ตอนที่ 1209 หนึ่งกระบี่กำลังมา ยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน
วงจักรล้างโลกวงจักรนิรันดร
จมผสานเข้าไปในร่างของเย่ว์หยางร่วมผสานการเกิดใหม่พร้อมกับเขา
อสูรทงเทียนในตำนานกลายร่างเป็นมังกรน้อยมันส่ายหัวและพันร่างกับแขนเย่ว์หยางและดูดซับพลังปั่นป่วนที่กระจายออกจากร่างของเขาต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างตัวเองวิวัฒนาการและเติบโตอย่างต่อเนื่องสองพี่น้องอาหยูอาเหยาคืนร่างเป็นมนุษย์กอดอยู่ที่ขาของเขาแต่ละนางสะท้อนพลังกับเขาทั้งกายและใจ สนามพลังสร้างโลกที่เกิดขึ้นใหม่นี้และ ‘โลก’แห่งคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เหมือนใครของเย่ว์หยางกำลังรวมเข้ากับดาราจักรทางช้างเผือกระเบิดดวงดาว กลุ่มดาวสิบสองนักษัตรที่ฉายรัศมีสว่างไสว ฯลฯ แสงทำลายล้างเติมเต็มทั่วพื้นที่สนามพลัง แต่แสงดับสุริยากลับบินข้าไปในแหล่งพลังงานดูดกลืนภายในร่างของเย่ว์หยางและรวมเป็นหนึ่งเดียว
เสี่ยวเหวินหลีบินเข้ามาโอบกอดเอวเย่ว์หยาง
เงยหน้ามอง
ขณะเดียวกันแสงเทพฉายออกจากดวงตาเธอพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าสอดประสานกับพลังของเย่ว์หยาง
รูปฉายปีศาจอสรพิษทองขนาดหนึ่งกิโลเมตรปรากฏเด่นในท้องฟ้าแต่เทียบกับยักษ์เทพชะตาที่มองเห็นเลือนลางแล้วสูงไม่เกินเข่า
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเองและสนามพลังสร้างโลกเท่านั้นแต่ทั่วทั้งโลกคัมภีร์กำลังเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าคว่ำดินตอนนี้ในโลกคัมภีร์ไม่มีผู้ใดที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่มีวิวัฒนาการ
ทุกคนรวมทั้งเสวี่ยอู๋เสียที่กำลังหลับมีการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกลับ
แม้แต่ตั่วตั่วเจี้ยงอิง อาหง อาหมัน อิคคาและเว่ยหลายที่อยู่ข้างนอก รวมทั้งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและนางเซียนหงส์ฟ้าที่ไม่ใช่อสูรพิทักษ์แต่เป็นภรรยาของเขารับรู้สื่อสารทางจิตได้ว่าเย่ว์หยางกำลังมีความก้าวหน้า
ไกลออกไปถึงหอทงเทียนชั้นหนึ่งที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ทวีปมังกรทะยาน ฮุยไท่หลางที่นอนเกียจคร้านไม่ยอมขยับเคลื่อนไหวจู่ๆก็กระโดดสะดุ้งส่งเสียงหอนยาวดูเหมือนมันรับรู้สื่อสารถึงเย่ว์หยางที่อยู่ในมิติดินแดนฝึกฝนในแดนสวรรค์ได้ แม่สี่ผู้อยู่ในมิติกระจกวังเทียนหลัว จู่ๆนางก็ใจสั่นจูงซวงเอ๋อออกไปข้างนอกและเงยหน้ามองฟ้าด้วยความประหลาดใจ
จักรพรรดินีราตรีอยู่ที่บันไดสวรรค์ขั้นที่ห้าแสนและจื้อจุนตอนนี้ก้าวผ่านระดับขั้นที่ล้านไปแล้ว
ล้วนสะท้อนถึงพลังเขาได้ทั้งหมด
นอกจากพวกเขาแล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่รับรู้สะท้อนพลังของเขาได้จากที่ในระยะไกล
พลังสะท้อนที่ลึกลับนี้ไม่มีใครรู้ถึงแหล่งกำเนิดและสถานะของมันได้
ขณะที่คัมภีร์เทพปรากฏโดยอัตโนมัติในอากาศยักษ์ชะตาลอยอยู่เหนือศีรษะของเย่ว์หยาง เมื่อบรรลุระดับเทพ ได้ประกายเทพ สำนึกเทพจึงจะรวมผสานกันในร่างของเทพใหม่
กระบี่เล่มหนึ่งมาจากทางตะวันออก
รวดเร็วมากพลังกระบี่นั้นตัดทอนจัดแต่งประกายเทพเย่ว์หยางทั้งหมดพลังเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือล้ำมนุษยชาติถูกชี้นำด้วยพลังของกระบี่เล่มนั้นและเข้าไปในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แต่ยังไม่ได้ผ่านขอบเขตส่วนต่างๆ ของพลังเทพและเย่ว์หยางที่ยังไม่ได้ร่างเทพและประกายเทพซึ่งยังไม่มีเวลากลั่นตัวมากพออยู่ในโลกคัมภีร์ไม่มีใครสามารถรู้แจ้งเข้าใจพลังเทพสองครั้งได้ ไม่มีเลยสักคนเดียวทุกคนไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จในระดับเทพสองครั้งได้ หลังจากบรรลุแล้วยังต้องใช้เวลาเตรียมตัวอีกระยะหนึ่ง
ปัจจุบันนี้ไม่มีใครนอกจากเย่ว์หยางที่มีโอกาสเช่นนั้น
กระบี่ที่น่าอัศจรรย์
อาจกล่าวได้ว่ามหัศจรรย์ไร้ที่ติสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก
ไม่มีคำพูดใดจะอธิบายถึงกระบี่ที่ลอยมาจากฟากฟ้านี้ได้
แสงอรุณแห่งการรู้แจ้งปรากฏที่หน้ากระบี่นี้
และดูเหมือนบดบังจนมองไม่เห็น
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางผู้สูญเสียสำนึกจมอยู่ในพลังเทพรวมทั้งสาวๆ คนอื่นอยู่ในสภาพจิตใจว่างเปล่าไม่มีใครรู้ว่ามีกระบี่อย่างนั้นอยู่...
เมื่อเย่ว์หยางตื่นขึ้นเขาประหลาดใจเมื่อพบว่ากำลังนอนอยู่ในที่คุ้นเคยแต่แปลกประหลาด
ไม่ว่าจะเป็นพื้นดินภูเขาแม่น้ำ หรือเวียงวังอาคารสิ่งก่อสร้างด้านหลังแตกต่างจากโลกคัมภีร์สิ้นเชิง ที่นี่กว้างใหญ่ไพศาลกว่าโลกคัมภีร์มากท้องฟ้าสูง แต่หลายไมล์ มีภูเขามีป่าเขียวขจีเต็มไปหมดทะเลสาบเล็กเดิมขยายขนาดออกไปไม่เห็นฝั่งราบเรียบไม่มีคลื่นลม มองเห็นระลอกเล็กๆเย่ว์หยางลองแตะชิมดูรู้สึกว่าหวานอร่อย และเข้าใจผิดว่าเป็นทะเล ไม่ใช่ทะเลสาบ
ป้อมบนก้อนเมฆหายไป
เสาศิลาเจ็ดดาวที่ได้มาจากวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ก็หายไป มีแต่สายลมพัดเฉื่อย
มีภูเขาอยู่บนท้องฟ้า
เช่นเดียวกับภูเขาสมบัติของภูตในตำนานมีน้ำตกลอยเหมือนมีชีวิตชีวาเย่ว์หยางที่เป็นเจ้าของที่นี่ยังไม่รู้จักดอกไม้ใบหญ้าสัตว์อสูรไม่ว่าในท้องฟ้าหรือในพื้นหญ้า ข้างสระทะเลสาบใสมีพุ่มดอกไม้
กระท่อมไม้ที่ปลูกสร้างขึ้นโดยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีใบไม้เถาวัลย์ขึ้นกลมกลืนกับป่า
วังแก้วผลึกที่เย่ว์หยางกับอู๋เหินสร้างขึ้นได้เปลี่ยนรูปแบบเป็นสถานปัตยกรรมใหม่แต่ดูมีกลิ่นอายโบราณสถานที่มีของตกแต่งมากมายที่ไม่อาจตรวจเจอก่อนหน้านี้ล้วนสมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อบกพร่องใดๆ
นี่คือสิ่งที่เขาสร้างเองหรอกหรือ?
ทำไมเหมือนกับมีความมั่นใจน้อยลงไปเล่า? เขาทำเองหรือ?
“แม้ว่าความเคลื่อนไหวค่อนข้างใหญ่ แต่ข้าคิดว่าครั้งนี้ดีกว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุด!” อู๋เหินและเย่ว์หวี่ลอยตัวได้เหมือนกับเทวดาพวกนางประหลาดใจแต่ก็ยังสงบใจอยู่ได้ พวกนางอาจทำได้ไม่ดีเท่าเย่ว์หยางแต่ก็ตกใจที่แม้แต่พวกนางก็สามารถสร้างได้
“เดี๋ยวก่อน อย่าหนีนะ!” ไม่ต้องพูดถึงเป่าเอ๋อที่ตื่นขึ้นมาได้ก็ตื่นเต้นวิ่งไล่ภูตอสูรที่ไม่คุ้นเคยแต่ไม่ยอมพูดด้วย
“นี่คือบ้านในฝันข้า ข้ามีความสุขมาก!” ไป่ลู่และไห่หลานพึมพำ
“ยากจะจินตนาการจริงๆ!” หัวหน้าลี่เยี่ยนส่ายหน้าถอนหายใจ
“โอว” แม้แต่หลิวเย่ที่ปากไม่พูดอะไรแต่อ่านได้จากปากก็พอรู้ได้วา ‘อาจารย์ทรงพลังที่สุดในโลก
“เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยอียังคงสับสนนางตื่นขึ้นมาและพบว่าโลกทั้งโลกเปลี่ยนไป นางอดคิดไม่ได้ว่านางถูกลักพาตัว โชคดีที่เย่ว์หยางอยู่ไม่ไกลจึงค่อยตั้งหลักสงบจิตใจได้จุ้ยมาวอี้รีบมาสมทบพร้อมกับแพนดาน้อยหนิวหนิวแต่หนิวหนิวมาได้ครึ่งทางก็ให้ความสนใจผีเสื้อสวยงามขนาดใหญ่ที่บินเข้าไปในหมู่ดอกไม้ขณะที่เท้าเดินตามมารดา แต่เธอหันหน้าไปมองทางอื่นและไม่อาจเห็นได้อีกต่อไป จนกระทั่งไปถึงเย่ว์หยางหนิวหนิวรีบรายงานการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ให้เขาฟังทันที “ข้าเพิ่งเห็นผีเสื้อตัวใหญ่มันกระพือปีกบินสวยงามมาก สวยงามกว่าว่าวผีเสื้อตัวใหญ่!”
หนูน้อยเล่าแบ่งปันการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ให้เย่ว์หยางฟังอย่างไม่เห็นแก่ตัว
เด็กหนุ่มจากโลกอื่นกอดเธออย่างเอ็นดูและให้รางวัลเป็นขนมหวานแก่แพนดาน้อยผู้น่ารัก “ต่อไปเจ้าค้นพบอะไรดีๆ อย่าลืมมาบอกข้า”แพนดาน้อยปรบมือและจูบหน้าเย่ว์หยาง แต่กลัวมารดาว่าจึงรีบซ่อนขนมหวานไว้ด้านหลัง
จนกระทั่งจุ้ยมาวอี้และเย่ว์หวี่คุยกันในหมู่พวกนางพวกนางจึงไม่ได้สนใจเธอ
เธอแอบอยู่ข้างหลังเย่ว์หยาง
ขณะที่มองดูมารดาสนทนาเธอยื่นหน้าน้อยๆแอบดูขณะเลียอมยิ้มในมืออย่างใจจดใจจ่อ
“อย่าถามข้า, ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”เย่ว์หยางเองก็ยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นเขาจำได้เพียงว่ากำลังระลึกถึงกระบวนการต่อสู้กับคนลึกลับ พิจารณาถึงตนเองและจากนั้นคิดตามแนวที่สามสาวเทวทูตในโลกไร้ที่สิ้นสุดในคัมภีร์เงินได้แนะนำไว้..หลังจากนั้นก็เหมือนมีเสียงระเบิดในหัวและจำอะไรไม่ได้”
“คงเป็นการบรรลุระดับใหม่” จุ้ยมาวอี้ให้คำรับรอง
“ไม่เหมือนกับการยกระดับ!” เย่ว์หยางขึ้นชั้นระดับเทียมเทพแล้ว เมื่อบรรลุระดับใหม่ก็ควรเป็นระดับเทพไม่ใช่หรือ? แต่บัดนี้ภาพฉายเงาเทพอยู่ที่ไหน?
“บางทีอาจเป็นการรู้แจ้งแบบพิเศษที่ไม่เกี่ยวกับความแข็งแกร่งภายนอกแต่เกี่ยวกับพลังจิตวิญญาณ ภูมิปัญญาและสนามพลัง ฯลฯภายใต้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไม่อย่างนั้นโลกคัมภีร์จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้หรือ?” เย่ว์หวี่ไม่รู้ว่ามีกระบี่วิเศษเล่มหนึ่งได้เปิดดินแดนขอบเขตระดับเทพเมื่อเย่ว์หยางบรรลุทำให้เย่ว์หยางมีโอกาสฝึกปรือต่ออีกครั้ง
“ไม่เป็นไร ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องคาดเดา ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดี” สาวงามอู๋เหินปลอบให้ทุกคนสงบใจและจัดการปรับตัวเองให้เข้ากับชีวิตในโลกใหม่
รอจนทุกคนกำลังวุ่นวายเย่ว์หยางรีบไปดูเสวี่ยอู๋เสียที่เขาห่วงใย
ภาพแรกที่เห็นทำให้เขาตกใจ
เพราะ
เสวี่ยอู๋เสียหายไป
สุ่ยอู๋เหินพอได้ยินข่าวนางรู้สึกประหลาดใจมาก นางไม่รู้จะปลอบใจเย่ว์หยางอย่างไร
แต่เป่าเอ๋อพูดทันที “ข้าเพิ่งเห็นพี่อู๋เสียทุกคนจะไม่เห็นได้อย่างไร? อา,ข้าเข้าใจแล้ว ต้องเป็นเพราะนางเพิ่งตื่น เป็นธรรมดาที่ต้องไปหวีผมล้างหน้าแน่”
เย่ว์หวี่กลัวว่าเย่ว์หยางจะคาดคั้นเป่าเอ๋อและทำให้เอลฟ์น้อยตกใจนางรีบขวางด้านหน้าทันที
“นางตื่นแล้ว ทำไมนางถึงไม่พบเรา?”เย่ว์หยางสงบใจ และคิดอย่างหนัก
“บางทีนางคงกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์” เย่ว์หวี่เดาว่าอย่างนี้
“จริงสิ” ทันใดนั้นจุ้ยมาวอี้เลิกคิ้ว“เป็นไปได้ไหมว่านางถูกขับออกจากดินแดนมิติฝึกฝนเหมือนอย่างหมิงเยี่ยกวง ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น หากไม่ใช่กรณีนี้ต่อให้นางกลับมายังโลกคัมภีร์นางจะต้องมาพูดทักทายเราและจะไม่หายไปอย่างไม่มีเหตุผล” อู๋เหินกลัวว่าเย่ว์หยางจะตกใจจึงรีบบอก “หมิงเยี่ยกวงถูกขับออกจากดินแดนมิติฝึกปรือเพราะนางเลื่อนเป็นระดับเทพ ก่อนนางจากไปนางกล่าวทักทายได้ไม่กี่วินาที”
“อู๋เสียคงต้องเลื่อนเป็นนักสู้ระดับเทพแน่” จุ้ยมาวอี้ยังคงยืนยันในเหตุผลตนเอง
“แม้ว่านางจะทักทายเรา และขุนเขาเหนือขุนเขาและหอคอยเหนือหอคอยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หุบเขามนุษย์ไม่มีผู้ทดสอบระดับเทพในหุบเขามนุษย์ ที่นี่ขุนเขาเหนือขุนเขาคนลึกลับไม่ได้พูดว่าซื่อเสินและแปดเทพเป็นนักสู้ระดับเทพ แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นเทพด้วยความช่วยเหลือของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกก็มิอาจกล่าวได้ว่าเป็นเทพแท้ ที่สำคัญระดับเทพแท้ทำไมพวกเขาถึงไม่ถูกขับออกจากขุนเขาเหนือขุนเขา? ยิ่งกว่านั้นนี่คือโลกคัมภีร์ของข้ากฎสวรรค์ของมิติดินแดนฝึกฝนมิอาจส่งผลมาถึงที่นี่!” เย่ว์หยางโบกมือแสดงว่าเป็นการอนุมานเหตุผลที่ผิด ต้องมีเหตุผลอื่น
“บางที...” หลิวเย่มองดูเย่ว์หยางทันทีและไม่พูดอะไร
“เจ้าคิดว่ายังไง, บางทีเจ้าอาจคาดได้ถูก!” เย่ว์หยางสนับสนุนให้สาวน้อยได้พูดบางครั้งสัญชาตญาณของนางก็แม่นยำ
“ท่านหญิงอู๋เสีย บางทีบางทีอาจเหมือนกับตั่วตั่วและเจี้ยงอิงที่ทุกคนไปฝึกฝนกับน้องปิงหยิน.. ข้าข้าไม่แน่ใจว่าเดาถูกหรือไม่” หลิวเย่พูดก็แอบแลบลิ้นด้วยความประหม่า กลัวว่าอะไรไม่ดีและส่งผลต่ออารมณ์ของเย่ว์หยาง
“ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว!” ไม่ทราบว่าใครกล่าวแต่ว่าตรงกับใจของทุกคนและทุกคนเห็นด้วย
“อ่า..ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าค่อยโล่งใจขึ้นมาบ้าง” เย่ว์หยางลูบอก ความจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ที่เขากลัวว่าสาวหิมะจะหายไปเมื่อนางกลับมาเขาคงต้องลงโทษนางเสียบ้าง
ปมในใจก่อนหน้านี้หายไปทันที
ความทรงจำมากมายยังเลือนลาง
ดูเหมือนว่ามีกระบี่เล่มหนึ่งตัดเขาขาดครึ่งจำได้ไม่ชัดเจน ในที่สุดหลังคิดเป็นเวลานานเย่ว์หยางจับข้อมูลได้เลือนรางเขาจำได้ว่าช่วงที่จมอยู่ในพลังเทพเขาเห็นพี่น้องหงส์เพลิงบินผ่าน และอาจเป็นเทพธิดากระบี่ฟ้าปรากฏตัวเขาคิดว่ากระบี่นั้นเป็นนางลงมือด้วยตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนั่นเป็นภาพลวงตาที่เสมือนจริง หรือเป็นภาพในใจเย่ว์หยางก็ยังไม่แน่ใจ