ตอนที่ 1210 ผลของความโลภมาก
ขุนเขาเหนือขุนเขาสถานีเชื่อมต่อเทเลพอร์ต
จิ่วเซียวและจีอู๋ลี่ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด แรงระเบิดแผ่กระจายออกไปนอกเขตสนามพลังวัตถุโบราณกลายเป็นพายุรุนแรงทำลายพื้นและมิติไปมากกว่าสิบกิโลเมตรและพื้นที่ยุบลึกลงไป ภายในขอบเขตสนามพลังกลายเป็นเหมือนเกาะโดดเดี่ยว
“เลิกการต่อสู้ที่ไร้ความหมายนี้ได้แล้ว!” จีอู๋ลี่กระโดดออกจากวังวนการต่อสู้ทันทีพลางโบกมือ “พลังของเจ้านั้นแข็งแกร่งยอดเยี่ยมจริงๆหลังจากออกมาจากผนึกฟื้นฟูพลังฝีมืออย่างรวดเร็วจิ่วเซียวเจ้าพัฒนาก้าวหน้าเร็วเกินกว่าที่ข้าคาดหมายไว้มากนัก แต่ถ้าเจ้าต้องการเอาชนะข้าด้วยพลังขนาดนี้นั่นเป็นเรื่องที่น่าขัน! ข้าจีอู๋ลี่ถึงแม้ไม่ดียอดเยี่ยม แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะจอมภพอย่างเจ้าจะเอาชนะได้อย่าว่าแต่อาจารย์ของเจ้ายังมีฝีมือทิ้งห่างจากข้าไม่เท่าไหร่?”
“ข้าน่ะหรือ?” จิ่วเซียวหัวเราะอย่างหยิ่งยโส เสียงแปลกประหลาดน่ากลัวดังมาจากหลุมดำพอเข้าหูจีอู๋ลี่กลับดูน่ากลัวมาก
“เจ้ายังมีพลังสงวนไว้อีกหรือ?” จีอู๋ลี่มองผิวเผินไม่ได้ใส่ใจอะไรแต่ลอบตกใจลับๆ
“ก่อนที่เจ้าจะยุยงให้ข้าไปหอทงเทียนและสู้กับจักรพรรดิอวี้ เจ้าเฝ้าแอบดูลับๆ และจับมือข้าไว้” จิ่วเซียวแค่นเสียงเยาะเย้ยครั้งแล้วครั้งเล่า “เนื่องจากความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิอวี้แผนของเจ้าจึงสำเร็จได้ ข้ายอมรับว่าในเวลานั้นข้าพยายามอย่างเต็มที่แต่ก็ยังหนีไม่พ้นตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ได้ โชคดีที่เป้าหมายหลักของตราผนึกเทพของเขาไม่ใช่ข้าไม่เช่นนั้นข้าคงไม่อาจออกมาจากการกักกันของหอทงเทียนได้จริงๆ....ด้วยความกลัวและโกรธจักรพรรดิอวี้ข้ากลับไปแดนสวรรค์สิ่งแรกที่ข้าคิดไม่ใช่เรื่องล้างแค้นหอทงเทียน”
“สถานที่ผีสางเช่นนั้น ไม่ว่าจะตกต่ำทรุดโทรมหรือไม่ก็ยังมียอดฝีมือลับที่เรายังมองไม่เห็นอยู่อีกมาก อย่างไรก็ตามข้าไม่ต้องการไปที่นั่นอีกต่อไป”
“ไม่ว่าเขาต้องการทำอะไร ข้าไม่สนใจทั้งนั้นนั่นมันอิสระของเขา”
“แต่จะไม่มีใครทำให้ข้าต้องย่างเท้าเข้าไปที่หอทงเทียนอีก!”
“ข้าเกลียดหอทงเทียนที่สุดข้าเกลียดสิ่งมีชีวิตที่นั่นเกลียดระดับความเร็วความก้าวหน้าเติบโตที่น่ากลัวของพวกเขาเกลียดความเสียสละอย่างบ้าคลั่ง เมื่อข้าเห็นภาพเจ้าเด็กนั่นครั้งแรกข้าตระหนักได้ทันทีหอทงเทียนให้กำเนิดจักรพรรดิอวี้คนใหม่ที่ฉลาดและเจ้าเล่ห์มากขึ้นได้รับการปกป้องจากอสูรอมตะ หากใครต้องการไปหอทงเทียนเพื่อเอาชนะและทำลายทุกสิ่ง ในที่นั้นพวกเขาจะตกอยู่ในความโชคร้ายตัวอย่างเช่นซิวคงและเจ้าตำหนักตงฟางแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าในหอทงเทียนนั้นข้าสงบจิตใจคิดมาหลายพันปีตอนที่อยู่ในผนึกสถานที่ผีสางนั่นไม่มีวันเอาชนะอย่างเด็ดขาดได้แม้ว่าจะเป็นคนระดับเดียวกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ก็ล้มหอทงเทียนไม่ได้มีพลังที่เหลือเชื่อและเผ่าบูรพาอมตะที่ลึกลับอยู่ที่นั่น ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาป้องกันตัวมาขนาดนี้ได้อย่างไร ข้าเชื่อว่าอาจารย์รู้ เขาต้องบอกความลับนี้กับเจ้าเขาบอกว่าเจ้ากับซิวคงที่เป็นเพื่อนสนิทข้าจะผลักดันข้าไปสู่ความพินาศอย่างไม่มีโอกาสฟื้นคืนตัวได้อีก”
“โชคดีที่มีหมิงเยี่ยกวงในที่สุดเราก็พ้นจากปัญหาได้ อย่างไรก็ตามจีอู๋ลี่! ข้าสะสมความแค้นอยู่ตลอดเวลาเพียงแค่ต้องการรอที่จะกลับมาทำการตอบแทนเจ้าเล็กๆน้อยๆ เพื่อขอบคุณเป็นการส่วนตัว!” จิ่วเซียวมองดูจีอู๋ลี่แสดงความปรารถนาอย่างใจเย็น “ถ้าเจ้าทำลายความหยิ่งยโสของเจ้าบ้างข้าคิดว่าความโกรธที่ข้าสะสมมาเป็นเวลาหลายพันปีคงไม่จางหายไปได้ง่ายๆ แน่”
“อย่างนั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า น่าขันเป็นบ้า” จีอู๋ลี่เยาะเย้ย
“ก็อย่างที่ข้าว่าไว้ข้าได้เตรียมการไว้ก่อนไปต่อสู้กับจักรพรรดิอวี้”จิ่วเซียวพูดช้าๆ “ข้าทิ้งอสูรพิทักษ์ ‘ทะเลดำ’ไว้ในแดนสวรรค์ คงไม่มีใครเชื่อ คิดว่าข้าบ้ามาก แต่ข้าก็ทำได้สำเร็จเมื่อข้ารอดกลับมาแดนสวรรค์ได้ อาจารย์ได้เสริมศักยภาพนักสู้นักฆ่าให้อสูรทะเลดำของข้ามาเป็นเวลาหลายพันปี เมื่อข้ากลับมาและผสานกับมันได้แม้ว่าจะด้อยกว่าท่านผู้เฒ่ามากแต่ถ้าต้องเลื่อนเป็นระดับเทพและฆ่าเพื่อนเก่าของข้า ก็ยังมีพลังเหลือเฟือ!
จีอู๋ลี่ได้ยินคำพูดนี้สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เขาใช้เวลาฟื้นฟูนานแล้ว
เขาปรบมือดังๆ ส่ายหัวและถอนหายใจ “จิ่วเซียวเอย จิ่วเซียว เจ้าสมแล้วที่เป็นศัตรูที่ข้าจีอู๋ลี่กลัวและกังวลมากที่สุดในชีวิตเจ้าทำได้เกินความคาดหมายของข้าไปมาก เขากล้าทิ้งอสูรพิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ก่อนสู้รบเด็ดขาดอย่างกล้าหาญเรื่องนี้เจ้าสมควรได้รับการชื่นชม... อย่างไรก็ตามจิ่วเซียวเจ้าฉลาดมากก็จริง แต่ข้าจีอู๋ลี่ก็ไม่โง่เช่นกันจริงไหม?”
จิ่วเซียวตะลึงเล็กน้อยและชะงักชั่วครู่จากนั้นพยายามข่มความโกรธกล่าว “เจ้าคิดพลิกสถานการณ์หรือ?”
จีอู๋ลี่หัวเราะ “สหายเก่าของข้า ข้าผิดหวังเพียงไหน ข้าต้องบอกว่าไม่เลย! อย่างไรก็ตามข้าจะกลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตเจ้าได้อย่างไร?ข้าจะข่มจิ่วเซียวอัจฉริยะอันดับหนึ่งแดนสวรรค์ไว้ได้อย่างไร! เจ้ามีอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แม้ข้าเองก็มีเช่นกันแม้ว่าเขาจะไม่ปกป้องศิษย์ของเขาไปทุกหนทุกแห่งเหมือนอาจารย์เจ้าก็ตามแต่อย่างน้อยพลังต้องห้ามที่ได้เรียนรู้จากเขา ข้าไม่เคยหยุดสะสมรวบรวมเลย ไม่ต้องพูดถึงคนนอกอย่างขุนเขาเหนือขุนเขาข้ารวบรวมคนที่มีศักยภาพหมื่นคนได้พัฒนาพลังต้องห้ามอย่างต่อเนื่อง...ข้าคิดว่าถ้าข้ายืนยันที่จะไม่เลื่อนระดับไปเป็นเทพในด่านที่เจ็ดของหุบเขามนุษย์เพื่อไขว่คว้าคัมภีร์เทพข้าคงก้าวเข้าไปเป็นนักสู้ระดับเทพแล้ว ยังจะรอให้เจ้ามาหยิ่งผยองต่อหน้าข้าอีกหรือ?”
“ข้ามีข้อเสนอ!” จีอู๋ลี่ยิ้มและยื่นมือท้าทายจิ่วเซียว “เราใช้พลังที่สงวนเอาไว้แล้วมาดูกันว่าใครเลื่อนเป็นระดับเทพได้ดีกว่ากันใครจะทรงพลังมากกว่ากัน เจ้าจะเห็นเป็นไง?”
“......” จิ่วเซียวสูดหายใจลึก “ก็ได้ ดีมากฆ่าเจ้าได้อย่างนี้ก็นับว่าตื่นเต้นดีแล้ว
“นี่คือคำพูดที่ข้าอยากจะบอกเหมือนกัน!” จีอู๋ลี่ยังคงรอยยิ้มไว้แต่น้ำเสียงยังคงเย็นยะเยือก
ขณะที่จีอู๋ลี่กับจิ่วเซียวสู้กัน
ตอนนี้เย่ว์หยางอยู่ในระหว่างเดินทางไปป้อมพายุ
สาวหิมะหายไปแล้ว
เมื่อหาไม่พบเขายิ่งห่วงกังวล
ตอนนี้เขาไม่หวังให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและโล่วฮัวมีปัญหาอุบัติเหตุ เขาไม่สามารถสำรวจของวิเศษที่ได้มาหรือพักผ่อนได้ และรีบไปที่ป้อมพายุทันที
ในหุบเขาห่างจากป้อมพายุหลายสิบกิโลเมตรเย่ว์หยางพบเจอเรื่องแปลกเล็กน้อย
มีกลิ่นบรรยากาศแปลกๆ อยู่เบื้องล่าง
บรรยากาศนี้เย่ว์หยางคุ้นเคยมาก พลังต้องห้าม
“กลุ่มพวกโง่เหล่านี้ข้าบอกไปแล้วว่าอย่าทำการทดลองใดๆ ไม่มีทางที่จู่ๆ ของดีจะตกลงมาจากฟากฟ้าเจ้าพวกโง่ พวกเจ้าตาบอดเพราะความโลภ ของดีๆ ฟรีๆ จะมีในโลกได้ยังไง! ตอนนี้คนหนึ่งหมื่นกลายเป็นขยะ ไม่ช้านานพวกเจ้าก็จะเป็นเหมือนเดิม! ยิ่งใกล้ถึงจุดศูนย์กลางหากไม่มีพลังของโบราณวัตถุเจ้าจะต้องระเบิด... สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือเพื่อช่วยขยะอย่างพวกเจ้าข้าก็ต้องพลอยแปดเปื้อนไปด้วย มันเป็นความโชคร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าที่ได้รู้จักพวกเจ้า ที่ไม่มีประโยชน์อะไรอื่นเลยนอกจากใช้ปาก” เมื่อเย่ว์หยางบินมาถึงเขาพบว่าเจ้ากาดำยืนอยู่ในกลุ่มคนและหันหน้าไปทางโจรดวงดาวที่ตีวงล้อมเข้ามา
“หัวหน้า ข้าไม่ได้พูดว่าไม่ทดสอบข้าพูดว่าเวลานั้นท่านตอบว่าตกลง” ฮัวยารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ข้าพูดแบบนั้นหรือ?ข้าพูดแบบนั้นหรือ? เจ้าแน่ใจนะ?” เจ้ากาดำโมโหเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่พูด แต่ข้าไม่รู้จะพูดยังไง ตามปกติข้าไม่ได้เริ่มพูดก่อนอยู่แล้ว!” คำพูดของฮัวยาได้รับการรับรองโดยพวกโจรดวงดาว และกาดำก็มักเป็นเช่นนั้นและพวกเขาเห็นด้วยโดยไม่พูดอะไรเลย
“ในเวลานั้น สภาพแวดล้อมอันตรายข้ายังจะกล้าพูดอีกหรือ? เจ้าบ้า เจ้ามีสมองสักนิดบ้างไหม? คนคลุ้มคลั่งมากมายพากันเข้ามาตาย เจ้ายังมีความสุข สมองของเจ้าต้องมึนงงเหมือนหมูแน่เจ้ายังบอกว่าข้าไม่พูดอะไรก่อนเลย ข้าไม่สามารถพูดได้หรือ” กาดำจับฮัวยาทุ่มกับพื้นและทุบตีเขา
“ทีนี้ข้าควรจะทำอย่างไรดี” เจ้ากระทุงนอนลงกับพื้นบ่นด้วยความหงุดหงิดและแทะขาแกะ
“ข้า พลังที่ข้าได้รับมามันแข็งแกร่งรุนแรงยิ่งนัก ไม่สามารถใช้ได้ในตอนนี้ ขืนใช้ไปอาจระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้ ข้าข้าโชคร้ายเหลือเกิน!” กัวกัวผิดหวังมากขึ้น
“ไสหัวไปเลย เจ้าคนทรยศ!” กาดำพูดกับคนผู้นี้ทีไรอารมณ์ไม่ดีทุกที
“ไม่ยุติธรรมเลยข้าทรยศท่านไตตันหลายครั้ง แต่ต่อมาข้าได้รับการกระตุ้นเตือนจากมโนธรรมข้ากลับตัวกลับใจแล้ว คราวนี้ข้าไม่ได้ทรยศ? ข้ากลับเนื้อกลับตัวแล้ว!” กัวกัวถูกกาดำเหวี่ยงลงพื้นพลางร้องประท้วง
“เจ้าน่ะหรือสำนึกผิด ผายลมชัดๆ ถ้าไม่ใช่เพราะอู่หวังเจ้าคนที่จากไปทำร้ายข้า เจ้านั่นทรยศ” กาดำหงุดหงิดอีกครั้ง
“ความจริงข้ารู้ว่าข้าจะเอาชนะได้ตอนปล้นยานแม่กระทุงครั้งแรก โอว ไม่ ตอนนี้เป็นยานหงส์เหินแล้วข้ารู้วิธีใช้พลังต้องห้าม ดังนั้นข้าไม่ได้วางแผนที่จะทรยศเลย” กัวกัวไม่มีความชำนาญด้านอื่นนอกจากหนังหน้าหนาเป็นพิเศษ แน่นอนว่าการวิเคราะห์ของเขาก็ถูกต้องเช่นกันเมื่อโจรดวงดาวปล้นยานแม่กระทุงพลังต้องห้ามที่กาดำเอามาใช้มีบทบาทเป็นอย่างมากแน่นอน
น่าเสียดายที่เมื่ออู่หวังจับกุมกาดำได้เขาไม่รู้เรื่องนี้
มิฉะนั้นอู่หวังคงจะฆ่ากาดำแทนที่จะจับกุมเขากลับมาล้างสมองด้วยพลังต้องห้ามผลก็คือพลังต้องห้ามไม่สามารถล้างสมองได้ และกาดำช่วยโจรดวงดาวกลุ่มใหญ่และทหารกบฏที่ตามมาไว้ได้
เย่ว์หยางตอนแรกไม่เข้าใจสาเหตุที่กาดำถึงกลายเป็นอย่างนี้
แต่หลังจากได้ยินได้ฟังชั่วขณะแล้วเขาตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เหตุผลก็คือไส้ศึกที่จีอู๋ลี่วางไว้
เพื่อบังคับใช้ศักยภาพทางกายของทหารทั่วไปเขาสะสมและเลื่อนระดับอสูรศึกของเขาด้วยตัวเอง และสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้
โชคดีที่กาดำเคยทดลองมาก่อนและภายใต้การบังคับตนเอง เขาควบคุมพลังต้องห้ามเพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มใหญ่ไว้ ถ้าไม่มีกาดำคาดว่าทุกคนจะกลายเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายให้จีอู๋ลี่ได้เลื่อนระดับพลัง!
ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์บรรลุรู้แจ้งในคัมภีร์โลกครั้งใหญ่และตัวเขาเองยังไม่เลื่อนระดับ เย่ว์หยางคงถูกโจรดวงดาวกลุ่มนี้ล้อมและพลังต้องห้ามในวัตถุโบราณคงจะระเบิดร่างของโจรดวงดาวนี้ตายเมื่อพวกเขาจากไป ตอนนี้เขามีวิธีแก้ปัญหาอย่างน้อยสามทางแม้จะไม่มีตัวเลือกใดที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เพียงพอแล้วให้พวกโจรดวงดาวกลุ่มนี้สามารถรักษาชีวิตไว้ได้
“ผลตอบแทนของความโลภก็อย่างนี้” เย่ว์หยางเดินปรากฏตัวทำให้เจ้ากระทุง ฮัวยากัวกัว ฯลฯ และโจรดวงดาวประหลาดใจและดีใจแต่พวกทหารที่ไม่รู้จักเขากลับกระโดดแจ้งเตือนภัยและเตรียมพร้อมตั้งท่าสู้ตั้งวงล้อมเตรียมพร้อมลงมือกับเขาทุกเมื่อ
“เจ้าโง่ทุกคนนั่งลงให้กับข้าเดี๋ยวนี้ นี่ไม่มีที่ให้พวกเจ้าพูด!” กาดำเห็นว่าเจ้าโง่พวกนี้ไม่อาจจึงรีบเข้าขวางทันที
“ท่านไตตัน,รองเท้าของท่านเปื้อนฝุ่นหมดแล้ว” กัวกัวรีบเข้ามาทันที
“เจ้าคนหักหลังนี่...”ฮัวยาเห็นว่าเจ้าผู้นี้ชอบฉวยโอกาสเพื่อชีวิตตนเอง จึงหาเรื่องทะเลาะตอนแรกเขาเตรียมอภัยให้กัวกัวที่กลับตัวกลับใจได้
“ไร้ ไร้ยางอายเกินไป!” กาดำไม่เพียงแต่พบว่ามีแค่กัวกัวและฮัวยาเท่านั้นแต่ยังมีโจรดวงดาวทั้งหมดรวมทั้งเจ้ากระทุงดูเหมือนจะมีทีท่าประจบประแจงเด็กหนุ่ม เขาทนมองไม่ได้ มันน่าอายเกินไป เขาไม่น่ารู้จักพวกนี้เลย อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวอย่างเย่ว์หยางทำให้เขาผ่อนคลายได้ในที่สุด
ก่อนจะคลี่คลายปัญหาพลังต้องห้ามเย่ว์หยางห่วงองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก่อน
เขาอดถามไม่ได้ “สถานการณ์ด้านป้อมพายุเป็นอย่างไรบ้าง?