Chapter 69 Energy core
能源核心
ซูเห่าจ้องมองศพของวิหคยักษ์หางขาวดำ,ดวงตาเป็นประกาย,เกือบน้ำลายไหล.
ในช่วงสองปีนี้เขาหลีกหนีจากสัตว์ร้ายขอบเขตบรรพจารย์ไม่หยุด,ศึกษาเพียงขอบเขตปรมาจารย์และจอมยุทธ์เท่านั้น,ตอนนี้กับปรากฏสัตว์ร้ายขอบเขตบรรพจารย์ที่ด้านหน้า,ทำให้เขารู้สึกต้องการศึกษารูนอักขระของมันอย่างบ้าคลั่ง,อดไม่ได้เลยที่ต้องการชำแหละร่างของมันเดี๋ยวนี้.
ซูเห่าที่กลับไปเก็บกระเป่าและดึงลากวิหคยักษ์ขาวดำออกไป.
ค้นหาถ้ำที่พักสักแห่ง,เพื่อทำการชำแหละตรวจสอบสัตว์ร้ายขอบเขตบรรพจารย์ นั้นว่าแตกต่างกันกับระดับอื่นอย่างไร.
ส่วนการกลับเมืองหลิงหยุนป้อมซาซาน...เลื่อนไปก่อนสองวัน.
เพียงไม่นานเขาก็พบสถานที่เหมาะสมเป็นถ้ำหินแห่งหนึ่ง.
เดิมที ที่นี่เป็นที่อยู่ของตะกวดทรายเหลือง,ทว่ามันถูกกุดหัวโดยซูเห่าทันที,ที่นี่จึงเป็นฐานที่มั่นของซูเห่าชั่วคราว.
ไม่รั้งรอ,เขาได้นำอุปกรณ์เครื่องมือออกมา,เริ่มถอนขนมันก่อนเป็นอันดับแรก.
หลังจากถอนขนจนหมด,ช่างเป็นตัวตนที่น่าอัปลักษณ์เกินจะกล่าว,ใครจะคิดว่าวิหคไร้ขนตัวน่าเกลียดตนนี้จะเป็นจ้าวแห่งท้องฟ้า?
ซูเห่าเริ่มลงมีดอย่างระมัดระวัง,ตรวจสอบส่วนต่าง ๆ,ไม่ให้พลาดแม้แต่จุดเดียว.
เพียงไม่นาน,ซูเห่าก็พบรูปแบบสัตว์ร้ายของวิหคหางขาวดำ.
รูปแบบสัตว์ร้ายนี้คือ“เจาะ”ซูเห่ามีแล้ว,ทว่าที่เขาประหลาดใจคือ,เขาพบว่ารูปแบบสัตว์ร้ายของมันนั้น,เป็นรูปแบบสัตว์ร้ายที่สมบูรณ์.
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับรูปแบบสัตว์ร้ายที่สมบูรณ์เพียงแค่สังหารแค่ตัวเดียว,ก่อนหน้านี้ไม่มีตัวใหนที่มีรูบแบบสัตว์ร้ายที่สมบูรณ์เลย,จำเป็นต้องสังหารสัตว์ร้ายเป็นจำนวนมาก,ปะติดปะต่อกันจนได้รูปแบบสัตว์ร้ายที่สมบูรณ์.
สิ่งที่ทำให้ซูเห่าประหลาดใจที่สุด,ไม่เพียงแค่รูปแบบสัตว์ร้ายที่สมบูรณ์ ยังมีก้อนเนื้อกลม ๆ ก้อนหนึ่งด้วย.
“สิ่งนี้คืออะไร? เป็นไปได้ว่าก้อนเนื้อกลมนี้ คือความลับของการเป็นขอบเขตบรรพจารย์หรือไม่?”ซูเห่าที่สังหารสัตว์ร้ายของเขตปรมาจารย์มากมาย,ไม่เคยพบกับก้อนกลมนี้เลย.
ซูเห่าตัดก้อนเนื้อดังกล่าวด้วยมีดดึงออกมา,ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง,ด้วยสัมผัสของเขา พบว่าด้านในนั้นมีปริมาณจิงซีมหึมาซ่อนเอาไว้.
ตรวจสอบอยู่นาน,ทว่ากับไม่พบอะไร.
“ผ่าดู!”ซูเห่าเริ่มลงมีดผ่าก้อนเนื้อดังกล่าว.
เมื่อผ่าออกมาแล้วพบว่าด้านในนั้นมีบางอย่างที่มีขนาดเท่ากับนิ้วโป่ง,เขาที่ใช้มือสัมผัส,พบว่าเป็นลูกปัดสีเหลืองที่อ่อนนุ่มเหมือนขนมเยลลี่.
จากสัมผัสของซูเห่าพบว่า,จิงซีมหึมานั้น,แท้จริงแล้วมาจากลูกปัดกลมนี้เอง.
“แกนพลังงานอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้ว่าการยกระดับจากปรมาจารย์เป็นบรรพจารย์คือเจ้านี่?”ซูเห่าที่ขมวดคิ้วเฝ้ามองก้อนกลมอย่างระมัดระวัง.
หลังจากควักลูกปัดสีเหลืองออกมาจากก้อนเนื้อ,ปริมาณจิงซีก็ค่อย ๆ ลดลง,อธิบายได้ว่าจิงซีด้านในเริ่มสลายตัวช้า ๆ,ตามการคาดเดาน่าจะใช้เวลาราว ๆ สองวันจิงซีในลูกปัดนี้ก็จะสลายหายไปหมด.
“ในเมื่อมันจะสลายหายไปในไม่ช้า,ก่อนที่จะหายไปทั้งหมดหมด,ผ่าอีกครั้งดีใหม?”
คิดได้ดังนั้น,ซูเห่าก็เริ่มตัดผ่ามัน.
หากไม่ลงมือชำแหละ,เกรงว่าจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร.
หลังจากซูเห่าตัดลูกปัดสีเหลือง,ก็ไม่พบอะไรเลย,ทว่ารู้สึกว่าจิงซีสลายเร็วยิ่งกว่าเดิม.
เพียงไม่นาน,ซูเห่าก็พบว่าจิงซีหายไปทั้งหมดแล้ว,ก่อนเอ่ยพึมพำ“อืม,สลายไปหมดแล้ว!”
หลังจากจัดเก็บ,ทำความสะอาดถ้ำ,ซูเห่าก็ออกเดินทางต่อ.
หลังจากสังหารวิหคยักษ์ไปแล้ว,เขาก็บอกได้ว่าถึงจะมีเรดาร์ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัยแต่อย่างใด.
เพราะมีความเป็นไปได้ว่า เมื่อเขาถูกฝ่ายตรงข้ามล๊อกเป้าแล้ว,ก็ไม่อาจหนีพ้นได้.
อย่างไรก็ตามโชคดีที่ได้พบกับวิหคยักษ์หางขาวดำ,ทำให้ซูเห่าเข้าใจได้ว่า,ขอบเขตบรรพจารย์ไม่ได้น่าหวาดกลัวเกินจินตนาการ,หากใช้วิธีการที่ถูกต้อง,ก็สามารถจัดการอีกฝ่ายได้.
ด้วยการได้ผ่าชำแหละวิหคยักษ์หางขาวดำ,ทำให้ซูเห่าคาดเดาขอบเขตบรรพจารย์ได้ระดับหนึ่ง.
การตัดผ่านระดับจากจอมยุทธ์ไปยังปรมาจารย์คือการยกระดับ“โครงสร้าง” ส่วนยกระดับจากปรมาจารย์ไปยังบรรพจารย์นั้น.
บางทีคงเป็นการตัดผ่านระดับ“พลังงาน” และนอกจากนี้เขายังหาญกล้าคาดเดา,การตัดผ่านระดับจากบรรพจารย์ไปยังขอบเขตบรรพชนนั้น,อาจจะเป็นการตัดผ่าน“ระดับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ” ก็ได้,สำหรับซูเห่าเวลานี้ต้องการหาคนสอบถาม,ไม่รู้ว่าจะมีคนบอกได้หรือไม่?
......
20 วันหลังจากนั้น,เขาก็กลับมาถึงป้อมซาซาน.
เวลานี้,อู๋หยุนเทียนไม่อยู่บ้าน.
เขาจึงนั่งอยู่ในลานบ้านนั่งจิบชา,รอคอยอู๋หยุนเทียนกลับมา.
ตอนเย็น,อู๋หยุนเทียนที่ดูเหนื่อยล้าก็กลับมา.
อู๋หยุนเทียนที่เห็นซูเห่าก็ตื่นตะลึง,ก่อนเอ่ยออกมาว่า“เซียงหวู่,เจ้ากลับมาแล้ว.”
ซูเห่าพยักหน้าให้,ผ่านมานานแล้วไม่พบหน้า,เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรออกมาเช่นกัน.
ผ่านไปนานเหมือนกันทั้งสองฝ่ายที่เงียบ,ก่อนที่ซูเห่าจะเอ่ยออกมาว่า“พ่อ,ข้าชงชาไว้ให้,มาดื่มก่อน!”
อู๋หยุนเทียนพยักหน้ารับ,เข้าไปเก็บเกราะในห้อง,และออกมานั่งตรงข้ามซูเห่า.
ในเวลานี้ซูเห่าที่มองอู๋หยุนเทียนในระยะใกล้ ๆ.
อีกฝ่ายยังเหมือนเดิม,ทว่าเขาพบว่าที่ขอบตาปรากฏรอยตีนกาสองเส้น,ดวงตาที่ดูผันผวน,ไม่แยแสต่อสิ่งใด,ราวกับว่าได้มองผ่านชะตาชีวิตของตัวเองไปแล้ว.
แทบจะไม่รู้ตัว,เขามาอยู่ในโลกใบนี้,ผ่านมาสิบสองปีแล้ว.
ซูเห่าที่สัมผัสได้ถึงจิงซีของอู๋หยุนเทียนที่เพิ่มขึ้นมาก,เวลานี้ได้คาดว่าคงจะทะลวงคอขวดไปจนถึงระดับสูงสุดแล้ว,ดังนั้นจึงเอ่ยถาม“พ่อ,พบคลื่นยกระดับปราณโลหิตแล้วรึ?”
อู๋หยุนเทียนพยักหน้ารับ“ข้าพบเมื่อหนึ่งปีก่อน,ตอนนี้สามารถบังคับเปลี่ยนปราณโลหิตเป็นจิงซีได้ตามเจตจำนง,จิงซีของข้าได้ไปถึงขีดสุดแล้ว.”
ซูเห่าที่เอ่ยถามเพิ่ม“แล้วการสลักรูปแบบสัตว์ร้ายล่ะ?”
อู๋หยุนเทียนกลายเป็นเงียบ,เขาไม่ได้เอ่ย.
ซูเห่าก็เข้าใจในทันที,จากนั้นก็เอ่ยถามออกมาว่า“เพราะว่ารูปแบบสัตว์ร้ายมันซับซ้อนเกินไปรึ?”
อู๋หยุนเทียนจิบน้ำชา,เอ่ยออกมาช้า ๆ“ใช่,ไม่มีวิธีที่จะทำให้ข้าจำมันได้อย่างสมบูรณ์เลย.”
เห็นชัดเจนว่านี่คือปัญหาที่เหล่าจอมยุทธ์ทุกคนต้องเจอ.
ซูเห่าเอ่ย,“พ่อ,ข้ามีวิธีสร้างรูปแบบสัตว์อย่างง่าย,ด้วยการลวดลายสัตว์ร้ายแบบใหม่,ท่านต้องการทดลองใหม?”
จากนั้น,ซูเห่าก็ส่งรูปแบบสัตว์ร้ายพิเศษที่เป็นโครงสร้างอย่างง่ายที่เขาพัฒนาขึ้นมาให้กับอู๋หยุนเทียน.
อู๋หยุนเทียนจ้องมองซูเห่าแปลก ๆ,ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร.
เพราะว่าหลายปีมานี้,เขาได้เห็นการเติบโตของซูเห่า,เขาตระหนักได้ถึงความร้ายกาจ,เข้าใจถึงสิ่งที่อธิบายไม่ได้มากมายที่ซูเห่าทำ,ทุกสิ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการถึงได้,ทำให้เขาไม่ต้องการคิดเรื่องนี้ให้ปวดหัว.
เขาพบว่าความเข้าใจสำนึกคิดต่อโลกของตัวเองเริ่มมีปัญหา.
บางทีโลกที่เขารู้จักและซูเห่ารู้จักนั้นอาจแตกต่างกัน.
ดังนั้น,เขาที่มีอายุเกือบ 40 ปีแล้ว,สิ่งที่ไม่เข้าใจมักจะไม่ถาม,ทว่าเมื่อไม่ถามก็จะไม่เข้าใจ,เช่นนั้นทำไมต้องรู้สึกอักอ่วนด้วย,อู่หยุนเทียนที่จ้องมองรูปแบบสัตว์ร้ายก่อนเอ่ยออกมาว่า“แข็ง!”
ซูเห่าพยักหน้ารับ,รูปแบบสัตว์ร้ายนี้ก็คือ“แข็ง” หลังจากปรับแต่งความเข้ากันได้,เขาก็ส่งมันให้กับอู๋หยุนเทียน“นี่คือแผ่นสลักที่ข้าคิดค้นขึ้นมา,พ่อสามารถทำตามรูปแบบอย่างง่ายตามแผ่นสลักนี้.”
จากนั้นเขาก็เอ่ยอธิบายตำแหน่งทั้งแปดของแผ่นสลัก”รูปแบบสลักนี้มีทั้งหมดแปดโหนด,สลักด้วยรูนอักขระแปดตัว,สามารถสลักลงบนร่างกายได้ดังนี้...ฝไ
จากนั้นเขาก็เริ่มอธิบายรายระเอียดฟังก์ชันต่าง ๆ,เกี่ยวกับระบบกระบวนการทำงานของมัน.
หลังจากอธิบายเสร็จ,อู๋หยุนเทียนที่ขมวดคิ้วไปมา“เซี่ยงหวู่,แผ่นสลักนี้เจ้าเป็นคนคิดค้นขึ้นมาอย่างงั้นรึ?”
ซูเห่าพยักหน้ารับ“แน่นอน!”
อู๋หยุนเทียนเอ่ย“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร,ทว่าไม่ควรให้คนอื่นรู้เรื่องนี้,ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องได้รับอันตรายอย่างแน่นอน.”
ซูเห่าเอ่ยอย่างจริงจัง“ท่านพ่อ,ข้าเข้าใจ! ข้าจะระวัง!”
อู๋หยุนเทียนที่ถอนหายใจ“ในเผ่ามนุษย์เองก็มีการต่อสู้กันอยู่,ความรู้ที่เหนือขอบเขตปรมาจารย์นั้นถูกควบคุมไว้โดยกลุ่มอิทธิพลใหญ่,หากพวกเขารู้ว่าเจ้าสร้างแผ่นสลักรูปแบบสัตว์ร้ายเช่นนี้ขึ้นมาได้,จะทำลายผลประโยชน์ของพวกเขา,คนเหล่านั้นจะต้องสังหารเจ้าแน่.”
ซูเห่าครุ่นคิดถึงปัญหาดังกล่าวทันที,รูนอักขระอย่างง่าย,สามารถที่จะยกระดับให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้.
อย่างไรก็ตามการทำเช่นนี้ย่อมขัดผลประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ปกครอง,ซึ่งจะทำให้เขาถูกไล่ล่าอย่างไม่ต้องสงสัย.
ซูเห่าไม่มั่นใจเช่นกันว่าจะสามารถต้านทานคนจากตระกูลใหญ่ได้ใหม.
เช่นนั้น,เขาควรทำอย่างไรดี?
ซูเห่ารับรู้ในทันที,ว่าเขารู้เรื่องเกี่ยวกับชนชั้นปกครองน้อยจนเกินไป.