Chapter 93 Mysterious vermilion attains the person
神秘的朱获人
ซูเห่าเริ่มบ่มเพาะฝึกฝนในทุกวัน,กระทั่งเวลากลางวันหากไม่จำเป็นเขาก็ไม่ออกไปใหน,เวลากลางคืนซ่อนตัวอย่างมิดชิด.
เพียงไม่นาน,สองเดือนผ่านไป.
สายลมที่พัดส่งเสียงดังหวีดวิว,ท้องฟ้าเริ่มมีหิมะร่วงหล่นโปรยปราย,พื้นดินรอบ ๆ กลายเป็นสีขาวโพลน.
ถ้ำที่พักของซูเห่าปิดแน่น,มีช่องลมเพียงสองจุด,คาดไม่ถึงว่าจะอบอุ่นถึงเพียงนี้.
“จิงซีจอมยุทธ์เต็มแล้ว! สามารถสลักรูปแบบสัตว์ร้ายกลายเป็นปรมาจารย์ได้แล้ว,แม้นว่าจะอายุยังน้อย,ทว่าร่างกายของจูเห่าเหรินเหนือกว่ามนุษย์ชาติที่แล้วมาก,การก้าวสู่ขอบเขตปรมาจารย์ย่อมไม่มีปัญหา.”
ซูเห่าที่เข้าไปในพื้นที่พินบอล,เริ่มนั่งอยู่บนโซฟาข้างในครุ่นคิดอย่างใจเย็น,คิดถึงปัญหาของการก้าวสู่ปรมาจารย์.
“สลักรูนรูปแบบอะไรดี?”
ภายในใจยังคิดถึงรูนสัมผัส,เพราะมันช่วยเขาได้เป็นอย่างมาก.
รูนสัมผัสนั้นทำให้เขาสามารถสัมผัสสิ่งมีชีวิตรอบ ๆ ได้อย่างแม่นยำและทำให้เขาสามารถเตรียมการได้ล่วงหน้า,สามารถป้องกันภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
หากแต่เวลานี้เขารู้สึกลังเลด้วยเหตุผลสองข้อ.
ข้อแรก,เขาสามารถใช้จานสลักเป็นพื้นฐานสร้างรูนอักขระที่ให้ผลพิเศษแตกต่างกัน,เป็นการผสมผสานรูนอักขระหลาย ๆ ตัว,ถึงจะยังไม่สมบูรณ์แบบ,ทว่าก็ให้ผลลัพธ์ที่ได้ใกล้เคียงกัน,ด้วยวิธีนี้เขาจะมีความสามารถหลากหลายเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป.
อย่างที่สอง,การสลักรูนอักขระซ้อนกัน,ทว่ามันทำให้ลวดลายอักขระซับซ้อนมาก,ซึ่งจิงซีที่ต้องใช้เองก็มากไปด้วย,และประสิทธิผลของมันก็ลดลงด้วย.
ยกตัวอย่างการสลักรูนฟื้นฟูและรูนสัมผัส ผสานเข้าด้วยกัน,ปริมาณจิงซีที่ใช้เพิ่มขึ้นมาก,ทว่าประสิทธิภาพของความสามารถจะอ่อนแอลง,สามารถสัมผัสจิงซีได้ในขอบเขตที่แคบลง,พลังฟื้นฟูเองก็ลดน้อยถอยลงกว่าเดิม.
กล่าวตามตรงข้อดีของความสามารถที่หลากหลาย,ทำให้ประสิทธิภาพของความสามารถลดลงโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้.
เมื่อคิดอย่างระเอียดแล้ว,ในที่สุดซูเห่าก็เลือกอักขระ“สัมผัส” เพียงอย่างเดียว,เขาคุ้นเคยกับการตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ทุกที่ทุกเวลา,ตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่รอบ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว,ซึ่งทำให้เขาอุ่นใจ.
ส่วนความสามารถอื่น,เมื่อจำเป็นต้องใช้,ก็สามารถวาดสลักขึ้นมาใช้ได้.
ขอเพียงมีความสามารถสัมผัส,จะต่อสู้หรือถอย เขาสามารถเตรียมการได้อย่างมีทันท่วงที.
ไม่รู้ว่าโลกนี้มีหนอนขนหรือไม่,หรือสิ่งมีชีวิตที่คล้ายหนอนขน,หากมีจะทำให้เขาสะดวกมากเมื่อต้องสลักอักขระลงบนอาวุธและชุดเกราะ.
ซูเห่าไม่รู้ว่าการสลักอักขระรูปแบบสัตว์ร้ายลงบนร่างกายนั้น,กำเนิดพลังและความสามารถได้อย่างไร,ดูเหมือนว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จะยังไม่อาจอธิบายเรื่องนี้ออกมาได้.
เนื่องจากรูปแบบสลักของสัตว์ร้ายเมื่อชาติก่อนได้รับการปรับปรุงขึ้นมาหลายครั้ง,เวลานี้เขาจึงได้ทำการสลักรูปแบบสัตว์ร้ายที่ปรับปรุงใหม่.
ซูเห่าทำการออกแบบปรับแต่งให้เข้ากับร่างกายชาตินี้,สลักลงไปบนส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย,ปรับแต่งให้มันเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์.
ร่างกายของโลกนี้และชาติก่อนนั้นแตกต่างกัน,ทว่ารูปแบบสัตว์ร้ายยังคงเหมือนเดิมจำต้องควบคุมปรับแต่งตำแหน่งทั้งแปดตามแผ่นสลัก,กำหนดเส้นทางจิงซีเชื่อมต่อการไหลเวียนจิงซีไปทั่วร่างกาย,เพื่อสร้างโครงข่ายจิงซีขึ้นมาใหม่.
ห้าวันหลังจากนั้น,เหลือเพียงการสลักขึ้นรูปจริง ๆเมื่อนั้นเขาก็จะก้าวสู่ขอบเขตปรมาจารย์.
“ถึงเวลาลงมือสลักขึ้นรูปแล้ว!”
ซูเห่าที่ไม่ลังเลอีกต่อไป,เริ่มทำตามคำแนะนำของเสี่ยวกวง,โคจรจิงซีเริ่มสลักลงไปตามเส้นแสงที่เสี่ยวกวงนำทาง.
ผ่านไปนานเหมือนกันการสลักก็เสร็จสิ้น.
“ขึ้นรูปแข็งตัว! กำเนิดรูปแบบ!”
เป็นวิธีการที่เขาเคยทำมาแล้ว,เหลือเพียงแค่เคลื่อนจิงซี,อีกสองสามวันรูปแบบสลักที่ประทับบนส่วนต่าง ๆ,ก็จะปรับเข้ากับร่างกาย.
เพียงแค่สามเดือนเท่านั้น,ซูเห่าก็สามารถกลับมาเป็นปรมาจารย์ระดับสูง! ซูเห่าจะสามารถออกไปด้านนอกได้ตามใจแล้ว,ที่ผ่านมาเขาปรากฏตัวด้านนอกน้อยมาก,นอกจากหาอาหารและสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน,เขาแทบซ่อนตัวอยู่ในที่ซ่อน,เพื่อเปลี่ยนจิงซีช้า ๆ,ปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเองเสมอ.
สามเดือนหลังจากนั้น,หิมะเริ่มละลาย,ทุก ๆ อย่างกำลังฟื้นฟู
ซูเห่ามีอายุ 4 ปี,ร่างกายของเขาไม่ผอมแห้ง,ไม่ดูอ่อนแออีกต่อไป,ผิวหนังของเขาดูอวบอิ่มเป็นมันวาว.
มองจากภายนอกเห็นเป็นเหมือนกับผิวของโลหะ.
ซูเห่าที่มุดออกจากที่ซ่อน.
ท้ายที่สุด,เขาก็เป็นปรมาจารย์ระดับสูงแล้ว.
ในเวลานี้,รัศมีเรดาร์ปรกติ,แม้นว่าจะมีรัศมีเพียง 400 เมตร,ทว่าก็ทำให้เขารู้สึกวางใจมาก.
“ความปลอดภัยเช่นนี้,ไม่ได้สัมผัสมานานแล้วจริง ๆ!”
อย่างไรก็ตามระดับปรมาจารย์ในชาตินี้ดูเหมือนว่าจะยังอ่อนแอกว่าในชาติที่แล้ว.
ความหนาแน่นของจิงซีเทียบได้เพียง 1 ในสิบของชาติก่อน.
ที่เป็นเช่นนี้เพราะชาติก่อนนั้น,เขาใช้ฟังก์ชันยกระดับกล้ามเนื้อ,ฟังก์ชันยกระดับกระดูกช่วยด้วย,และเวลานั้นเขามีอายุสิบปีแล้ว,ร่างกายเติบโตขึ้นมาก,ไม่ใช่เด็กที่ยังไม่เติบโตเหมือนกับเวลานี้.
อย่างไรก็ตามซูเห่ามั่นใจ,เมื่อเขาเติบโตขึ้น,ความหนาแน่นของจิงซีก็จะยกระดับขึ้น,แม้แต่อาจจะเหนือยิ่งกว่าชาติก่อนด้วยซ้ำ.
จำเป็นต้องใช้เวลา,เขาจะต้องศึกษาใช้งานฟังชันยกระดับความแข็งแกร่งต่าง ๆ,ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการค้นหารูปแบบคลื่นยกระดับราว ๆ หนึ่งปี.
สิ่งที่เขาขาดมากที่สุดก็คือเวลา.
น่าเสียดายขอบเขตบรรพจารย์,เขาจากไปก่อนที่จะได้รับ.
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของเขตเขตบรรพจารย์,อาจจะไม่ได้มีประโยชน์กับเขาเลยก็ได้.
ต้องไม่ลืมว่าเผ่ามนุษย์ไม่มีวิธีการสร้างแกนพลังงาน,จะต้องไล่ล่าสังหารสัตว์ร้ายขอบเขตบรรพจารย์,จากนั้นก็ทำการตัดและปลูกถ่ายลงในร่างมนุษย์ด้วยวิธีการพิเศษ,ซึ่งจะทำให้สามารถก้าวสู่ขอบเขตบรรพจารย์ได้.
เป็นการนำความแข็งแกร่งของสัตว์ร้ายมาใช้นั่นเอง.
สำหรับซูเห่านั้น,ถือว่าไร้ค่า,เพราะว่าเมื่อเปลี่ยนโลก,เขาจะไปหาแกนพลังงานจากใหน,ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจก้าวสู่ขอบเขตบรรพจารย์ได้.
ได้แต่หวังว่าในโลกนี้จะมีวิธีแบบใหม่ในการก้าวสู่ของเขตบรรพจารย์.
อย่างไรก็ตามซูเห่าไม่ได้คาดหวังนัก,ใครจะรู้ว่าเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ใจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่?
หากมีเวลา,เขายินดีที่จะสำรวจค้นหาความลับของโลกนี้เช่นกัน,บางทีอาจจะพบกับสิ่งแปลกประหลาดที่คาดไม่ถึงก็ได้.
ซูเห่าทำการสลักวาดรูนอักขระบนฝ่ามือ,ขณะเดินไปบนถนนของเมืองแห่งนี้.
เป้าหมายของเขานั้นง่ายมาก,เดินเตร็ดเตร่ไปรอบ ๆ เมือง,บันทึกข้อมูลของจูเห่าเหรินลงในเรดาร์,เก็บเกี่ยวข้อมูลและแหล่งที่มาของพวกเขา.
เมื่อเขาเดินไปถึงใจกลางเมือง,ซูเห่าต้องดวงตาหดเกร็ง,ร่างกายของเขาถึงกับรัดแน่น.
ไม่คาดคิด,ในเมืองซือหลิน(วิหารป่า)นี้มีคนที่มีจิงซีอยู่ด้วย.
จูเห่าเหรินส่วนใหญ่นั้นมีความแข็งแกร่งของจิงซีเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง,ส่วนขอบเขตจอมยุทธ์และปรมาจารย์นั้นมีน้อย....
เขาเริ่มเดินเข้าไปยังใจกลางเมืองมากขึ้น,เขาพบว่ามีคนหนึ่งที่มีปริมาณจิงซีเทียบเท่ากับขอบเขตบรรพจารย์เลย.
เรื่องเช่นนี้ทำให้ซูเห่าตื่นตะลึงอย่างหนัก,เมืองเล็กแห่งนี้,คาดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ทรงพลังมากมายขนาดนี้?
หากเปลี่ยนไปเทียบกับในชาติที่แล้ว,จำนวนเหล่านี้เหมือนกับสัตว์ร้ายที่อยู่นอกเมือง.
อย่างไรก็ตามที่น่าแปลก,จิงซีที่ทรงพลังนี้กลับซ่อนตัวอยู่ในหมู่ผู้คน.
ซูเห่ายังพบกับสตรีผู้งดงามผู้หนึ่ง,ที่มีจิงซีขอบเขตปรมาจารย์,ซึ่งกำลังหาบผักเร่ขายบนถนน.
“...”ซูเห่าแทบควบคุมตัวเองไม่ได้.
“ขนมปังเบคอนหอม ๆ,ชิ้นละสองจู่!”แม่ค้าปรมาจารย์ขั้นต้น,เห็นซูเห่า,ก็เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม.
“น้องชายตัวน้อย,ระวังท่อน้ำด้านหน้าด้วย!”ยอดฝีมือขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสูงเอ่ยเตือนเขาด้วยความสุภาพ.
“เถ้าแก่,ทำไมสมุนไพรขึ้นราคาแล้ว,ไม่เป็นไปตามกฎเลย,ไม่ได้ ๆ,เจ้าต้องลดราคาให้ข้าแล้ว,ไม่เช่นนั้นข้าไม่อาจซื้อได้แน่”เสียงของจอมยุทธ์ขั้นสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทำอะไรไม่ถูก.
“เสื้อผ้าต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ! เพียงแค่ 40 จูเท่านั้น,สามารถสั่งตัดเย็บได้เอง!”เสียงของป้าบรรพจารย์คนหนึ่งในร้านตัดเสื้อผ้าดังขึ้น.
......
ซูเห่าที่หนังหัวชาหนึบขนลุกชูชัน.
ที่ผ่านมาหลายวันแล้วที่เขาออกมาล้วงกระเป๋า,ใครจะรู้ว่ามีบรรพจารย์เป็นเหยื่อของเขาหรือไม่,หรือมียอดฝีมือจูเห่าเหรินคนใหนกำลังจับตาเขาอยู่ใหม?
อันตรายเกินไปแล้ว.
ตอนนี้,ดูเหมือนว่าขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสูง,ก็ยังไม่ปลอดภัยแล้ว.
อย่างไรก็ตาม,เขายังไม่มีวิธีในการก้าวสู่ขอบเขตบรรพจารย์เลย.
“ทว่าเกิดอะไรขึ้น,เหล่าจอมยุทธ์และปรมาจารย์มากมายเหล่านี้,พวกเขาเหมือนกับคนธรรมดาเลย,ในตอนกลางวันแทบแยกแยะไม่ออก.”
หากไม่เพราะว่าซูเห่ามีรูนอักขระสัมผัส,ย่อมไม่อาจบอกถึงความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ได้,ไม่อาจบอกได้ด้วยซ้ำว่าจูเห่าเหรินเหล่านี้แข็งแกร่งทรงพลังเป็นอย่างมาก.
ทักษะการแสดงของพวกเขา,ต้องบอกว่าชั้นหนึ่งจริง ๆ.
นอกจากนี้ยิ่งเข้ามาใกล้ใจกลางเมืองเท่าไหร่,ขอบเขตปรมาจารย์และบรรพจารย์ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น.
ซูเห่าที่หยุด,ไม่กล้าก้าวหน้าต่อไป,ทว่าหันหลังกลับ,ไปอยู่บริเวณขอบ ๆ เช่นเดิม.
ซูเห่าตัดสินใจในทันที,ก่อนที่จะเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ของเมืองนี้,เข้าใจเกี่ยวกับจูเห่าเหรินก่อน,เขาจะไม่เปิดเผยพลังของตัวเองออกมา,ไม่ยอมกลายเป็นเป้าหมายของคนอื่นโดยเด็ดขาด.
ซูเห่าที่นึกถึง,มนุษย์ค้างคาวที่โจมตีเขาก่อนหน้านี้,เวลากลางวันก็คงเป็นเหมือนกับคนธรรมดา,ที่คอยจับตาผู้คนรอบ ๆ อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน.
“ที่จริงแล้ว....นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเกมเล่นซ่อนหาหรือไม่!”