ตอนที่แล้วบทที่ 66 : คำเตือนของเฉินปาโจว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 68 : โคลอสเซียมโกคู!

บทที่ 67 : ถึงภูเขาไม่สูงเเต่ก็อาจจะมีพยัคฆ์​, ถึงน้ำไม่ลึกเเต่ก็อาจจะมีมังกร!


บทที่ 67 : ถึงภูเขาไม่สูงเเต่ก็อาจจะมีพยัคฆ์​, ถึงน้ำไม่ลึกเเต่ก็อาจจะมีมังกร!

"เพื่อนร่วมชั้น​มัธยมปลาย? , ฉันเกรงว่าจะไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้น​มัธยมปลายธรรมดาๆนะ…… ไม่อย่างนั้นเฉียนเฉียนของเราคงจะไม่รีบออกไปโดยไม่แม้แต่จะบอกอะไรเลย" ฉีหยานมองไปที่หลิวเฉียน​ๆ​ด้วยรอยยิ้ม

“ฉีหยาน เธอหยุดพูดเลยนะ” หลิวเฉียนๆหน้าแดงและแอบชำเลืองมองชูโจว, เเต่เมื่อเห็นว่าชูโจวไม่ได้ตอบสนองอะไร, เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ด้านหยางซิน, เธอมองที่ชูโจวพร้อมกับเลิกคิ้ว “นายชื่อชูโจวสินะ… เฉียนเฉียนบอกว่านายเป็นเพื่อนมัธยมปลายของเธอ ดังนั้นนายก็น่าจะมาจากเจียงเฉิงเหมือนกัน” หยานซินมองไปที่ชูโจวยิ้มๆและพูดเบาๆว่า

"ฉันไม่ได้ว่านายนะ……เเต่เจียงเฉิงเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ทำให้มันยากที่จะมีผู้มีพรสวรรค์เกิดขึ้นมา"

"ฉันเห็นได้ชัดเจนว่าเฉียนๆมีความประทับใจในตัวนายมาก, แต่นายอาจจะไม่รู้ว่าเฉียนๆเป็นที่นิยมแค่ไหนในมหาวิทยาลัย​ของเรา…… ดังนั้นถ้านายต้องการไล่ตามเฉียนๆในตอนนี้, นายคงต้องเข้าคิวต่อจากพวกอัจฉริยะ​เเละลูกหลานตระกูล​ใหญ่​ในเมืองกวางตุ้ง….เเถมคิวอาจจะยาวหน่อย, เเต่ถ้าหากนายชอบเฉียนๆของเราจริงๆ นายก็ต้องพยายาม​ทำงานหนักด้วยนะ" หยางซินพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

“เอ่อ….. พวกเธออาจจะเข้าใจอะไรผิด, ฉันกับเฉียนเฉียนเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นกันเท่านั้น​”

"นอกจากนี้ ถึงภูเขาไม่สูงเเต่ก็อาจจะมีพยัคฆ์​ ถึงน้ำไม่ลึกเเต่ก็อาจจะมีมังกร…….. แม้ว่าเจียงเฉิงจะเป็นเพียงเมืองรอง แต่ก็มีโอกาศที่จะมีผู้มีอำนาจ​อันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมา, ดังนั้น​ฉันหวังว่าในอนาคต​เธอจะระวังเรื่องนี้ไว้ด้วยนะ” ชูโจวตอบสนองค่อคำพูดของหยางซินอย่างใจเย็น

“หยางซิน ถ้าเธอพูดแบบนั้นอีก, ฉันจะโกรธเเล้วนะ” หลิวเฉียน​ๆ​จ้องมองที่อยางซินด้วยความโกรธ, เเต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกสูญเสียอีกครั้ง

…….

หยางซิน และ ฉีหยาน, อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเมื่อเห็นปฏิกิริยาของชูโจวและหลิวเฉียนๆ..……. ปรากฎว่าไม่ใช่ชูโจวที่ชิบหลิวเฉียนๆ, แต่เป็นหลิวเฉียนๆต่างหากที่ชอบชูโจวอยู่​ฝ่ายเดียว

ยิ่งกว่านั้น ชายคนนี้นั้นหยิ่งมาก, ถึงภูเขาไม่สูงเเต่ก็อาจจะมีพยัคฆ์​ ถึงน้ำไม่ลึกเเต่ก็อาจจะมีมังกร….. คำเหล่านี้กล้าได้กล้าเสียมาก, เขาคิดว่าตัวเองเป็นมังกรหรืออย่างไร​?

หลังจากเข้าใจในความสัมพันธ์​ของชูโจวและหลิวเฉียนๆแล้ว, หยานซิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก, เเต่ทั้งคู่​กลับเริ่มสงสัยในตัวชูโ​จว​เเทน

คุณรู้ไหมว่าหลิวเฉียนๆ, เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่​คนนั้น….. ดังนั้นเธอจะมีอนาคตที่สดใสรอ​อยู่​และผู้ชายส่วนใหญ่อาจจะไม่คู่ควร​กับเธอ……ดังนั้นมันต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆที่ทำให้หลิวเฉียนๆชอบชูโจวมากขนาดนี้

หยางซิงและฉีหยานที่กำลังจะถามรายละเอียด​ของชูโจวจากหลิวเฉียนๆ….. เเต่ทันใดนั้นเอง, ก็มีเด็กชายสองคนเดินเข้ามา

ในหมู่พวกเขาสองคน, เด็กหนุ่มรูปร่างสูงและหล่อเหลาที่เห็นชูโจวยืนอยู่ข้างๆ หลิวเฉียนๆ….สีหน้าของเขาหม่นลงเล็กน้อย

"เฉียนเฉียน, หยางซิน, ฉีหยาน….นี่ใครหรือ?" เกาไป่เฉิงถามด้วยรอยยิ้ม

"เกาไปเฉิง, เราไม่ได้สนิท​กัน​ขนาด​นั้น​, โปรดเรียกฉันว่าหลิวเฉียนๆด้วย" หลิวเฉียนๆกล่าวอย่างไม่มีความสุข

ใบหน้าของเกาไปเฉิงชาเล็กน้อย แต่เขายังคงยิ้มและพูดว่า "เฉียน​ๆ, เธอยังจะปฏิเสธ​ฉันอยู่อีกหรอ"

หลิวเฉียนๆมองอย่างเย็นชาและไม่พูดอีก, เกาไป่เฉิงต้องการจีบเธอและเธอก็รู……. แต่เธอไม่ได้ชอบเขาเลย, ผู้ชายคนนี้เหมือนน้ำตาลทรายแดงที่ห้อยต่องแต่งต่อตาเธอเสมอ, ซึ่งมันทำให้เธอรำคาญมาก

เกาไป่เฉิง, รู้สึกเสียหน้ามากเมื่อเห็นการแสดงออกของหลิวเฉียน​ๆ…… นี่ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวเฉียนๆมีอาจารย์​ที่ยิ่งใหญ่, เขาเกาไป่เฉิงจะดึงตัวเองออกมาไล่ตามเธอได้อย่างไร

เขาเป็นลูกชายของตระกูล​ใหญ่ในเมืองฐานกวางตุ้ง และเขาก็ได้เลื่อนขั้น​เป็นนักรบเเล้ว, ดังนั้นจะขาดผู้หญิงได้ยังไง?

"เกาไป่เฉิง, ชื่อของเขาคือชูโจวและเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเฉียน​ๆ" ในที่สุดก็เป็นฉีหยานที่พูดออกมา

เมื่อได้ยินว่าชูโจวเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของหลิวเฉียน​ๆ, การแสดงออกของเกาไป่เฉิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เขาจำได้ว่าหลิวเฉียนๆนั้นมาจากเมืองรองเจียงเฉิง, ดังนั้น​ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย ชูโจว​ก็​น่าจะมาจากเจียงเฉิงเช่นกัน​

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้, เกาไป่เฉิงก็รู้สึกโล่งใจทันที "พี่ชาย….. ดูเหมือนเฉียนๆจะให้ความสำคัญกับนายมาก, เเต่ทำไมนายดูอ่อนแอขนาดนี้ได้…….นายใช้กลอุบายบางอย่างเพื่อหลอกเฉียนๆหรือไม่" เกาไปเฉิงมองไปที่ชูโจวด้วยรอยยิ้มและพูดอย่างมุ่งร้าย, เขาเชื่ออย่างหนักแน่นว่าพื้นที่เล็กๆอย่างเจียงเฉิงไม่สามารถสร้างผู้มีพรสวรรค์ได้เลยและชูโจวซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหลิวเฉียนๆก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน

…….

ดวงตาของหยางซิน และฉีหยาน เป็นประกายเมื่อพวกเธอเห็นว่าเกาไป่เฉิงกำลังจะท้าทายชูโจว….. พวกเธอต้องการดูว่าชูโจวมีความสามารถ​เพียงใด, หลิวเฉียนๆถึงได้ชอบ​เขามากขนาด​นี้​

ทางด้านหลิวเฉียน​ๆ, เธอกำลังมองไปเกาไป่เฉิงเหมือนมองคนโง่คนหนึ่​งอยู่

หยานซินและฉีหยานเคยเล่าเรื่องของเกาไป่เฉิงให้เธอฟัง…….เกาไป่เฉิงเกิดในตระกูล​ของนักรบขั้นผู้ควบคุม, ดังนั้นเขาจึงหยิ่งยโส​มาก

เเละเมื่อไม่นานมานี้, เกาไป่เฉิงดูเหมือนจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นนักรบผู้​ปลุก​พลัง​ด้วยความช่วยเหลือของยาเสริม​ประ​สิ​ท​ธิภาพ​ยีน​ที่ตระกูล​ของเขาให้มา

อย่างไรก็ตาม, หลิวเฉียนๆรู้ดีกว่าชูโจวนั้นไม่เพียงแต่กลายเป็นนักรบเเล้ว…… เเต่เมื่อนานมานี้เขายังสามารถ​ตามล่าและฆ่ามอนส​เตอร์​จำนวนมากในถิ่นทุรกันดารได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไปสังหารนักรบมอนส​เตอร์​ระดับสูงอย่างงูปะการังสีทองคำซึ่ง​มันมีพลังเทียบ​ได้กับนักรบผู้​ปลุก​พลัง​ระดับ​สูง, ดังนั้นการที่เกาไป่เฉิงเข้าไปท้าทายชูโจวก็เป็นเหมือนการทำให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้า

“ไร้สาระ!”

ชูโจวตอบปัดๆ และไม่ได้หันกลับไปมองเกาไป่เฉิงอีกเลย………ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เขาเป็นนักรบขั้น​พิเศษ​เเล้ว, ต่อให้เขายังเป็นนักรบขั้นปลุกพลังเขาก็ไม่สนใจเกาไป่เฉิงอยู่ดี

ผู้ที่เคยต่อสู้และล่ามอนสเตอร์มาเเล้ว, มักจะมีออร่าที่ดูเหมือนฆาตกรจางๆ บนร่างกายของพวกเขา……..แต่เกาไป่เฉิงที่อยู่ตรงหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักรบผู้​ปลุก​พลัง​เเล้วแต่เขากลับไม่มีกลิ่นอายของการสังหารอยู่เลย…….. เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงดอกไม้ที่ปลูกอยู่ในเรือนกระจก, ตัวตนเช่นนี้ชูโจวขี้เกียจเกินไปที่จะเสวนา​ด้วย

"ฮ่าฮ่า เกาไป่เฉิง, ไอ้นี่มันดูไม่สนใจ​เเกเลย" ชายหนุ่ม​ข้างๆเกาไป่เฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม

ใบหน้าของเกาไป่เฉิงมืดมน​, ก่อนหน้านี้​เขาอารมณ์เสียมากที่หลิวเฉียนๆไม่สนใจ​เขา……. เเละในตอนนี้ชูโจวซึ่งเป็น"คู่แข่งความรัก?"ยังกล้าที่จะเพิกเฉยกับการท้าทายของเขา

“วันนี้, ถึงเเกไม่อยากสู้ เเกก็ต้องสู้!”

หลังจากพูดจบ, ร่างของเกาไป่เฉิงก็พุ่งเข้าหาชูโจวทันที, นิ้วทั้งห้าของเขากางออกจากนั้นงอเหมือนตะขอราวกับอุ้งมือ​ของเหยี่ยวที่กำลังจะตะครุบกระต่าย

อย่างไรก็ตาม, ก่อนที่เขาจะทันได้จับร่างของชูโจว, ร่างของเขาก็ล้มลงกับ​พื้น​ทันทีและกระอักเลือดออกมาคำใหญ่

หลิวเฉียนๆ, หยางซิง, ฉีหยาน หรือเด็กชายที่มาพร้อมกับเกาไป่เฉิงไม่มีใครสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกาไป่เฉิงล้มลงไปที่พื้นได้อย่างไร

พวกเขาเห็นเพียงว่าเกาไป่เฉิงกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ, แต่ทันใดนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นทันที จากนั้ยชูโจวก็เดินเข้าไปเหยียบหน้าอกของเกาไป่เฉิงด้วยเท้าข้างเดียวจนเขาพ่นเลือดออกมาจากปาก

ในความเป็นจริงเเล้วแม้แต่เกาไป่เฉิงเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาล้มลงกับพื้นได้อย่างไร,  ในตอนที่เขากำลังจะโจมตีชูโจว….. จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงพลังที่เขาไม่สามารถ​ต้านทานได้ จากนั้นร่างกายของเขาล้มลงกับ​พื้น​เเละความเจ็บปวดที่ราวกับว่าอวัยวะภายในของเขากำลังแตกเป็นเสี่ยงๆก็ปรากฏ​ขึ้น ทำให้เขาไอเป็นเลือดออกมาทันที

“ชูโจวเป็นคนทำสิ่งนี้หรือ? หยางซิน และ ฉีหยานตกตะลึงกับเหตุการณ์​ตรงหน้า, ตอนนี้หัวใจของพวกเธอกำลังสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้

ในทางตรงกันข้ามหลิวเฉียนๆกลับนิ่งสงบมาก, แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าชูโจวทำได้อย่างไร แต่ด้วยพลังของเขาเธอก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ชูโจวสามารถทำสิ่งนี้ได้

“ถ้าที่นี่ไม่ใช่มหาวิทยาลัย, ตอนนี้นายคงกลายเป็นซากศพไปแล้ว!”

ชูโจวที่เหยียบหน้าอกของเกาไป่เฉิงอยู่พูดอย่างเฉยเมย

เกาไป่เฉิงกระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง, หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความกลัว…….เขารู้สึกได้ว่าตราบใดที่เท้าของชูโจวนั้นออกแรงเพียงเพิ่มอีกเพียงน้อยนิด เขาก็จะต้องตายอย่างเเน่นอน

น่ากลัว, คนๆนี้น่ากลัวมาก…… เมื่อเทียบกับชูโจวเเล้วเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย, ถ้าเขารู้ว่าชูโจวมีพลังมาก ขนาดนี้เขาคงไม่กล้ายั่วยุชูโจวเด็ด​ขาด

“ปล่อยฉัน…...ปล่อยฉันเถอะ!”

เกาไป่เฉิงพูดด้วยเสียงสั่น ในรูปลักษณ์ปัจจุบัน เขาไม่มีพฤติกรรมของคนของตระกูล​ใหญ่อีกต่อไป, ตอนนี้เขาเหมือนสุนัขพ่ายแพ้ที่กำลังร้องขอความเมตตา

“แข็งแกร่งเกินไปเเล้ว, เฉียนๆเธอบอกความจริงมาเลยนะว่าตอนนี้ชูโจวอยู่ในระดับใดกันเเน่” หยางซินและฉีหยานมองไปที่หลิวเฉียนๆเเละถามพร้อมกัน

"ฉันไม่รู้แน่ชัดว่าเขาอยู่ในระดับใด แต่ฉันทราบมาว่าเขาสามารถ​ฆ่านักรบมอนส​เตอร์​ระดับสูงได้เมื่อไม่นานมานี้"

เมื่อได้ยินเช่นนี้, ไม่ว่าจะเป็นหยางซิน, ฉีหยาน หรือ เกาไป่โจวที่อยู่บนพื้นต่างก็อ้าปากค้าง

ชูโจวและหลิวเฉียนๆ เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน, ดังนั้นชูโจวจึงมีอายุประมาณ 17 ปี……..การเป็นนักรบผู้​ปลุก​พลัง​ตอนอายุ 17 ปี, ไม่ได้พิเศษ​ในเมืองฐานกวางตุ้ง

แต่ว่าการที่สามารถล่านักรบมอนส​เตอร์ระดับสูงได้เมื่ออายุ 17 ปีนั้นจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง….. แม้แต่ในเมืองฐานกวางตุ้งก็มีคนที่ทำได้เเบบนั้นไม่มากนัก และคนพวกนั้นล้วนเป็นสุดยอด​อัจฉริยะ​ที่เหล่าตระกูล​ใหญ่ตั้งใจปลูกฝัง

…….. ชูโจวที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขานี้เทียบได้กับอัจฉริยะ​ที่ตระกูล​ใหญ่ปลูกฝังอย่างตั้งใจ, เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หยางซินและคนอื่นๆ ก็ตกตะลึง​อีกครั้ง

ทุกคนที่นี่ในตอนนี้, ยกเว้นหลิวเฉียนๆล้วนมาจากตระกูลศิลปะการต่อสู้ในเมืองฐานกวางตุ้งเเละพวกเขายังถือว่าเป็นหัวกะทิในเมืองฐานกวางตุ้งได้อีกด้วย……. แต่เมื่อเทียบกับสัตว์ประหลาดอย่างชูโจวแล้ว พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย

…….

“หืม……ชูโจว ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่”

ทันใดนั้นเอง, เสียงที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ก็ดังมาจากนอกห้องฝึกสอน, จากนั้นร่างอรชรที่มีเสน่ห์มากๆก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆ

“อาจารย์ตงฟาง!”

เมื่อเห็นร่างนั้น, หลิวเฉียนๆและคนอื่น ๆ ก็อุทานออกมา

“พี่สาวหมิงจูหรอ?” ชูโจวรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเขาเห็นตงฟางหมิงจูที่นี่…… นอกจากนี้พี่สาวหมิงจูก็ดูเหมือนว่าจะเป็นอาจารย์ที่หลิวเฉียนๆกล่าวถึง

ตงฟางหมิงจูเดินมาหาชูโจวและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณยังไม่ได้บอกว่าคุณมาที่นี่ได้ยังไง……เเละถ้าฉันรู้ว่าคุณจะมาที่นี่ ฉันคงรอคุณคุยกับผู้อำนวยการ​เฉินให้เสร็จ, เราจะได้มาที่มหาวิทยาลัย​พร้อมๆกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้, ชูโจวชี้ไปที่หลิวเฉียนๆและพูดว่า "หลิวเฉียนๆเป็นเพื่อนร่วมชั้น​มัธยมปลาย​ของฉัน, ฉันจึงมาเยี่ยมเธอ"

ปรากฎ​ว่าเฉียน​ๆเป็นเพื่อนร่วมชั้น​มัธยมปลาย​ของคุณ, ดูเหมือนว่าเราจะถูกลิขิตมาเพื่อกันและกันนะ…….ว่าเเต่เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณในตอนนี้กัน” ตงฟางหมิงจูมองไปที่เกาไป่เฉิงที่อยู่ใต้เท้าของชูโจว

"อะแฮ่ม….มีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อยเเละคนๆนี้พุ่งเข้ามาท้าทายฉันเมื่อกี้"

"ท้าทายคุณ?........ คุณล้อฉันเล่นเเล้ว, คุณเป็นคนที่ผู้อำนวยการ​เฉินให้ความสำคัญ เเต่เขาเป็นเเค่นักรบธรรมดาเเล้วเขาจะกล้ามาท้าทายคุณได้อย่างไร"

เมื่อเห็นชูโจวกำลังพูดคุยอย่างสนิทสนม​กับอาจารย์​ตงฟางหมิงจู, ไม่ว่าจะเป็น หลิวเฉียน​ๆ​, หยางซิน, ฉีหยาน หรือ เกาไป่เฉิง…… พวกเขาทั้งหมดล้วนตกตะลึง

ในขณะนี้หยางซินและฉีหยานอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสิ่งที่ชูโจวพูดไว้ก่อนหน้า​นี้

ถึงภูเขาไม่สูงเเต่ก็อาจจะมีพยัคฆ์​, ถึงน้ำไม่ลึกเเต่ก็อาจจะมีมังกร!

ปรากฎว่าชูโจวไม่ได้โอ้อวดเลยเลยเเม้เเต่น้อย​

……………………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด