Chapter 70 ignorant/veiled must be beastly
蒙须兽
ซูเห่าที่ไม่ได้อยู่เฉย,เขาอยู่ในป้อมซาซานสามวัน,กำลังคิดถึงปัญหาต่าง ๆ....ใช่แล้ว,เขากำลังหาวิธีเพื่อเร่งรัดการพัฒนางานวิจัยของเขา.
ดังนั้นเขาจึงได้กล่าวลาอู๋หยุนเทียน.
อู๋หยุนเทียนเอ่ย“เซี่ยงหวู่,ครั้งนี้เจ้าจะออกไปนานเท่าไหร่?”
ซูเห่าไม่อาจบอกได้“ช้าก็ไม่กี่เดือน,นานอาจจะปีหรือสองปี.”
อู๋หยุนเทียนที่พยักหน้าเงียบ ๆ,ซูเห่ารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง,หวังให้เขากลับมาอย่างปลอดภัยนั่นเอง.
ซูเห่าเดินทางมายังเมืองหลิงหยุนก่อน,และตรงไปยังสถาบันยุทธ์หลิงหยุน,พบกับล้านเหล่าหลิวที่ไม่ได้พบกันนาน.
ซูเห่าที่มาหาเหล่าหลิว,เผยยิ้มกว้าง“อาจารย์หลิว!”
ศีรษะของอาจารย์หลิวยังคงสดใสเงาวาวเช่นเดิม,เขาเงยหน้าจ้องมองใบหน้าที่คุ้นตา.
เขาจำได้ทันทีเกี่ยวกับผู้เยาว์ด้านหน้า,ครั้งหนึ่งเด็กคนนี้เคยสร้างปรากฏการณ์ที่เป็นตำนานของสถาบันหลิงหยุนเอาไว้,อู๋เซี่ยงหวู่นั่นเอง.
เหล่าหลิวที่ประหลาดใจดีใจ“เซี่ยงหวู่? สามปีไม่เห็นหน้า,พิธีจบการศึกษาผ่านมาแล้ว,ไม่เห็นเจ้า,ข้ายังพูดถึงเจ้าอยู่เลย.”
ซูเห่าเอ่ยอย่างอักอ่วน,“ในเวลานั้นข้าอยู่ไกลจากนี่,เร่งรีบกลับมาเช่นกัน,แต่ไม่ทันแล้ว,น่าเสียดาย.”
ความจริง,เขาลืมเรื่องนี้จริง ๆ.
จากนั้นซูเห่าก็เอ่ยออกมาว่า“ในอดีตต้องขอบคุณอาจารย์หลิว,ทำให้ข้าก้าวสู่ขอบเขตปรมาจารย์ได้สำเร็จ,หากไม่มีอาจารย์หลิวช่วยในอดีต,เกรงว่าคงอยู่ในขอบเขตจอมยุทธ์ตลอดไป!”
“อะไรนะ?!! เจ้ายกระดับแล้วรึ? แฮก ๆ-” เหล่าหลิวที่สูดหายใจที่เย็นยะเยือบเข้ามา.
ซูเห่าที่นำดาบล้ำค่าออกมา“อาจารย์หลิว,นี่ของขวัญที่ข้านำมาฝากท่าน!”
ซูเห่ารู้ว่าเหล่าหลิวนั้นชอบดาบมาก,ดังนั้นจึงได้เลือกดาบที่แพงที่สุดในเมืองหลิงหยุน,นำมาเป็นของขวัญ.
ก็ไม่รู้ว่ามันดีใหม,แต่มันเป็นของแพงอย่างแน่นอน.
เหล่าหลิวที่รับมา แทบไม่วางเลย,เขาชื่นชมจนพูดไม่ออก.
ซูเห่าที่อธิบายปัญหาที่เขามาหา“อาจารย์หลิวข้ามีปัญหา,ท่านรู้เกี่ยวกับวิธีก้าวจากระดับปรมาจารย์ไปยังขอบเขตบรรพจารย์หรือไม่?”
ใครจะรู้เหล่าหลิวที่ดวงตาเบิกกว้าง,เอ่ยออกมาทันที“วิธีนั้นข้าไม่รู้,ทว่าข้ารู้ช่องทาง.”
ซูเห่าเอ่ยด้วยความสงสัย“ช่องทางอะไร?”
เหล่าหลิวที่ลูบหัวล้าน,เผยยิ้มน่าเกลียด“มีเพียงช่องทางของตระกูลใหญ่เท่านั้นที่จะมีวิธีไปยังขอบเขตบรรพจารย์.”
ซูเห่าที่ขมวดคิ้วไปมา“มีเพียงวิธีเดียวรึ?”
เหล่าหลิวเอ่ย“ใช่! ระดับปรมาจารย์ต้องการเป็นบรรพจารย์นั้น,จะต้องเข้าร่วมเมืองใหญ่เป็นผู้พิทักษ์เมืองแปดปีเต็ม,ถึงจะมีคุณสมบัติได้รับวิธีการยกระดับเป็นขอบเขตบรรพจารย์.”
“แปดปีอย่างงั้นรึ?”ซูเห่าที่เอ่ยเสียงดัง,เป็นเรื่องราวที่น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก.
เหล่าหลิวเอ่ย“แปดปีนี้จะต้องทำงานเต็มเวลา,รับฟังคำสั่งเจ้าเมือง,ทำงานตลอดทั้งแปดปี,ถึงจะมีโอกาสได้รับวิธีเลื่อนระดับ.”
ซูเห่าที่พูดไม่ออก“นอกจากวิธีนี้,ไม่มีวิธีอื่นเลยจริง ๆ รึ?”
เหล่าหลิวเอ่ย“ข้ารู้เพียงวิธีนี้,บรรพจารย์ทั้งหมดที่ข้าเคยเห็น,ล้วนแต่ต้องเป็นผู้พิทักษ์เมืองหลวงแปดปีทั้งนั้น.”
จากนั้นเขาก็มองซูเห่าพร้อมเผยยิ้มขม“ข้าไม่ต้องการเป็นผู้พิทักษ์เมืองหลวง,ดังนั้นข้าจึงมาทำงานเป็นอาจารย์ที่สถาบันแห่งนี้.”
นี่คือการปิดกั้นองค์ความรู้,มีเพียงคนที่พวกเขาควบคุมได้เท่านั้นถึงจะได้รับความรู้ขั้นสูงนี้ไป.
เกี่ยวกับเรื่องนี้,เพื่อความรู้เป็นบรรพจารย์,ให้เขาทำงานเป็นผู้พิทักษ์แปดปี,เขาไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก,อย่างน้อยก็ไม่ใช่เวลานี้.
ขณะที่ซูเห่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่นั้น,บนกำแพงเมืองก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น.
“ตูมมมมมมมม-”
ซูเห่าและเหล่าหลิวได้ยินเสียงดังกล่าว,พบว่าที่ไกลออกไปปรากฏฝุ่นหินดินทรายที่ลอยคละคลุ้ง,เศษหินที่กระเด็นปลิวว่อน.
“ตูมมมมมมมม-”
ไม่อาจบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น,ทว่าเสียงระเบิดที่ดังกึกก้องนั้น,กำแพงเมืองกำลังพังทลายลง.
เหล่าหลิวที่พยักหน้าจริงจัง,ทันใดนั้นก็เอ่ยต่อซูเห่า“เจ้ามั่นใจนะว่าเจ้าเป็นปรมาจารย์?”
ซูเห่าพยักหน้ารับ.
เหล่าหลิวจ้องมองเกราะของซูเห่า,และห่อผ้าขนาดใหญ่ด้านหลังเขาก็พยักหน้า”เจ้ารอข้าที่นี่,ข้าจะไปสวมเกราะก่อน,แล้วพวกเราออกไปด้วยกัน.
ซูเห่าที่เปิดเรดาร์สัมผัส,ทันใดนั้นพบว่าที่ขอบเมืองปรากฏจิงซีที่ทรงพลังกำลังพุ่งเข้าชนกำแพงเมือง.
จิงซีที่ทรงพลังมีความหนาแน่นเช่นนี้,ซูเห่าสัมผัสได้เป็นครั้งแรก,ดูเหมือนกว่าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าวิหคยักษ์หางขาวดำที่เขาพบก่อนหน้านี้,มั่นใจร้อยเปอเซ็นว่านี่คือขอบเขตบรรพจารย์,นอกจากนี้ยังเป็นบรรพจารย์ขั้นสูงอีกด้วย.
ซูเห่าไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ใหม,เพราะเขาเคยเผชิญหน้ากับขอบเขตบรรพจารย์เพียงครั้งเดียว,จึงไม่ค่อยมั่นใจนัก.
เพียงไม่นาน,เหล่าหลิวก็กลับมา,สวมเกราะสีเงินสลับทอง,ดูเจิดจรัสส่องประกายเงางาม,เพียงแค่เห็นก็บอกได้แล้วว่า เขาดูแลเกราะรบนี้เป็นอย่างดี.
เหล่าหลิวเอ่ยออกมาทันที“ไป,พวกเราไปดู,หลังจากนี้อย่างใจร้อน,ตามข้ามา.”
ซูเห่าพยักหน้ารับ,“ตกลง!”
ซูเห่าที่วิ่งตามอีกฝ่ายมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ฝุ่นผงลอยคลุ้งทันที.
การโจมตีที่ยังไม่ได้ใหญ่นัก,ทว่าเสียงผู้คนในเมือง,ที่ดังอื้ออึงตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก.
ซูเห่าที่วิ่งตามเหล่าหลิวไปยังจุดเกิดเหตุ.
กำแพงที่พังทลายไปหมด
ผู้คนมากมายที่วิ่งหนี,บางก็กรีดร้อง,ตื่นตกใจ,หวาดผวาดังก้องไปทั่ว.
กำแพงสูงสี่สิบเมตรที่พังลงมา,เศษหินดินทรายที่กระเด็นไปทั่ว,ฝุ่นที่คละคลุ้งปิดบังแสง.
อย่างไรก็ตามภายใต้ฝุ่นที่คลุมเครือนั้น,ยังสามารถมองเห็นสัตว์ร้ายขนาดใหญ่,ที่มีความสูงถึงยี่สิบเมตร.
รูปร่างของมันเหมือนกับปลาหมึก,หัวกลมใหญ่,ร่างกายที่เต็มไปด้วยเกล็ดหนาเหมือนกิเลน,ดูแข็งแกร่งไร้เทียมทาน,ดวงตาสีเขียวส่องสว่าง,มีเขาเหมือนกับแกะที่ห้อยเฉียงลงมา.
ร่างของมันนั้นมีหนวดรยางค์มากมาย,ลอยว่อนไปทั่วอากาศ,หนวดเหล่านี้กำลังพุ่งรัดผู้คน,ก่อนที่จะดึงกลับไปยังร่างของมัน.
เสียงเคี้ยวดัง,พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยของผู้คนที่หายไปเป็นระยะ ๆ.
ดูเหมือนว่ามันจะเคลื่อนที่ช้า,อย่างไรก็ตามไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับมันเลย,เพราะว่าหนวดรยางค์มากมายที่เคลื่อนไหว,พุ่งทะลวงควานหาผู้คน ดึงเกี่ยวลากคนเข้าปากของมันได้,ไม่ว่าใครจะอยู่ที่ใหนก็ตาม.
กระทั่งจอมยุทธ์,ที่วิ่งหนี,ยังถูกหนวดดังกล่าวดึงลากไป,โดยที่ไม่อาจต่อต้านได้เลย.
“แย่แล้ว,สัตว์ร้ายขอบเขตบรรพจารย์ได้ผ่านมายังเมืองหลิงหยุนของพวกเราแล้ว!”เหล่าหลิว,ที่กลืนน้ำลายคำโต,เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ.
ซูเห่าที่จ้องมองสัตว์ร้าย,ขมวดคิ้วไปมา“ข้าเคยเห็นมันในตำรา,นี่คือสัตว์ร้ายเมิ่งสวี(หนวดเยอะ)ขอบเขตบรรพจารย์,ที่ชอบใช้เขาทะลวงกำแพง,จากนั้นก็ใช้หนวดดึงลากกินผู้คนเป็นอาหาร,กินจนอิ่ม,ค่อยจากไป,ใช่สัตว์ร้ายที่บันทึกไว้ในหนังสือหรือไม่?”
เหล่าหลิวพยักหน้ารับ.
ซูเห่าเอ่ยสอบถามออกมาทันที“อาจารย์หลิวรู้จักจุดอ่อนของสัตว์ร้ายเมิ่งสวีตัวนี้ใหม?”
เหล่าหลิวจ้องมองซูเห่า“เซี่ยงหวู่,เจ้าอย่าได้มุทะลุ,ตอนนี้พวกเราไม่อาจเข้าไปหาความตายได้,รอให้ทีมผู้ทักษ์มาก่อน,ให้ผู้บัญชาการขอบเขตบรรพจารย์มาขับไล่มันไป!”
ซูเห่าที่จ้องมองสัตว์ร้ายเมิ่งสวี,พลางฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิว,ข้าไม่ใช่คนมุทะลุ,โปรดวางใจ.”
เหล่าหลิวพยักหน้ารับ“พลังป้องกันของสัตว์ร้ายเมิ่งสวีนั้นทรงพลังมาก,กระทั่งขอบเขตบรรพจารย์ก็ไม่อาจทะลวงมันได้,จุดอ่อนของมันมีสองส่วน,ก็คือใต้ร่างกายและดวงตา,ใต้ร่างกายนั้นไม่มีเกล็ดเกราะป้องกัน,สามารถโจมตีตรง ๆ,อย่างไรก็ตาม....”
“สองตำแหน่งนั้นแทบจะไม่เรียกว่าจุดอ่อน,อย่างแรกดวงตาของมันนั้นเล็กมาก,ไม่อาจโจมตีโดยได้ง่าย ๆ,ส่วนใต้ร่างของมันก็มีหนวดมากมายขวางกั้น,ก่อนที่จะได้โจมตีคงถูกปลายหนวดของมันทิ่มทะลวงไปแล้ว,ไม่ต้องบอกว่าหนวดของมันนั้นแหลมคมขนาดใหน ขนาดโลหะยังทะลวงได้,ไม่มีใครสามารถตัดมันขาดง่าย ๆ,นอกจากนี้หนวดของมันยังรวดเร็วมาก,การเข้าใกล้มีแต่กลายเป็นอาหารของมันเท่านั้น.”
“หากสัตว์ร้ายนี้โจมตีเมือง,ปรกติแล้วจัดการอย่างไรกัน?”
เหล่าหลิวที่เอ่ยอย่างเคร่งขรึม”หากเป็นเมืองเล็กที่ไม่มีระดับบรรพชนยุทธ์ปกป้อง,ปรกติแล้วมีแค่สองวิธี,หนึ่งคือร่วมด้วยช่วยกันขับไล่มันออกไป,อีกวิธีก็คือปล่อยให้มันกินจนอิ่มมันก็จะจากไปเอง.
ซูเห่าที่กลายเป็นเงียบ.
สัตว์ร้ายยังคงไล่ล่ากินผู้คนบุกทะลวงจนมาถึงใจกลางเมือง,ผู้คนหนีตายกันด้วยความหวาดผวา,ไม่มีใครช่วยพวกเขาได้,มีแต่ต้องวิ่งหนีให้เร็วกว่าคนอื่นเท่านั้น.
ในเวลาเดียวกัน,ทีมผู้พิทักษ์เมืองก็มาถึง,แต่ละคนสวมเกราะหนา,ร่างกายปิดมิดชิดเห็นแต่ใบหน้า.
แต่ละคนที่เหมือนกับเกราะรบเคลื่อนที่ถือดาบยาว,บางคนถือหอกและค้อนปรากฏขึ้น.
ผู้บัญชาการที่กระจายทีมออกไปสามกลุ่มให้ล้อมรอบสัตว์ร้ายตัวดังกล่าว,ทว่ายังคงรักษาระยะห่าง.
หัวหงอีขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์,นอกจากนี้ยังมีหัวหน้าทีมอีกสามคนที่เป็นปรมาจารย์ขั้นสูง,แต่ละกลุ่มยังแบ่งแยกทีมออกเป็นอีกห้าทีม.
แต่ละทีมนั้นมีหัวหน้าขอบเขตปรมาจารย์,ทว่าสมาชิกด้านจากนั้นล้วนแต่เป็นจอมยุทธ์ขั้นสูง.
พวกเขามีคนจำนวน 300 กว่าคน,ที่คอยปกป้องพิทักษ์เมืองหลิงหยุน.
ทั้งเมืองหลิงหยุนนั้นมีปรมาจารย์น้อยกว่า 200 คน,ส่วนมากอยู่ในทีมผู้พิทักษ์และคนอื่น ๆ เป็นอาจารย์ในสถาบันและทหารรับจ้างกลุ่มใหญ่.
เหล่าหลิวที่เห็นทีมผู้พิทักษ์ปรากฏ,ก็นำซูเห่ามุ่งหน้าเข้าไปพร้อมกับเอ่ยเสียงดัง“หลิวฉางเล่อ,สถาบันยุทธ์หลิงหยุน น้อมรับคำสั่งผู้พิทักษ์.”
สิ้นเสียงเหล่าหลิว,ก็ได้ยินเสียงจากทิศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน.”
“โม่เฟิงหัวสถาบันหลิงหยุนน้อมรับคำสั่งผู้พิทักษ์!”
“เฟิงม่านเอ๋อสถาบันยุทธ์หลิงหยุนน้อมรับคำสั่งผู้พิทักษ์!”
“เมิ่งซานกลุ่มทหารรับจ้างเมิ่งซานน้อมรับคำสั่งผู้พิทักษ์!”
“กู่เยว่หลิง หอการค้าหงเหยี่ยนน้อมรับคำสั่งผู้พิทักษ์!”
......
เหล่านักรบต่างก็เข้ามารายงานตัวกัน.
ซูเห่าที่เฝ้ามองอยู่เงียบ ๆ....เขาจะเข้าไปน้อมรับคำสั่งเหมือนกับคนอื่นหรือไม่?