและพูดอย่างมุ่งร้าย, เขาเชื่ออย่างหนักแน่นว่าพื้นที่เล็กๆอย่างเจียงเฉิงไม่สามารถสร้างผู้มีพรสวรรค์ได้เลยและชูโจวซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหลิวเฉียนๆก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
…….
ดวงตาของหยางซิน และฉีหยาน เป็นประกายเมื่อพวกเธอเห็นว่าเกาไป่เฉิงกำลังจะท้าทายชูโจว….. พวกเธอต้องการดูว่าชูโจวมีความสามารถเพียงใด, หลิวเฉียนๆถึงได้ชอบเขามากขนาดนี้
ทางด้านหลิวเฉียนๆ, เธอกำลังมองไปเกาไป่เฉิงเหมือนมองคนโง่คนหนึ่งอยู่
หยานซินและฉีหยานเคยเล่าเรื่องของเกาไป่เฉิงให้เธอฟัง…….เกาไป่เฉิงเกิดในตระกูลของนักรบขั้นผู้ควบคุม, ดังนั้นเขาจึงหยิ่งยโสมาก
เเละเมื่อไม่นานมานี้, เกาไป่เฉิงดูเหมือนจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นนักรบผู้ปลุกพลังด้วยความช่วยเหลือของยาเสริมประสิทธิภาพยีนที่ตระกูลของเขาให้มา
อย่างไรก็ตาม, หลิวเฉียนๆรู้ดีกว่าชูโจวนั้นไม่เพียงแต่กลายเป็นนักรบเเล้ว…… เเต่เมื่อนานมานี้เขายังสามารถตามล่าและฆ่ามอนสเตอร์จำนวนมากในถิ่นทุรกันดารได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไปสังหารนักรบมอนสเตอร์ระดับสูงอย่างงูปะการังสีทองคำซึ่งมันมีพลังเทียบได้กับนักรบผู้ปลุกพลังระดับสูง, ดังนั้นการที่เกาไป่เฉิงเข้าไปท้าทายชูโจวก็เป็นเหมือนการทำให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้า
“ไร้สาระ!”
ชูโจวตอบปัดๆ และไม่ได้หันกลับไปมองเกาไป่เฉิงอีกเลย………ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เขาเป็นนักรบขั้นพิเศษเเล้ว, ต่อให้เขายังเป็นนักรบขั้นปลุกพลังเขาก็ไม่สนใจเกาไป่เฉิงอยู่ดี
ผู้ที่เคยต่อสู้และล่ามอนสเตอร์มาเเล้ว, มักจะมีออร่าที่ดูเหมือนฆาตกรจางๆ บนร่างกายของพวกเขา……..แต่เกาไป่เฉิงที่อยู่ตรงหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักรบผู้ปลุกพลังเเล้วแต่เขากลับไม่มีกลิ่นอายของการสังหารอยู่เลย…….. เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงดอกไม้ที่ปลูกอยู่ในเรือนกระจก, ตัวตนเช่นนี้ชูโจวขี้เกียจเกินไปที่จะเสวนาด้วย
"ฮ่าฮ่า เกาไป่เฉิง, ไอ้นี่มันดูไม่สนใจเเกเลย" ชายหนุ่มข้างๆเกาไป่เฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของเกาไป่เฉิงมืดมน, ก่อนหน้านี้เขาอารมณ์เสียมากที่หลิวเฉียนๆไม่สนใจเขา……. เเละในตอนนี้ชูโจวซึ่งเป็น"คู่แข่งความรัก?"ยังกล้าที่จะเพิกเฉยกับการท้าทายของเขา
“วันนี้, ถึงเเกไม่อยากสู้ เเกก็ต้องสู้!”
หลังจากพูดจบ, ร่างของเกาไป่เฉิงก็พุ่งเข้าหาชูโจวทันที, นิ้วทั้งห้าของเขากางออกจากนั้นงอเหมือนตะขอราวกับอุ้งมือของเหยี่ยวที่กำลังจะตะครุบกระต่าย
อย่างไรก็ตาม, ก่อนที่เขาจะทันได้จับร่างของชูโจว, ร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้นทันทีและกระอักเลือดออกมาคำใหญ่
หลิวเฉียนๆ, หยางซิง, ฉีหยาน หรือเด็กชายที่มาพร้อมกับเกาไป่เฉิงไม่มีใครสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกาไป่เฉิงล้มลงไปที่พื้นได้อย่างไร
พวกเขาเห็นเพียงว่าเกาไป่เฉิงกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ, แต่ทันใดนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นทันที จากนั้ยชูโจวก็เดินเข้าไปเหยียบหน้าอกของเกาไป่เฉิงด้วยเท้าข้างเดียวจนเขาพ่นเลือดออกมาจากปาก
ในความเป็นจริงเเล้วแม้แต่เกาไป่เฉิงเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาล้มลงกับพื้นได้อย่างไร, ในตอนที่เขากำลังจะโจมตีชูโจว….. จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงพลังที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ จากนั้นร่างกายของเขาล้มลงกับพื้นเเละความเจ็บปวดที่ราวกับว่าอวัยวะภายในของเขากำลังแตกเป็นเสี่ยงๆก็ปรากฏขึ้น ทำให้เขาไอเป็นเลือดออกมาทันที
“ชูโจวเป็นคนทำสิ่งนี้หรือ? หยางซิน และ ฉีหยานตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า, ตอนนี้หัวใจของพวกเธอกำลังสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้
ในทางตรงกันข้ามหลิวเฉียนๆกลับนิ่งสงบมาก, แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าชูโจวทำได้อย่างไร แต่ด้วยพลังของเขาเธอก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ชูโจวสามารถทำสิ่งนี้ได้
“ถ้าที่นี่ไม่ใช่มหาวิทยาลัย, ตอนนี้นายคงกลายเป็นซากศพไปแล้ว!”
ชูโจวที่เหยียบหน้าอกของเกาไป่เฉิงอยู่พูดอย่างเฉยเมย
เกาไป่เฉิงกระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง, หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความกลัว…….เขารู้สึกได้ว่าตราบใดที่เท้าของชูโจวนั้นออกแรงเพียงเพิ่มอีกเพียงน้อยนิด เขาก็จะต้องตายอย่างเเน่นอน
น่ากลัว, คนๆนี้น่ากลัวมาก…… เมื่อเทียบกับชูโจวเเล้วเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย, ถ้าเขารู้ว่าชูโจวมีพลังมาก ขนาดนี้เขาคงไม่กล้ายั่วยุชูโจวเด็ดขาด
“ปล่อยฉัน…...ปล่อยฉันเถอะ!”
เกาไป่เฉิงพูดด้วยเสียงสั่น ในรูปลักษณ์ปัจจุบัน เขาไม่มีพฤติกรรมของคนของตระกูลใหญ่อีกต่อไป, ตอนนี้เขาเหมือนสุนัขพ่ายแพ้ที่กำลังร้องขอความเมตตา
“แข็งแกร่งเกินไปเเล้ว, เฉียนๆเธอบอกความจริงมาเลยนะว่าตอนนี้ชูโจวอยู่ในระดับใดกันเเน่” หยางซินและฉีหยานมองไปที่หลิวเฉียนๆเเละถามพร้อมกัน
"ฉันไม่รู้แน่ชัดว่าเขาอยู่ในระดับใด แต่ฉันทราบมาว่าเขาสามารถฆ่านักรบมอนสเตอร์ระดับสูงได้เมื่อไม่นานมานี้"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ไม่ว่าจะเป็นหยางซิน, ฉีหยาน หรือ เกาไป่โจวที่อยู่บนพื้นต่างก็อ้าปากค้าง
ชูโจวและหลิวเฉียนๆ เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน, ดังนั้นชูโจวจึงมีอายุประมาณ 17 ปี……..การเป็นนักรบผู้ปลุกพลังตอนอายุ 17 ปี, ไม่ได้พิเศษในเมืองฐานกวางตุ้ง
แต่ว่าการที่สามารถล่านักรบมอนสเตอร์ระดับสูงได้เมื่ออายุ 17 ปีนั้นจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง….. แม้แต่ในเมืองฐานกวางตุ้งก็มีคนที่ทำได้เเบบนั้นไม่มากนัก และคนพวกนั้นล้วนเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่เหล่าตระกูลใหญ่ตั้งใจปลูกฝัง
…….. ชูโจวที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขานี้เทียบได้กับอัจฉริยะที่ตระกูลใหญ่ปลูกฝังอย่างตั้งใจ, เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หยางซินและคนอื่นๆ ก็ตกตะลึงอีกครั้ง
ทุกคนที่นี่ในตอนนี้, ยกเว้นหลิวเฉียนๆล้วนมาจากตระกูลศิลปะการต่อสู้ในเมืองฐานกวางตุ้งเเละพวกเขายังถือว่าเป็นหัวกะทิในเมืองฐานกวางตุ้งได้อีกด้วย……. แต่เมื่อเทียบกับสัตว์ประหลาดอย่างชูโจวแล้ว พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
…….
“หืม……ชูโจว ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่”
ทันใดนั้นเอง, เสียงที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ก็ดังมาจากนอกห้องฝึกสอน, จากนั้นร่างอรชรที่มีเสน่ห์มากๆก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“อาจารย์ตงฟาง!”
เมื่อเห็นร่างนั้น, หลิวเฉียนๆและคนอื่น ๆ ก็อุทานออกมา
“พี่สาวหมิงจูหรอ?” ชูโจวรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเขาเห็นตงฟางหมิงจูที่นี่…… นอกจากนี้พี่สาวหมิงจูก็ดูเหมือนว่าจะเป็นอาจารย์ที่หลิวเฉียนๆกล่าวถึง
ตงฟางหมิงจูเดินมาหาชูโจวและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณยังไม่ได้บอกว่าคุณมาที่นี่ได้ยังไง……เเละถ้าฉันรู้ว่าคุณจะมาที่นี่ ฉันคงรอคุณคุยกับผู้อำนวยการเฉินให้เสร็จ, เราจะได้มาที่มหาวิทยาลัยพร้อมๆกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ชูโจวชี้ไปที่หลิวเฉียนๆและพูดว่า "หลิวเฉียนๆเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของฉัน, ฉันจึงมาเยี่ยมเธอ"
ปรากฎว่าเฉียนๆเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของคุณ, ดูเหมือนว่าเราจะถูกลิขิตมาเพื่อกันและกันนะ…….ว่าเเต่เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณในตอนนี้กัน” ตงฟางหมิงจูมองไปที่เกาไป่เฉิงที่อยู่ใต้เท้าของชูโจว
"อะแฮ่ม….มีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อยเเละคนๆนี้พุ่งเข้ามาท้าทายฉันเมื่อกี้"
"ท้าทายคุณ?........ คุณล้อฉันเล่นเเล้ว, คุณเป็นคนที่ผู้อำนวยการเฉินให้ความสำคัญ เเต่เขาเป็นเเค่นักรบธรรมดาเเล้วเขาจะกล้ามาท้าทายคุณได้อย่างไร"
เมื่อเห็นชูโจวกำลังพูดคุยอย่างสนิทสนมกับอาจารย์ตงฟางหมิงจู, ไม่ว่าจะเป็น หลิวเฉียนๆ, หยางซิน, ฉีหยาน หรือ เกาไป่เฉิง…… พวกเขาทั้งหมดล้วนตกตะลึง
ในขณะนี้หยางซินและฉีหยานอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสิ่งที่ชูโจวพูดไว้ก่อนหน้านี้
ถึงภูเขาไม่สูงเเต่ก็อาจจะมีพยัคฆ์, ถึงน้ำไม่ลึกเเต่ก็อาจจะมีมังกร!
ปรากฎว่าชูโจวไม่ได้โอ้อวดเลยเลยเเม้เเต่น้อย
……………………..