Chapter 96 New homes
新家
เช้าวันถัดมา,ซูเห่าเข้ามาในเมืองหางานทำ.
อย่างไรก็ตามนี่คือเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด,ไม่มีใครเชื่อมั่นให้เด็กอายุสี่ขวบ,พวกเขาไม่เชื่อว่าเขาจะทำอะไรได้,หลังจากที่พวกเขาเห็นซูเห่าเอ่ยถึงจุดประสงค์,ก็ปฏิเสธโดยตรงทันที.
เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก,การหางานไม่ง่ายเลย,อายุน้อยนับว่ายากลำบากจริง ๆ.
อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการล้วงกระเป๋าต่อไปจริง ๆ,การเดินริมฝังแม่น้ำ,ไฉนเลยรองเท้าจะไม่เปียก?
หลังจากเดินจนเหนื่อยหอบ,ซูเห่าที่ไม่อาจหางานได้,ทำให้เขาได้กลับมาตัดสินใจใหม่อีกครั้ง“ในเมื่อต้องการทำงานสุจริตแต่ไม่มีใครต้องการ,เพื่อจะมีชีวิตรอด,ก็มีแต่ต้องทำเรื่องไม่ควรต่อไป!”
เพื่อเป้าหมายที่ต้องการ,บางครั้งก็ต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบเช่นกัน.
หลังจากที่รู้สึกขัดแย้งในใจอยู่ชั่วขณะ,ภายในใจของซูเห่าก็ค่อย ๆ สงบลง,ปรับเปลี่ยนหลักการของมนุษย์ใหม่ขึ้นมา.
ความพร้อมในชีวิตของผู้คนแตกต่างกันออกไป,ตัวเลือกที่มีย่อมแตกต่างกันไปด้วย.
ท้ายที่สุดแล้วเส้นทางที่มีให้เดินก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ,กล่าวอีกอย่างหนึ่ง,นอกจากพันธุกรรมแล้ว,ความคิดจิตใจของผู้คน ล้วนแต่ถูกจำกัดด้วยสภาพแวดล้อมรอบ ๆที่เกิดมา..
นับตั้งแต่เกิดทุกคนจะถูกคุมขังด้วยเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เรียกว่า,สภาพแวดล้อมและมนุษย์สัมพันธ์,เพียงแค่แต่ละคนยืนอยู่ในจุดที่แตกต่างกันในเครือข่าย.
เหมือนกับแมลงที่ติดอยู่ในใยแมงมุม,มันยากที่จะหลุดออกจากใยหนึ่งไปอีกใยหนึ่งได้,ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมของตัวเองง่าย ๆ.
อย่างไรก็ตามซูเห่านั้นดูเหมือนจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย,เขาสามารถหลุดจากใยหนึ่งไปอีกใยหนึ่งได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงแนวคิดเท่านั้น.
ความคิดของซูเห่าที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญเช่นกัน.
เขามีประสบการณ์ความตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า,ทุกครั้งที่เกิดมาทำให้เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัวและไร้ยางอายมากขึ้นมาเรื่อย ๆ.
ดูเหมือนว่าการที่เขาไม่อาจตายจริง ๆ, วันเวลาที่เพิ่มขึ้น,เขาจะเริ่มลืมตัวตนที่มีนามว่าซูเห่ามากขึ้นเรื่อย ๆ.
ในชาติภพโหลวเจ้าฮุย,เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก,มีเงินให้ใช้ไม่หมด,จนทำให้เขาสูญเสียความสนใจในการหาเงินไป.
ส่วนภาพชาติที่เป็นอู๋เซี่ยงหวู่,เขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นต้องการจะเปลี่ยนแปลงโลก,ทว่าความกระตือรือร้นนั้นก็ถูกดับลงด้วยถังน้ำเย็นที่สาดเข้ามา,บางที่ความรู้สึกต้องการเปลี่ยนโลกของเขานั้นเวลานี้ได้เลือนหายไปซะแล้ว.
มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง,คือหัวใจที่จะสำรวจโลกใหม่,ความใคร่รู้สงสัยในความลับของจักรวาล.
นี่คือความรู้สึกที่ท่วมท้นหลงใหลของการสำรวจความลึกลับที่ฝั่งอยู่ในจิตวิญญาณ.
ซูเห่าจ้องมองดูเล็บตัวเอง,เอ่ยสอบถามตัวเอง“ข้าเป็นมนุษย์ดั้งเดิมหรือไม่?”
กล่าวได้ว่าเป็นมนุษย์,ทว่าไม่อาจบอกได้ว่าเป็นมนุษย์ดั้งเดิมได้อีกต่อไป.
เขาเริ่มสลัดความคิดของการเป็นมนุษย์ออกไป,ในอนาคตไม่อาจบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น,จะต้องลบสำนึกรู้เดิม ๆ ออกไปซะ.
การทำลายขีดขั้นความตั้งใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า,ย่อมทำให้เกิดดวงวิญญาณใหม่.
ว่าแต่อะไรคือดวงวิญญาณกัน?
ซูเห่าไม่รู้,เขาคิดว่าวิญญาณก็คือ สำนึกรู้ของตัวเองมากกว่า.
แล้วเจตจำนงล่ะ?
ซูเห่าไม่รู้เช่นกัน,เขาคิดว่าเจตจำนงก็คือตรรกะความรู้ของสำนึกรู้ตัวเอง.
สำนึกรู้ที่แยกออกจากการรับรู้ของมนุษย์,เขาเป็นมนุษย์หรือไม่? แล้วสิ่งใหนที่ไม่ใช่มนุษย์ล่ะ?
ซูเห่าเริ่มตระหนักรู้,ในอนาคต,เจตจำนงกำลังเปลี่ยนสำนึกรู้(สติสัมปชัญญะ)ของเขาทีละน้อย ๆ,มันกำลังเปลี่ยนรูปแบบความคิดของคนทั่วไปให้แตกแยกออกไป,ซึ่งเกิดจากตัวแปรมากมายที่ปรากฏขึ้นในสถานะการณ์ที่แตกต่างกัน,มันทำให้เขาต้องตัดสินใจไปตามเส้นทางที่มีให้เลือกไม่มากนักเพื่อจะก้าวไปให้ถึงเป้าหมาย.
การเดินทางไปยังเป้าหมายแบบเดียวกัน,ย่อมมีปัจจัยให้เส้นทางที่ต้องเดินผิดแผกออกไปจากเส้นทางปรกติ.
ด้วยเหตุนี้มันทำให้กฎเกณฑ์ในฐานะมนุษย์,ถูกบีบให้มันลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ.
ยกตัวอย่างเพื่อให้มีชีวิตอยู่ก็ต้องขโมย,ซึ่งไม่ใช่ความคิดดั้งเดิมของเขาเลยแม้แต่น้อย.
นี่คือแรงกดดันเพื่อให้เขามีชีวิตรอด,และชาติพันธ์จูเห่าเหรินที่กินกันและกันมันทำให้เขายากจะยอมรับได้เหมือนกัน,แม้นว่าจะไม่รังเกียจ,ทว่าก็ไม่ได้ชื่นชอบ.
หากเป็นไปได้,โลกหน้า,โชคดีกลายเป็นมนุษย์อีก,ความเป็นมนุษย์ของเขาจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นหรือไม่?
คงบอกได้แค่ว่าไม่รู้อย่างแน่นอน,ทำได้แค่รอดูไปก่อน..
ซูเห่าหลังจากเก็บเกี่ยวเงินได้เป็นจำนวนมาก,ก็วางแผนเปลี่ยนที่อยู่ใหม่,ในเวลานี้ที่ซ่อนของเขาเล็กเกินไปสำหรับเขาแล้ว,ร่างกายของเขาเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ,ตัวสูงขึ้น,หลุมเล็ก ๆ,ไม่พอให้เขาอาศัยจริง ๆ.
ซูเห่าถือถุงเงินที่ได้มาจากการล้วงและขโมยจำนวนไม่น้อย ไปหาผู้ดูแลหาบ้านที่พัก.
ชายวัยกลางคนที่นำซูเห่ามายังบ้านที่มีลานเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง.
ชายคนดังกล่าวเป็นคนธรรมดาทั่วไป,ทว่าสีหน้าที่ดูแคลนของซูเห่านั้นไม่อาจปกปิดได้มิด,แม้นว่าจะไม่เผยมันออกทางสีหน้า,แต่ลักษณะท่าทางนั้นแสดงออกมาชัดเจน,ทว่าอีกฝ่ายนั้นสนใจแค่เงินเท่านั้น,ขอเพียงแค่อีกฝ่ายมีเงิน,ก็พร้อมกับเรียกอีกฝ่ายว่ามิสเตอร์.
ชายคนดังกล่าวผมค่อนข้างหยิกทำให้เขาถักเปียปกคลุมทั่วศีรษะ,เอ่ยแนะนำต่อซูเห่า“เจ้าของบ้านเดิมนั้นเป็นเด็กหนุ่ม,เมื่อสองเดือนก่อนจู่ ๆ บิดาของเขาก็หายไป,ทิ้งทรัพย์สินเอาไว้เล็กน้อย,เพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไป,เขาจึงขายบ้านนี้,ราคาไม่แพง,หากเจ้าซื้อ,ย่อมคุ้มค่าอย่างแน่นอน.”
ซูเห่าที่จ้องมองบ้านที่มีสวนเล็ก ๆ,เผยความพอใจ,เอ่ยออกมาว่า“นี่คือ 2000 จู่,ข้าซื้อ,อย่างไรก็ตามจะรับประกันได้อย่างไร?”
ชายคนดังกล่าวที่จ้องมองซูเห่าด้วยความประหลาดใจ“ในเมืองแห่งนี้ธุรกิจค้าบ้านนั้นได้รับการรับรองโดยหอการค้าซ่างเหอ,เจ้าวางใจได้”
ซูเห่าที่เอ่ยสอบถามออกมาทันที“หอการค้าซ่างเหอ,คืออะไร?”
ใบหน้าของเขาที่มืดมัวทว่า เห็นแก่เงินอีกฝ่าย,ชายวัยกลางคนจึงอดทนอธิบาย“หอการค้าซ่างเหอก็คือองค์กรที่รวมตัวกันโดยพ่อค้าใหญ่เล็กทั้งหมดในเมืองซือหลิน,ข้อพิพาททางธุรกิจทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในการควบคุมของหอการค้าซ่างเหอ.”
ซูเห่าที่พยักหน้าความเข้าใจ.
ชายวัยกลางคนที่นำสัญญาออกมา,เอ่ยออกไปว่า“เจ้าเขียนได้หรือไม่?”
ซูเห่าที่จ้องมองกระดาษพร้อมกับส่ายหน้าไปมา“ไม่!”
ชายวัยกลางคนนำกล่องซับหมึกออกมา,“เช่นนั้นก็แค่ประทับรอยนิ้วมือก็พอแล้ว.”
ชายวัยกลางคนเอ่ยออกมาว่า“วางใจได้,ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน.”
ซูเห่าไม่ลังเล,ทำการซับหมึกและประทับตาลงไป.
การซื้อขายทั้งหมดถือว่าเสร็จสิ้น.
เขาไม่กลัวปัญหาใด ๆ,หากกล้าโกงเขา,ในเวลากลางคืนอีกฝ่ายจะต้องถูกทุบตีอย่างโหดร้ายและถูกชิงเงินกลับมาอย่างแน่นอน.
ชายวัยกลางคนรับเงินมา,มอบสัญญาให้กับซูเห่า,จากนั้นก็จ้องมองไปยังลานด้านนอกเอ่ยออกมาว่า“สหายน็อย,ที่ด้านนอกลานนั้นมีกลุ่มเด็กที่กำลังจ้องมองเจ้าอยู่,เจ้าต้องการทำอย่างไรต่อไป?”
ซูเห่าที่ส่งเงินเพิ่มให้กับอีกฝ่าย“เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่?”
ชายคนดังกล่าวหัวเราะเอ่ยออกมาว่า“แน่นอน,เจ้ารอที่นี่!”
ชายวัยลางคนที่ไม่รู้นำไม้มาจากใหน,มันรูดออกมาจากแขนเสื้อ,ที่ไหลของเขานั้นมีลายสักแมงป่อง,ผลักประตูเข้าไป,พร้อมกับเอ่ยคำรามเสียงดัง“เจ้าพวกสารเลว,ที่นี่อยู่ในความคุ้มครองของแก๊งหนอนทรายแล้ว,ไม่ใช่ที่อยู่ของพวกเจ้า,หนึ่งเดือนนี้ใครยังกล้าข้ามาสร้างปัญหา,ข้าจะหักขามันทุกคน,ได้ยินหรือยัง?!”
เด็ก 7-8 ปีที่แยกย้ายกันออกไป,หนีไปคนละทิศละทาง.
ซูเห่าที่รอคอยอย่างเงียบ ๆ,เอ่ยในใจ“ดูเหมือนว่าในเมืองซือหลิน(วิหารป่า),จะมีหลายแก๊งควบคุมอยู่จริง ๆ.”
จากนั้น,เขาก็ชงักหลังจากได้ยินอะไรบางอย่าง“หนึ่งเดือน?” หมายความว่าอย่างไร?
ชายวัยกลางคนที่ก้าวเข้ามาเผยยิ้มพราย“เอาล่ะ,ข้าช่วยเจ้าจัดการเรื่องดังกล่าวแล้ว,ภายในหนึ่งเดือนพื้นที่แห่งนี้จะไม่มีปัญหา,หากมีอะไรมาหาข้าได้เลย.”
ซูเห่าที่มุมปากกระตุก,เอ่ยอย่างไม่แยแส“หนึ่งเดือนหลังจากนั้นล่ะ?”
ชายคนดังกล่าวเอ่ยออกมาว่า“เงินที่เจ้าจ่ายให้กับข้าเพียงพอให้ความคุ้มครองหนึ่งเดือน,หากเจ้าต้องการความคุ้มครองเพิ่มเจ้าก็ต้องจ่ายเพิ่มให้กับแก๊งหนอนทราย,พวกเราจะส่งคนมาดูแลพื้นที่รอบ ๆ นี้ให้ฟรี.”
ซูเห่าพยักหน้ารับ,ไม่เอ่ยอะไรต่อไป.
ชายคนดังกล่าวที่มีความสุขกับการแลกเปลี่ยนเป็นอย่างมาก,ก่อนที่จะจากไป.
หลังจากชายคนดังกล่าวจากไป,ซูเห่าอดไม่ได้ที่จะถ่มถุยออกมา“แก๊งบ้าบออะไร,ก็แค่รีดไถเท่านั้น!”
ซูเห่าย้ายสิ่งของเข้ามาในบ้านแห่งนี้,ข้าวของเขามีไม่มากนัก,ส่วนมากมีเพียงแค่เสื้อผ้าและผ้าห่มให้ความอบอุ่นเท่านั้น.
แม้นว่าที่นี่จะเป็นที่พักง่าย ๆ,แต่ก็ถือว่าเป็นที่พักที่มั่นคง.
เขานั่งอยู่บนหลังคา,จ้องมองลานบ้านเล็ก ๆ ที่ว่างเปล่า,ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบ้านในชาติที่แล้วที่ป้อมซาซาน,บิดาของเขาอู๋หยุนเทียนที่มักนั่งดื่มชาที่โต๊ะหินในสวน,เขายังจำชาติภพที่เป็นโหลวเจ้าฮุย,บิดามารดาที่อบอุ่น,น้องชายที่มักมารบกวนเขาอยู่เป็นประจำ.
ซูเห่าที่บ่นพึมพำ“ยิ่งรู้จักคนมากเท่าไหร่,ความรู้สึกของข้าก็ยิ่งรู้สึกว่างเปล่า....”