Chapter 91 Trail
踪迹
ชีวิตของซูเห่าดูเรียบง่ายมาก,เวลากลางวันที่เดินไปทั่วเมืองเล็ก,ส่วนเวลากลางคืนเขาก็จะกลับไปยังรูห้องครัวเข้าไปซ่อนในกองฟืน.
เพียงแค่ห้าวันเท่านั้น,ซูเห่าก็ได้สิ่งที่เขาต้องการ.
เขามีเสื้อผ้าที่ดี,รองเท้าแตะที่ทำจากฟางผลิตด้วยตัวเอง,และยังมีหอกที่ทำด้วยไม้มีปลายเป็นโลหะ,และยังมีกระเป๋าเก็บอาหารที่ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรกิน.
ร่างกายของเขาเริ่มกำลังมามีพลัง,ใบหน้าที่ดูอวบอิ่ม.
นอกจากนี้เขาเริ่มกลั่นปราณโลหิตทุกวัน,วันล่ะสองชั่วโมง.
หลังจากกลั่นปราณโลหิต,ซูเห่าพบว่าร่างกายนี้ดูแตกต่างจากร่างกายในชาติที่แล้วมาก.
อย่างแรกมนุษย์ในโลกนี้,เรียกตัวเองว่า จูเห่าเหริน(มนุษย์สีชาด)
รูปร่างของพวกเขานั้นใหญ่โตกว่ามนุษย์ดั้งเดิมมาก,แข็งแกร่งกว่า,ตอนนี้ซูเห่าที่มีอายุ 3 ขวบ,ความแข็งแกร่งกับเทียบได้กับเด็กอายุ 7-8 ปีของมนุษย์ปรกติแล้ว.
ผิวร่างเป็นผิวเหลืองคล้ำ,ผมส่วนมากมีสีน้ำตาลและดำ,ใบหน้ารูปไข่,คนส่วนมากมักจะมีผมหยักศก,มีใบหูเรียวแหลมและขนปุกปุยสีขาว,มีความไวต่อเสียงมาก.
ในเวลากลางวัน,สายตาของพวกเขาสามารถมองเห็นได้ไกลเป็นอย่างมาก,ในเวลากลางคืนเองก็สามารถมองเห็นได้ในระดับหนึ่งไม่ต่างจากแมว.
เล็บมีความแหลมและคมมาก,กล่าวได้ว่ามันสามารถใช้เป็นอาวุธได้ด้วย.
ฟันที่ดูแหลมคมคงทน,ขากรรไกรยื่นออกมาด้านหน้าเล็กน้อยคล้ายสุนัข.
โครงกระดูดทั่วร่าง,หนาและแข็ง,ทว่ากับยืดหยุ่น,สามารถขยับได้ดีมากกว่ามนุษย์ทั่วไปด้วยซ้ำ.
อวัยวะภายในสมบูรณ์เหมือนมนุษย์ทุกประกาย,ทว่าภายในช่องท้องยังมีอวัยวะอย่างหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนกับไข่,เชื่อมต่อกับกระเพราะ,มันมีท่อที่เชื่อมต่อกับอวัยวะทุกส่วนภายในร่างกาย.
อวัยวะที่เพิ่มเข้ามานี้,ทำให้ซูเห่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก,เขาได้ตรวจสอบอยู่เป็นเวลานาน,ทว่าก็ยังไม่เข้าใจประโยชน์ของอวัยวะดังกล่าว,ราวกับว่าผู้สร้าง,ได้เพิ่มมันเข้ามา,แต่ลืมทำให้มันทำงาน.
นอกจากนี้เซลล์ยังดูสมบูรณ์,ข้อมูลยีนดูเหมือนจะต่างจากมนุษย์ในชาติที่แล้ว,มันดูสมบูรณ์และแข็งแกร่งกว่า.
ซูเห่าคิดว่ามันเป็นเรื่องปรกติ,นี่คือต่างโลก,ยีนย่อมแตกต่างออกไปเป็นเรื่องธรรมดา.
อย่างไรก็ตามข้อมูลเหล่านี้,ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด.
สิ่งที่ต้องใส่ใจ,ร่างของจูเห่าเหรินนั้น,ขอเพียงสามารถกลั่นปราณโลหิตได้ราบรื่นก็พอแล้ว,ถ้าหากทำไม่ได้ล่ะก็,เกรงว่าการเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้คงลำบากแน่.
ถือว่าเป็นข่าวดี,ร่างกายนี้สามารถกลั่นปราณโลหิตได้,นอกจากนี้ยังสามารถกลั่นได้จำนวนมาก,แม้แต่เหนือกว่าร่างของมนุษย์ชาติที่แล้วมาก! เขาเข้าใจทันที,ปราณโลหิตอาจจะเรียกได้ว่าพลังชีวิต,ยิ่งมีพลังชีวิตมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น.
ด้วยเหตุนี้ซูเห่าได้เริ่มกลั่นปราณโลหิตสะสมในทุกวัน.
สองเดือนหลังจากนั้น.
ร่างกายของซูเห่าเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงแล้ว,เวลานี้เขาได้ปรับตัวเข้ากับการคงอยู่ของปราณโลหิต,ที่มีจำนวนมาก,จนถึงขีดจำกัดของร่างกาย.
นอกจากนี้,ซูเห่าสามารถเรียนรู้เข้าใจภาษาของโลกใบนี้แล้ว,สามารถสื่อสารกับคนอื่น ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา.
ด้วยเหตุนี้เขาจึงพอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กเจ้าของร่างเดิม.
เด็กชายคนนี้เป็นเด็กจรจัดที่ในเมืองเล็กแห่งนี้,เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่มีผู้คนมากมายหลากหลายอาศัยอยู่,บิดามารดาของเขาหายไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว,เวลานี้เขาทำได้แค่ตะเวนไปทั่วเมือง,เก็บขยะกินประทังชีพ,นอกจากนี้เขายังถูกเด็กจรจัดคนอื่นรังแกอยู่เป็นประจำ,เด็กจรจัดคนอื่น ๆ ไม่ชอบเขา,เห็นเขาไร้ประโยชน์ไม่อาจใช้งานได้จึงไม่ยอมให้เข้ากลุ่ม,ปล่อยเขาไปตามยถากรรม.
เขาที่เตร็ดเตร่อย่างไร้จุดหมาย,จนหิวตายและซูเห่าเข้ามายึดครองร่าง.
เมื่อซูเห่าเข้ามายึดครองร่าง,ก็กลับมามีชีวิตจวบจนถึงตอนนี้.
สิ่งที่น่ายินดีที่สุด,ปราณโลหิตของซูเห่าได้อยู่ในขอบเขตผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงแล้ว.
เพื่อเพิ่มความสามารถในการปกป้องตัวเอง,เขาเริ่มทำการหมุนปราณโลหิตเพื่อสร้างจิงซีจำนวนมากขึ้นมา.
ปัญหาเพราะร่างนี้ยังเป็นเด็กยังไม่ถึงสี่ขวบด้วยซ้ำ,แม้นว่าจะแข็งแกร่งกว่าเด็กคนอื่น ๆ,ทว่าก็ยังถือว่าเปราะบาง.
ร่างกายที่เปราะบาง,การสะสมจิงซีจำนวนมากไม่ใช่เรื่องดี,ในทางตรงข้ามอาจจะทำให้ร่างกายได้รับความเสียหายได้.
อย่างไรก็ตามซูเห่าไม่มีทางเลือก,เข้าต้องการพลังปกป้องตัวเองให้เร็วที่สุด,แม้นว่าจิงซีของจอมยุทธ์จะไม่อาจรับมือกับคู่ต่อสู้ระยะประชิดได้,ทว่ามันสามารถเสริมแกร่งให้กับอาวุธ,และยังใช้เขียนรูนอักขระ,เพื่อใช้ทักษะพิเศษต่าง ๆ ได้.
ตราบเท่าที่เขามีจิงซี,การจะเอาชีวิตรอดในโลกใบนี้ก็มีมากขึ้น.
ไม่เช่นนั้นหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น,เขาก็ต้องล่องลอยอยู่ในจักรวาลอีกครั้ง.
เขาไม่กลัวความตาย,ทว่ากลัวที่จะตายอย่างไร้ค่ามากกว่า.
“ต้องก้าวสู่ขอบเขตจอมยุทธ์ก่อน!”ซูเห่าที่วาดฝัน,หลังจากเป็นจอมยุทธ์พัฒนาตัวเองไปจนถึงขอบเขตปรมาจารย์,จากนั้นเขาถึงจะเริ่มออกสำรวจโลกนี้ได้.
ที่จริงเวลากลางคืนของโลกใบนี้ซ่อนสิ่งน่ากลัวอะไรเอาไว้? ซูเห่าสงสัยสนใจเป็นอย่างมาก.
อย่างไรก็ตาม,ครัวของบ้านที่เขาซ่อนตัวอยู่นี้,ฟืนเริ่มหมดลงแล้ว,การซ่อนตัวที่นี่เริ่มไม่ปลอดภัย,เมื่อไหร่ที่ฟื้นถูกใช้หมดสถานที่ซ่อนตัวของเขาก็จะเผยออกมา.
ก่อนอื่นต้องหาที่ซ่อนใหม่,เขายังต้องใช้เงินกินดื่ม,ไม่อาจนำไปใช้เช่าห้องได้,นอกจากนี้เด็กขนาดนี้จะเช่าบ้าน,ผีเท่านั้นที่จะยอม.
หลังจากที่มีพลังพอดูแลตัวเอง,ซูเห่าก็มีความมั่นใจมากขึ้น,ในการเผยตัวเองออกมา.
เขาถือหอกสั้นที่มีปลายเป็นโลหะแหลมคมคลุมด้วยผ้าอีกชั้น,เขาเริ่มเดินสำรวจไปยังสถานที่เขาไม่เคยไป.
ซูเห่ากำลังมองหาสถานที่ซ่อนตัวของเขาที่ใหม่นั่นเอง.
เพียงไม่นาน,ซูเห่าก็พบสถานที่ ที่เขาต้องการ.
กำแพงดินยุบตัวลง,กลายเป็นพื้นที่สามเหลี่ยม,ขอเพียงทำความสะอาดเศษดินเศษหิน,ตัดหญ้าที่รกรุงรัง,ปิดกั้นให้เหลือรูเข้าออก,ก็สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้แล้ว.
เมื่อต้องการออกไปด้านนอก,เพียงแค่นำก้อนหินออกมาปิด,ก็ไม่มีใครพบสถานที่แห่งนี้ได้แล้ว.
ซูเห่าลงมือจัดการที่ซ่อนตัวของเขาทันที.
การก่อสร้างที่ซ่อนนั้น,ในชาติก่อนเขาที่เคยใช้ชีวิตด้านนอก,เคยทำมามากมายหลายครั้งแล้ว,ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ซูเห่าทำสถานที่ซ่อนตัวมีก้อนหินปิดทางเข้าออก,โดยให้มีสองรูด้านหน้าและหลัง,ปกปิดผู้คนจากด้านนอกไม่ให้มองเห็น.
ซูเห่าพ่นลมหายใจยาว,หลังจากนั้นเขาก็นั่งสมาธิ,เริ่มกลั่นจิงซีต่อ.
......
สามวันหลังจากนั้น,ซูเห่าก็ออกจากที่ซ่อน,ออกเดินทางไปยังตลาด.
เขาจำเป็นต้องซื้อของกิน,พร้อมกับหาเหยื่อให้เขาล้วง,เขาวางแผนที่จะซื้อเสื้อผ้าหนา ๆ,เพื่อเตรียมเอาไว้ก่อนถึงฤดูหนาวจะมาถึงด้วยเช่นกัน.
เมืองเล็กที่เขาอยู่นั้นมีชื่อว่าเมืองวิหารป่า.
เมืองแห่งนี้ประกอบด้วยบ้านส่วนตัวเป็นจำนวนมาก,ถือว่าเป็นชนบทอยู่ห่างจากเมืองศูนย์กลาง,ค่าเงินในเมืองนี้เรียกว่าจู่,เป็นเหรียญโลหะผสม,และ 10,000 เหรียญจู่,สามารถแลก 1 เหรียญทองได้.
และเหรียญทองในโลกนี้,คือสกุลเงินหลัก.
ซูเห่าที่ซื้ออาหาร,ดำเนินชีวิตเหมือนดั่งเช่นปรกติธรรมดา,ทว่าขณะเดินเข้ามาในซอยแห่งหนึ่ง,เขาก็ถูกปิดกั้นด้วยเด็กตัวใหญ่หกคน.
ซูเห่าเป็นเด็กอายุเกือบสี่ขวบ,มีความสูงหนึ่งเมตรยี่สิบเท่านั้น,ส่วนเด็กหกคนนั้นค่อนข้างตัวใหญ่กว่าซูเห่ามาก,อายุเฉลี่ยน่าจะเป็นเด็ก 6 ปี,มีความสูงเฉลี่ย 1.5 เมตร.
ไม่ต้องบอกถึงขนาดและจำนวนคนที่มากกว่า,หากเป็นปรกติทั่วไปเพียงคนเดียวก็สามารถบดขยี้ซูเห่าได้สบาย ๆแล้ว.
เด็กที่มีแผลเป็นที่คิ้ว,เห็นชัดเจนว่าเป็นหัวหน้าของกลุ่มเด็ก,มายืนอยู่ด้านหน้าซูเห่า,จ้องมองอาหารในมือซูเห่า,เอ่ยอย่างจองหอง“เด็กใหม่?”
ซูเห่าที่จ้องมองออกไป,เอ่ยอย่างไม่แยแส“มีปัญหาอะไร?”
เด็กมีรอยแผลเป็นยิ้มเยาะเอ่ยออกมาว่า“แน่นอน,ที่นี่เป็นสถานที่ของแก๊งมังกรน้อย,เจ้าต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้กับพวกเรา.”
กล่าวจบเขาก็ยื่นมือออกไปแย่งอาหารในมือของซูเห่าทันที.
ซูเห่าที่หลบเลี่ยงทันที,เอ่ยออกมาเล็กน้อย“ไม่!”
เด็กชายแผลเป็นเห็นซูเห่าหลบเลี่ยงก็โกรธเกรี้ยว,ต่อยไปยังซูเห่าทันที.
ทว่าก่อนที่จะต่อยลงมาเท้าของซูเห่าก็กระทืบไปยังอีกฝ่ายแล้ว.
“อ๊ากก!”เด็กชายแผลเป็นที่ร้องด้วยความเจ็บปวด.
เด็กอีกห้าคนเห็นเข้าก็เข้าล้อมซูเห่า,พร้อมกับเข้าโจมตีทันที.
ทว่าหลังจากนั้นคนแล้วคนเล่าที่ต้องร้องโหยหวนเจ็บปวด,เด็กทั้งหกที่กำลังนั่งหมอบอยู่บนพื้น,แต่ละคนมีรอยเท้าประทับบนหน้าอก,ใบหน้าเขียวช้ำดูน่าอนาถเป็นอย่างมาก.
เด็กหกคนที่จ้องมองซูเห่าด้วยความหวาดกลัว.
“กลาย...”เด็กแผลเป็นที่ราวกับนึกอะไรได้ ก่อนจะเอ่ยออกมานิดหน่อยแล้วหยุดไปในทันที,ใบหน้าเผยความหวาดกลัวอย่างที่สุด.
ซูเห่าที่ขมวดคิ้วเอ่ยถามออกไป“กลายอะไร?”
ใครจะรู้ว่าเด็กชายแผลเป็นเวลานี้กลายเป็นหวาดกลัวอย่างรุนแรง,ไม่สนอาการบาดเจ็บของตัวเอง,วิ่งออกไปล้มลุกคลุกคลานหนีตายวิ่งเตลิดออกไปทันที.
ซูเห่าที่ดึงร่างของเด็กคนสุดท้ายเอาไว้ได้,ไม่คาดคิดเด็กชายคนดังกล่าวดวงตาเหลือกขาว,หมดสติไปแล้ว,นอกจากนี้ที่ง่ามขาของเขายังเยี่ยวรดกางเกงจนเปียกชุ่มอีกด้วย.
“....”ซูเห่าที่ปล่อยมือ,ก่อนที่จะก้าวเดินออกไป.
......
วันถัดมาซูเห่าเก็บเกี่ยวได้ไม่น้อย,เขาได้ซื้อเสื้อผ้าฝ้ายหนา,ที่จะทำให้สามารถนอนหลับสบายในเวลากลางคืน.
กลางคืนใกล้มาถึง,ซูเห่ากำลังกลับไปที่ซ่อนตัวของเขาเงียบ ๆ.
อย่างไรก็ตาม,ซูเห่าที่สัมผัสได้ถึงความผิดปรกติ.
ราวกับว่ากำลังถูกอะไรจับจ้องอยู่.
เขาที่จ้องมองไปรอบ ๆ,แต่กับไม่พบสิ่งใด.
ซูเห่าที่ยังคงเดินปรกติ,ภายในใจเอ่ย“เสี่ยวกวง....”