ตอนที่ 970 พี่หง กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร ฉันโอ้อวดอํานาจของฉันที่ไหนกัน?
หยางฮ่าว กําลังทํางานอยู่ และได้รู้สึกง่วงนอนเล็กน้อย เขาจึงได้ลุกขึ้นไปต้มน้ำเพื่อเตรียมจะชงชาเข้มข้นดื่มสักถ้วย แต่ปรากฏว่า.. พอเขาเดินออกมา ก็ได้เห็น หลินฟาน ที่กำลังเดินเข้ามา พร้อมกับได้ถือชายอีกคนเอาไว้ด้วยเพียงมือเดียว.. ทั้งนี้ข้างหลังเขาก็ยังมีนักเลงผมสีเหลืองคนหนึ่ง ที่ดูมีอาการขลาดกลัวอยู่ไม่ใช่น้อย… เดินตามมาต้อยๆ
เมื่อเห็นอะไรเช่นนี้ หยางฮ่าว ก็ไม่มีอาการง่วงอีกต่อไปแล้ว แต่ได้โพล่งเสียงออกมาอย่างตกใจแทน : “หลินฟาน แกมาที่นี่ได้ยังไง?”
เมื่อวานนี้เขาได้เห็นกับตาว่า พี่สาวหง ได้ถูกพาตัวไปสถานีตํารวจ.. หยางฮ่าว ที่ตกใจมาก จึงได้รีบไปรายงานเรื่องนี้ให้กับเจ้านายของเขา ซึ่งก็คือ ชายวัยกลางคนที่สวมใส่แว่นตา ที่อยู่ในห้องทํางานของประธาน ในขณะนี้…
พอได้ฟังเรื่องนี้จาก หยางฮ่าว ชายวัยกลางคนที่สวมใส่แว่นตา ก็ไม่กล้าเพิกเฉย และได้รีบติดต่อ หง จินสุ่ย สามีของ พี่สาวหง พร้อมได้มาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ได้ฟังทันที, เมื่อนั้น หยางฮ่าว ก็ได้ยิ่งเอาข้อมูลที่ตัวเองรู้เกี่ยวกับ หลินฟาน ออกมาสารภาพ โดยไม่ให้มีข้อผิดพลาดแม้แต่คำเดียว..
หง จินสุ่ย ก็ได้โกรธมากจนได้ไปที่สถานีตำรวจ ในขณะเดียวกันก็ได้สั่งระดมคนของเขา เพื่อออกตามหา หลินฟาน..
หง จินสุ่ย ในฐานะเจ้านายใหญ่ จะไปทนได้อย่างไร!
หยางฮ่าว ที่ได้เห็นเช่นนี้ ก็ได้รู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที และในชั่วขณะหนึ่ง เขาก็ได้เริ่มมีความสุขในความโชคร้ายของคนอื่น.. แล้วเรื่องนี้ ใครใช้ให้ ไอ้หลินฟาน มันกล้าต่อสู้เขาเมื่อวานนี้ล่ะ?!
ในตอนนี้.. เขาก็กำลังรอดู หลินฟาน ประสบกับความโชคร้าย หลินฟาน ตัวมันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ากำลังยุ่งอยู่กับใคร พี่หง อยู่ในหางโจว ทั้งเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะกล้าเข้ายุ่งด้วยได้ แล้ว.. หลินฟาน ที่ได้เข้าไปยุ่งกับ ผู้หญิงของ พี่หง นี่ไม่ใช่เท่ากับ ‘เรียกหาความตาย’ หรอกหรือ?
ในเวลานี้ เขารอไม่ไหวแล้ว ที่ต้องการจะได้ยินข่าว หลินฟาน ถูกซ้อม หาก หลินฟาน ถูกทุบตีจนแม่จำหน้าไม่ได้ นั้นมันก็จะยิ่งทำให้เขามีความสุขที่สุด และเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็สามารถเอาชนะ หลินฟาน ได้แล้ว…
อย่างไรก็ตาม...
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินฟาน จะมาปรากฏตัว.. ในบริษัทของเขาจริงๆ และหลินฟาน ไม่มีแม้แต่แผลใดๆ เลย ผมของเขาก็ไม่ได้ดูยุ่งเหยิง แล้วไหนบอกว่าไปทุบตี หลินฟาน?
แล้วไหนคนพวกนี้ที่ได้ตกลงกับเขาไว้ว่าจะทุบตี หลินฟาน จนแม่มันจำมันไม่ได้ล่ะ!?
แต่กลับกลายเป็นชายผอมสูงที่ หลินฟาน กำลังถือเขาอยู่ในมือ ที่ขณะนี้นั้น เขากลับดูน่าสังเวชเล็กน้อย หัวของเขาแตก และได้มีเลือดไหล ทั้งยังดูเหมือนว่าเขา ..กําลังจะตาย
แต่.. นี่ นี่มันมือขวาของ พี่หง ไม่ใช่หรือไง? ทั้งยังเป็นผู้นำพาคนไปทุบตี หลินฟาน อีก แต่ปรากฏว่า หลินฟาน ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เป็นตัวของเขาเองที่ได้รับบาดเจ็บ?
แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!?
หลินฟาน ก็ได้โยนชายผอมสูงที่อยู่ในมือลงไปกับพื้น ทำอย่างกับว่า.. ไม่ได้ตั้งใจ ตุบ.. และในพริบตา.. ชายผอมสูง ก็ได้ล้มลงไปกระแทกกับพื้นต่อหน้า หยางฮ่าว
หยางฮ่าว ตกใจมาก เมื่อนั้นก็ได้ยินเสียงแก้วแตก ถ้วยชาในมือของเขามันได้หลุดมือตกลงไปบนพื้นตอนไหนก็ไม่รู้ และมันก็ได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“หลินฟาน ฉัน…” หยางฮ่าว พูดอย่างไม่ปะติดปะต่อ
หลินฟาน ได้มองไปที่ หยางฮ่าว แล้วได้พูดไปว่า : “ไปเรียก พี่หง ออกมา..”
หยางฮ่าว ได้ร้องโอ้ ออกมาเสียงดัง เขาตกใจมากกับอดีตเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนส่งของคนนี้.. และโดยไม่ทันได้คิดว่า หลินฟาน ได้ตั้งใจจะออกคําสั่งกับเขา และเขากลับรู้สึกเชื่อฟังคําสั่งของอีกฝ่ายอย่างเชื่อฟัง.. ไปได้ยังไง?
“ไม่ต้องให้ใครไปตามแล้ว ฉันเองคือ หง จินสุ่ย…”
ชายวัยกลางคนที่แข็งแกร่ง ได้เดินออกจากห้องทํางานของประธาน และตามมาด้วยชายวัยกลางคนที่สวมใส่แว่นตา ที่ได้ออกมายืนอยู่ข้างๆ
หง จินสุ่ย ได้ชำเลืองมองชายผอมสูง ที่นอนอยู่บนพื้น สีหน้าของเขามันก็ได้มืดมนลง แล้วจากนั้นเขาก็ได้จ้องมองไปที่ หลินฟาน : “คุณเป็นคนทุบตีเขาจนเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?”
หลินฟาน ได้ยิ้ม แล้วพูดว่า : “พี่หง คุณอย่าได้เข้าใจผิด ฉันไม่ได้ลงมือเลย ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นคนของคุณที่คิดฆ่ากันเองทั้งหมด หากไม่เชื่อ คุณสามารถไปดูบนถนนเส้นนั้นได้ คนของคุณนอนอยู่ที่นั่นทั้งหมด โอ้.. ใช่ๆ ลูกน้องของคุณคนนี้ ก็สามารถเป็นพยานให้ได้”
หลินฟาน ได้หันไปมองนักเลงผมเหลืองที่อยู่ข้างหลัง..
สายตาของทุกคนได้ตกไปที่นักเลงผมเหลือง ..อยู่พักหนึ่ง
นักเลงผมเหลือง ได้ตัวสั่น และพูดอย่างประหม่า : “พี่หง…”
หง จินสุ่ย ถามว่า : “นี่.. มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
นักเลงผมเหลือง ได้พูดพร้อมกับร้องไห้ออกไปว่า : “ผม.. ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน…”
เขาเองไม่รู้ว่าจะพูดยังไงออกไปดี และจริงๆ แล้วเห็นได้ชัดว่าพวกเขากลุ่มหนึ่งได้ถือแท่งเหล็กออกไป และจะใช้มันเพื่อทุบตี หลินฟาน แต่แล้วมันก็เป็นผลให้ หลินฟาน ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่กลับกันกลุ่มของพวกเขาต่างพากันหัวแตกเลือดไหล และล้มลงไปกับพื้น…
หง จินสุ่ย ได้พูดเบาๆ อย่างใจเย็น : “คุณใจเย็นๆ หน่อย แล้วสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
นักเลงผมเหลือง ได้พูดไปพลางร้องไห้ออกมาว่า : “พวกเรากลุ่มหนึ่งได้รับคําสั่งจากพี่ให้ไปสั่งสอนเขา แต่สุดท้ายคนของเรากลับล้มลงทั้งหมด ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมเองได้วิ่งไปข้างหลังทันที และมองเห็นอย่างชัดเจน… และเห็นว่าเขา.. เขา.. เหมือนใช้คนของเราเป็น ‘โล่เนื้อ’ เดิมทีแท่งเหล็กพวกนี้สมควรใช้ทุบตีเขา แต่แล้วมันกลับไปโดนพวกเรากันเองทั้งหมด แล้วมันก็เหลือเพียงผม กับพี่จู๋…”
พี่จู๋ ก็คือ ชายร่างผอมสูงคนนี้ ที่ได้นอนอยู่บนพื้น…
หง จินสุ่ย ตกใจมาก แต่เขาก็ได้พูดว่า : “พูดต่อไป..”
นักเลงผมเหลือง พูดว่า : “เขาบอกให้ พี่จู๋ พาเขามาหาเจ้านาย พี่จู๋ ไม่ยินยอม และเขาก็…”
ทาง หง จินสุ่ย ก็ได้พูดว่า : “แล้วเขาก็ตี อาจู๋ งั้นเหรอ?”
นักเลงผมเหลืองเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว : “ไม่.. ไม่ใช่ เขาไม่ได้ตี พี่จู๋ แต่คือ... ผมเป็นคนตี”
“อะไรนะ.. นี่แกตี?” หง จินสุ่ย พูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธ
ตุบ!
นักเลงผมเหลืองถึงกับตกใจจนได้คุกเข่าลงไป จนสุดท้ายก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่, เขาได้กลัวจนร้องไห้ออกมา แม่จ๋าา ผมไม่อยากเป็นนักเลงอีกแล้ว ..เป็นนักเลง นี่มันเป็นยากเกินไป
“พี่จู๋ ไม่ยอมบอกว่า เจ้านาย อยู่ที่ไหน.. เขาก็เลยบอกให้ผมบังคับให้เขาสารภาพออกมา ผมก็ทำอะไรไม่ได้.. ถ้าผมไม่ตอบตกลง ผมก็จะเป็นเหมือนพวกเพื่อนๆ ผมกลัวอยู่พักหนึ่ง เลยได้แต่ต้องตอบตกลงเขาไป…” นักเลงผมเหลืองได้ร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหล.. เขากลัวมากจริงๆ
เขาเองก็แทบใจหาย ตอนนั้น หลินฟาน ต้องการให้เขามาบังคับ พี่จู๋ ให้รับสารภาพ นั่นมันก็หมายความว่า.. เขาจะได้มีเรื่องกับ พี่จู๋ ในภายหลังแน่ๆ
เขาถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา และรู้ตัวเองว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ พี่จู๋ หากให้ต่อสู้จริงๆ เขาอาจจะโดน พี่จู๋ ต่อยจนตายไปแน่ๆ! เขาก็เลยคิดฉวยโอกาสที่ พี่จู๋ ไม่ทันสังเกต หยิบแท่งเหล็กขึ้นมา และเดินเข้าไปข้างหลัง พี่จู๋ จากนั้นก็ฟาดมันลงหัว พี่จู๋ และแค่แป๊บเดียวเท่านั้น พี่จู๋ ก็ได้ทิ้งตัวลงไปกับพื้น ..ในทันที
ในตอนนั้น พี่จู๋ ก็ได้หมดแรงต้าน ทำได้แต่ปล่อยให้นักเลงผมเหลือง ข่มเหงทำร้ายเขา…
และในที่สุด พี่จู๋ ก็ทนไม่ไหว ก่อนที่จะเป็นลมหมดสติไป แต่ก่อนหน้าที่จะหมดสติไปจริงๆ พี่จู๋ ก็ได้สารภาพ และระบุที่อยู่ของ เจ้านาย ออกมา..
หลินฟาน ได้ยิ้ม แล้วพูดว่า : “คุณเองก็คงได้ยินแล้ว ฉันไม่ได้แตะพวกเขาแม้แต่ผมสักเส้นเดียวเลย แต่ว่านะ พี่หง เหล่าน้องชายกลุ่มนี้ของคุณ ราวกับมีความอาฆาตแค้นที่ฉันได้ไปฆ่าพ่อของพวกเขา ทั้งวิ่งเข้ามาอย่างกับฝูงผึ้ง กระโจนเข้ามาทุบตีฉัน นี่มันช่างไร้เหตุผลจริงๆ ดังนั้นฉันจึงต้องการมาหา พี่หง เพื่อมาพูดคุยกันด้วยเหตุผล..”
หง จินสุ่ย ได้มีสีหน้ามืดครึ้มในทันที : “หลินฟาน คุณคิดว่าตัวเองเก่งมากจริงๆ นะเหรอ? แม้ว่าคุณจะโค่นล้มกลุ่มลูกน้องของฉันได้ แต่มันถึงเวลาของคุณแล้วนะเหรอที่คิดจะมาแสดงอํานาจต่อหน้าฉัน!”
หลินฟาน กล่าวว่า : “พี่หง กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร ฉันโอ้อวดอํานาจของฉันที่ไหนกัน ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้พูดออกไปหรือว่า ..ฉัน มาเพื่อพูดด้วยเหตุผลกับคุณ”
“คุณมันมีอะไรอยากจะพูด?” หง จินสุ่ย ได้พูดตะคอกออกไป
หลินฟาน กล่าวว่า : “พี่หง ความแค้นเคืองพึงละมิพึงผูก(1) และฉันก็ไม่ได้อยากมีเรื่องบาดหมางกับ พี่หง จริงๆ …แล้วนี่ฉันเองก็ชอบคบหามิตรสหายมากกว่า และยังชอบคุยกันด้วยเหตุผล ฉันมาครั้งนี้ก็เพื่อมาแก้ไขความขัดแย้ง ใครควรรับผิดชอบก็ปล่อยให้ต้องรับผิดชอบกันไป”
“แล้วครั้งนี้ การที่ พี่หง ได้หาคนมาทุบตีฉันอย่างงงๆ เช่นนี้ มันก็ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เพราะเท่าที่ฉันรู้ ฉันเองก็ไม่ได้ทําอะไรผิด ไม่ควรถูกคนอื่นทุบตี ตรงกันข้าม เมื่อวานภรรยาคุณ โอ้.. คนนั้นภรรยาคุณใช่ไหม? เธอทําผิด ถูกตํารวจจับไปมันก็ถูกต้องแล้ว หากคุณไม่เชื่อฉัน ยังไงก็ตามคุณก็ต้องเชื่อตํารวจถูกต้องใช่ไหมล่ะ? แล้วถ้าหากไม่ใช่เธอผิดจริงๆ แล้วตํารวจจะจับเธอไปทำไม ไม่ใช่พวกเขาต้องมาจับฉันมากกว่าหรอกเหรอ? แล้วเรื่องนี้ฉันไม่ควรถูกทุบตี และควรได้รับคําขอโทษด้วยซ้ำ พี่หง พี่ฟังฉันพูดดูแล้ว มันมีเหตุผลมากกว่าไหม?”
หลินฟาน ได้มองไปที่ หง จินสุ่ย ด้วยรอยยิ้ม..
หง จินสุ่ย โกรธมากจนมันแทบจะระเบิดมาตั้งนานแล้ว และเมื่อได้ฟังคําพูดของ หลินฟาน แล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้น!
“นี่คุณ.. กำลังหมายความว่าฉัน ต้องขอโทษคุณ งั้นเหรอ?” หง จินสุ่ย ได้พูดออกไปด้วยความโกรธ
หลินฟาน กล่าวว่า : “เดิมที คุณ.. แค่ขอโทษฉันมามันก็จบแล้ว ฉันเองก็เป็นคนใจกว้าง และจะไม่ถือสาอะไรคุณ อย่างไรเสีย พี่หง คุณเองก็เป็นคนที่มีหน้ามีตา ฉันที่เพิ่งมาถึงใหม่ๆ การไว้หน้า พี่หง นี่มันก็สมควรแล้ว.. แต่ตอนนี้คุณกลับได้เรียกคนมาทุบตีฉัน ลักษณะเช่นนี้มันจะให้ไปใช้เหมือนเดิมก็คงจะไม่ได้แล้ว ถูกต้องมั้ย? และก็.. ฉันคิดว่าการขอโทษอย่างเดียวมันคงจะไม่พอเสียแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่า พี่หง คุณให้คําขอโทษฉันมา บวกกับการที่ต้องตบหน้าตัวเองสามครั้ง และสัญญามาว่าต่อไปในอนาคตจะไม่มายุ่งกับฉันอีก และเพียงแค่นี้มันก็ถือว่าได้แล้ว…”
อะไรนะ?
ทุกคนได้อึ้งกันไปหมดแล้ว หลินฟาน ต้องการให้ พี่หง ตบหน้าตัวเองสามครั้งจริงๆ นะเหรอ? นี่มันบ้าไปแล้ว! ทั้งนี้มันก็ไม่เคยมีใครกล้ามาพูดกับ พี่หง แบบนี้มาก่อน!
(1)[ความแค้นเคืองพึงละมิพึงผูก (冤家宜解不宜结)] - ‘ศัตรูควรได้รับการแก้ไขมากกว่าการผูกปม’ หมายความว่า ควรแก้ไขความขัดแย้งมากกว่าทำให้มันถลําลึกลงไป..