NH-ตอนที่ 12 ฉันไม่ใช่หมอนักต้มตุ๋น
เวร่า มองไปที่หลานชายของเธอด้วยสีหน้าที่จริงจัง เธอรู้ว่า ลุกซ์ ต้องการเข้าไปในเอลิเซียมเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ ทว่า เวร่า ไม่เคยเลือกปฏิบัติต่อเขาเพราะเรื่องนี้
เพราะสำหรับเธอแล้ว ลุกซ์ คือเด็กน้อยที่เติมสีสันให้กับโลกที่อ้างว้างของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งอะไร แต่เขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือเธอทุกอย่างเท่าที่ทำได้
ถ้าเป็นไปได้ เวร่า ก็ไม่อยากให้ลุกซ์เข้าไปในเอลิเซียมเพราะเธอกลัวว่าชีวิตของชายหนุ่มจะตกอยู่ในอันตราย
“ลุกซ์ ย่ารู้ว่าหลานอยากจะเป็นนักรบ” เวร่า กล่าวออกมา “แต่ถึงแม้ว่าหลานจะต้องการแต่ร่างกายของหลานก็ไม่แข็งแรงมากพอที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้”
เวร่าอยากจะบอกให้ ลุกซ์ ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นแล้วใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่างสบายใจ แต่เธอก็ได้ยับยั้งคำพูดนี้ไว้ เพราะเธอรู้ว่าหลานของเธอต้องการจะทำสิ่งใดมากที่สุดในชีวิตนี้
“คุณย่า ผมรู้ว่าคุณย่าเป็นห่วงผมและต้องการให้ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”ลุกซ์ ได้ตอบกลับ “นอกจากนี้ ผมรู้ว่ามันยากที่จะเชื่อ แต่ตอนนี้ร่างกายของผมหายเป็นปกติแล้ว และ ผมจะไม่มีอาการหน้ามืดอีกต่อไป”
เวร่า สั่นศีรษะอย่างหนักแน่น “ลุกซ์ ชีวิตคนเรามีค่า ย่าจะไม่ปล่อยให้หลานเข้าไปในเอลิเซียม จนกว่าา ย่าจะเห็นด้วยตาตัวเองว่าสิ่งที่หลานพูดนั้นเป็นความจริง อย่างไรก็ตาม นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน หากหลานผิดพลาด หลานจะต้องไม่ยืนกรานที่จะเข้าไปในเอลิเซียมอีก ตกลงไหม?”
“หลานกล้าที่จะให้สัญญากับย่าไหม?”
“ผมตกลง”
ลุกซ์ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาเติบโตมาโดยถูกคุณย่าตามใจ และ ดูแลเขาเป็นอย่างดี แม้ว่าพวกเขาจะมีข้อโต้แย้งกันอยู่หลายครั้งในอดีต เกี่ยวกับความฝันของเขาที่จะเข้าไปในเอลิเซียม แต่ เวร่า ก็ไม่เคยปฏิเสธความฝันของเขา และ ยอมให้เขาฝึกฝนทุกวันเท่าที่จะทำได้
“คุณย่า ผมอยากจะแนะนำใครบางคนให้รู้จัก” ลุกซ์ กล่าว “เขาเป็นคนที่ช่วยรักษาร่างกายของผม”
“อย่าบอกนะว่าเป็นพวกหมอนักต้มตุ๋นอีกที่หลานเชิญมาเหมือนก่อนหน้านี้?” สีหน้าของ เวร่า ได้กลายเป็นเคร่งขรึม “นี่มันกี่ครั้งแล้วที่หลานถูกล่อลวงโดยคนอื่นให้ซื้อพวกโพชั่นวิเศษที่ทำให้หลานหายจากอาการเจ็บป่วย? หลานไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยงั้นเหรอ?”
ลุกซ์ ได้กระแอมเบา ๆ เพราะเขาปฏิเสธคำพูดของย่าไม่ได้ ในอดีต เขาเคยถูกหลอกให้ซื้อโพชั่นบำรุงจากพ่อค้าที่ผ่านฐานที่มั่น แม้ว่า โพชั่นบำรุงเหล่านี้จะดูดีภายนอก แต่ผลของมันก็น่ากลัวมาก มันทำให้ ลุกซ์ มีอาการแพ้จนเกิดผื่นคันไปทั่วทั้งตัวและเป็นไข้อยู่ 2-3 วัน
“ไม่ต้องเป็นห่วงไปคุณย่า ครั้งนี้เขาไม่ใช่นักต้มตุ๋น” ลุกซ์ ทุบหน้าอกของเขาด้วยความมั่นใจ “อันที่จริง เขามาที่นี่เพื่อต้องการที่จะพูดคุยกับคุณย่าเป็นการส่วนตัวด้วย”
“เขาอยากจะคุยกับย่า?” เวร่า ขมวดคิ้วแน่น “เขาอยู่ไหนล่ะ?”
“ในห้องของผม”
“ลุกซ์ นี่หลานเชิญคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านของเราขณะที่ย่าไม่อยู่งั้นหรือไม่?”
การจ้องมองของ เวร่า ทำให้ ลุกซ์ รู้สึกเหมือนกับมีอาการท้องผูก อย่างไรก็ตาม เขาก็กัดฟันแน่นเพื่อควบคุมสถานการณ์
“คุณย่า ยังไงก็ให้ผมแนะนำให้คุณย่ารู้จักก่อนดีกว่า” ลุกซ์ ตอบกลับ “ถ้าเกิดเขาเป็นนักต้มตุ๋นจริง คุณย่าก็เฉดหัวเขาออกไปได้เลย!”
เวร่า พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจขณะที่ทำท่าทางให้ ลุกซ์ ไปเรียกคนที่รักษาร่างกายของเขามา เธอตัดสินใจแล้วว่า ถ้าเกิดนักต้มตุ๋นคนนี้วางแผนที่จะทำร้ายหลานชายของเธอ เธอจะบีบคอเขาและส่งร่างของเขาไปให้จระเข้ในแม่น้ำกิน
ไม่กี่นาทีต่อมา ก็มีเด็กคนนึงที่มีอายุราว 12 ปี เดินตามหลัง ลุกซ์ มาด้วยรอยยิ้ม
เวร่า รู้สึกประหลาดใจเพราะเธอไม่คิดเลยว่าคนที่ ลุกซ์ พามาจะเป็นเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขา
ทันใดนั้น สีหน้าของ เวร่า ก็กลายเป็นจริงจัง เมื่อเธอจ้องมองไปที่ เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มและดวงตาสีเทา
เธอเป็นนักรบ ดังนั้นมันจึงค่อนข้างง่ายสำหรับเธอที่จะสังเกตุเห็นสิ่งเล็กน้อยที่สุดเมื่อพูดถึงคน
ในการเผชิญหน้าครั้งแรกนี้มันทำให้เธอตกใจเพราะ เธอไม่รู้สึกถึงการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเลย ราวกับว่าคนที่เดินตาม ลุกซ์ มาไม่ใช่คน แต่เป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านเท่านั้น
นอกจากนี้เธอสังเกตุเห็นดวงตาของเด็กหนุ่ม นั่นไม่ใช่ดวงตาของเด็กเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นคนฉลาดที่ดูเหมือนจะมีอายุหลาย 10 ปี
‘ไฮค์แรงค์เกอร์?’ เวร่า คิดขณะที่เธอขยายความรู้สึกของเธอไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้า
“สวัสดี ฉันชื่อ เอลิออน และ ฉันเป็นคนที่ช่วย ลุกซ์ รักษาร่างกายของเขา” เอลิออน กล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม “ก่อนอื่นฉันอยากจะบอกก่อนว่า ฉันไม่ใช่ หมอนักต้มตุ๋น”
“ตอนนี้ ลุกซ์ หายเป็นปกติแล้ว และ แม้ว่าร่างกายของเขาจะยังไม่ถึงมาตรฐานที่จะเข้าสู่เอลิเซียม แต่เขาจะไม่ถูกรั้งจากโรคที่อ่อนแอเหมือนในอดีตอีกต่อไป หากเขาได้ฝึกฝนอย่างถูกต้อง การเข้าไปยังพื้นที่เริ่มต้น ย่อมไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา”
“นายเป็นแรงค์เกอร์งั้นหรือไม่?” เวร่า กล่าวถาม “นายแรงค์อะไร?”
เอลิออน 1-2 ครั้งก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว
“อืม ฉันไม่ใช่พวก แรงค์เกอร์ .…” เอลิออน ตอบกลับ “แต่หากมันจะทำให้เธอรู้สึกสบายใจ จะคิดว่าฉันเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้”
เวร่า หรี่ตาลง เธอไม่เชื่อว่าคนอย่าง เอลิออน จะสุ่มเลือกช่วยชีวิตใครสักคน เพราะไม่มีอาหารกลางวันฟรีในโลก และ เธอแน่ใจว่า เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินคนนี้มีจุดประสงค์ซ่อนเร้นบางอย่าง
‘ลุกซ์จะต้องมีบางอย่างที่เขาต้องการเป็นแน่’ เวร่า ครุ่นคิด ‘บางทีฉันควรจะกำจัดเขาก่อนที่เขาจะได้ทันทำอะไรหลานชายของฉัน’
“เป็นความคิดที่น่ากลัวจริงๆ” เอลิออน แสดงความคิดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ฉันสาบานด้วยชื่อของฉันเลยว่า ฉันไม่มีเจตนาร้ายกับ ลุกซ์ เพราะถ้าเกิด ฉันวางแผนร้ายต่อเขา ฉันคงไม่ร้องขอให้เขาพาฉันมาพบเธอหรอกจริงไหม?”
รูม่านตาของ เวร่า ได้หดตัวลง เมื่อเธอตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายสามารถอ่านความคิดของเธอได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอพบกับคนที่มีความสามารถเช่นนี้ เธอเคยพบคนประเภทนี้ในโลกโซไรอัสและเอลิเซียมมาก่อน และ สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกันก็คือพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากลำบาก
“นี่ พวกเราจะพูดคุยกันอย่างสันติโดยที่เธอไม่มีความคิดที่จะฆ่าฉันไม่ได้เลยจริงเหรอ?” เอลิออน กล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันมาที่นี่เพื่อที่จะบอกเธอว่า ฉันจะพา ลุกซ์ เข้าไปในเอลิเซียม กับฉัน และ ฝึกฝนเขาเป็นเวลา 1 ปี เพื่อที่เขาจะมาทำการทดสอบของฐานที่มั่นวิลด์การ์ดในอนาคต และ เข้าสู่เอลิเซียมในฐานะตัวแทนฝ่ายของพวกเธอ”
“พาเขาไปยังเอลิเซียม?” เวร่า ขมวดคิ้วแน่น “นายเป็นแรงเกอร์แล้ว นายไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่เริ่มต้นได้”
เอลิออน ผงกศีรษะอย่างเห็นด้วย “ก็จริงที่ว่าในเอลิเซียม มีกฏการแบ่งดินแดนสำหรับผู้คนที่เข้ามาสำรวจ สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับแรงค์ของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ฉันสามารถข้ามกฏเหล่านี้และไปที่ไหนก็ได้โดยที่ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้”
“แต่เราทั้งคู่รู้ว่าเธอจะไม่ยอมให้ลุกซ์เข้าไปในเอลิเซียมจนกว่าเขาจะพิสูจน์ตัวเองว่าเขาสามารถเอาชีวิตรอดได้จริงมั้ย?”
“ถูกต้อง” เวร่า ได้ตอบกลับ
“ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อเราทั้งคู่เห็นพ้องต้องกัน ก็ไปเที่ยวกันข้างนอกฐานที่มั่นกันเลยตอนนี้ดีไหม?” เอลิออน ได้เสนอ “ด้วยวิธีนี้ เธอจะได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าหลานชายสุดที่รักของเธอมีคุณสมบัติที่จะเข้าไปในเอลิเซียมหรือไม่”
เวร่า ไม่ได้ตอบทันที แต่เธอมองไปที่หลานชายของเธอที่จ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาอ้อนวอน
หลังจากการสู้รบทางความคิดในระยะเวลาอันสั้น เวร่า ก็ถอนหายใจออกมาและพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
“ตกลง” เวร่า กล่าวออกมา “พวกเราจะออกเดินทางเมื่อแสงแรกมาถึง ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าหลานชายของฉันหายจากอาการป่วยแล้วจริงไหม และ ถ้าเกิดนายสามารถแสดงให้ฉันเห็นว่าเขามีวิธีที่จะอยู่รอดใน เอลิเซียม ฉันจะอนุญาติให้เขาเข้าไปที่นั่น อย่างไรก็ตาม ถ้านายกล้าโกหกล่ะก็…ฉันไม่สนว่านายจะเป็นใครมาจากไหน แต่ฉันรับรองได้เลยว่านายจะไม่ได้เจอหน้าหลานของฉันอีกเลย ฉันพูดเคลียร์มั้ย?”
เอลิออน ยิ้มและพยักหน้า คำขู่ของ เวร่า ไม่ได้มีความหมายสำหรับเขา แต่เขาก็สามารถเข้าใจได้ว่าเธอนั้นห่วงใย ลุกซ์ มากแค่ไหน
แม้ว่า แผนทั่วไปจะล้มเหลวตั้งแต่ต้น แต่เขาก็มีความสุขที่เห็นผู้สมัครที่พวกเขาเลือกได้รับความรักอย่างดจากครอบครัวอุปถัมภ์ของเขา