Chapter 64 Is the team good to see the eldest child
团队好不好要看老大
สามเดือนหลังจากนั้น.
ซูเห่าลากมังกรหางสั้นระดับปรมาจารย์สองตัวเข้ามาในถ้ำ,มันเหมือนกับไดโนซอรัส,ทว่าหางสั้นมาก,หัวของมันที่มีเขียวยื่นออกมา,ไม่เพียงดูดุร้ายน่าเกรงขาม,พลังต่อสู้ก็ยังรุนแรงอีกด้วย,นอกจากนี้ทุกครั้งที่มันวิ่ง,แผ่นดินจะสะเทือนสั่นไหว,จนเหยื่อเสียความสมดุล,จนถูกมันสังหารอย่างง่ายดาย.
มังกรหางสั้นนั้นนับเป็นสัตว์ร้ายที่ยืนอยู่บนห่วงโซ่ของอาหาร,ในพื้นที่รอบ ๆ แห่งนี้มีกลุ่มมังกรหางสั้นสิบกว่าตัว,กล่าวได้ว่ายิ่งมันเติบโตหางมันก็ยิ่งสั้น,ทุกตัวมีระดับปรมาจารย์ยุทธ์,ตัวที่แข็งแกร่งที่สุด,เป็นปรมาจารย์ขั้นสูง.
อย่างไรก็ตาม,กลุ่มมังกรหางสั้นรอบ ๆ คงจบสิ้นเท่านี้แล้ว.
มังกรหางสั้นสองตัวสุดท้าย,ถูกซูเห่าลากเข้าไปในถ้ำ.
เขาเหวี่ยงมังกรหางสั้นตัวหนึ่งขึ้นไปบนแท่นศิลาที่เป็นเหมือนเขียง,ก่อนที่จะเริ่มชำแหละผ่าทองของมัน,หั่นชิ้นส่วนอย่างระมัดระวัง,ก่อนที่จะแหวกตรวจสอบรูปแบบสัตว์ร้ายด้านใน.
หลังจากปรับตัวได้,การชำแหละและตรวจสอบรูปแบบสัตว์ร้ายก็เป็นไปอย่างราบรื่นรวดเร็วมากขึ้น.
หลังจากบันทึกรูปแบบสัตว์ร้ายเสร็จแล้ว,ซูเห่าก็เข้าไปในพื้นที่พินบอล,รูปแบบสัตว์ร้ายมังกรหางสัตว์ที่เก็บเกี่ยวได้ก่อนหน้านี้,กำลังถูกเปรียบเทียบกับที่ได้รับมา,พร้อมกับปรับปรุงส่วนบกพร่อง.
หลังจากตรวจสอบสังเกตอยู่ชั่วขณะ,ก็ผสานกันอย่างราบรื่น,คล้ายว่าจะสมบูรณ์,ทว่าเขาไม่อาจบอกได้ว่ามันยังมีจุดบกพร่องอีกหรือไม่?
“ทดลองแล้วจะรู้เอง.
หลังจากนั้นซูเห่าก็ออกจากพื้นที่พินบอล,ก่อนที่จะเริ่มวาดสลักรูนลงบนศพของมังกรหางสั้น.
เขาที่วาดสลักรูปแบบสัตว์ร้ายลงไป,เริ่มกระตุ้นเปิดการใช้งาน,ทว่ายังไม่ได้แสดงผลอะไร,ก็พังทลายลงแล้ว.
จิงซีควบคุมของซูเห่าได้พังทลายลง,เขาจ้องมองไปยังมังกรหางสั้นตัวสุดท้าย“เหลือตัวเดียวแล้ว,หากไม่สำเร็จ,ที่ทำมาทั้งหมดคงสูญเปล่าแน่,คงต้องเดินทางลึกเข้าไปอีกถึงจะหามังกรหางสั้นพบ.”
ไม่มีลังเล,ซูเห่าทำการชำแหละมังกรหางสั้นตัวสุดท้าย,เปิดท้อง,บันทึกลวดลาย,ก่อนจะเข้ามาในพื้นที่พินบอลเปรียบเทียบกับรูปแบบก่อนหน้านี้.
ความแตกต่าง,ดูแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย,ร่องรอยทั้งสองที่ถูกผนวกเข้าด้วยกัน.
ตรวจสอบอีกครั้ง,แผนผังสัตว์ร้ายใหม่นี้,ดูสมบูรณ์มากกว่าเดิมรู้สึกเหมือนงานศิลปะ,ซูเห่ารู้สึกว่านี่คือรูปแบบสัตว์ร้ายที่สมบูรณ์.
สร้างงาน,ออกจากพื้นที่พินบอลเริ่มทดลอง.
พริบตาเดียวเมือวาดสลักเสร็จสมบูรณ์,รูปแบบสัตว์ร้ายกฌส่องแสงสว่างจ้า,เกิดคลื่นแผ่ออกมา,ศพของมังกรหางสั้นที่เหมือนกับเส้นไยสั่นระริก ๆ,กระทั่งหนังหนาของมันยังฉีกขาด,แท่นศิลาเองก็สั่นอย่างรุนแรง,เศษหินที่ล่วงหล่นกระจายออกไป.
“การสั่น?”ซูเห่า,พบว่าไม่เคยมีรูปแบบสัตว์ร้าย“การสั่น”มาก่อน,ไม่มีอยู่ในบันทึกของสถาบัน.
ซูเห่าไม่แน่ใจว่านี่คือรูปแบบสัตว์ร้ายแบบใหม่หรือไม่?
ก่อนหน้านี้ซูเห่าที่ได้เก็บรวบรวมสี่รูปแบบสัตว์ร้ายมาประกอบด้วย“การยุบสลาย” “การโก่งพับ” ,“ดูดแสง”,“อุณภูมิสูง” รวมกับตอนนี้ก็คือ“การสั่นสะเทือน.” มีทั้งหมดห้ารูปแบบสัตว์ร้ายแล้ว,รวมกับที่ได้รับมาจากผีฆาตกร “ม่านพลัง” “สว่างจ้า,”ควบคุม“”การสกัด“ตลอดทักษะส่วนตัว”สัมผัส”
เวลานี้ในมือของเขามีสิบรูปแบบสัตว์ร้าย
ตลอดสามเดือนมานี้เขาพยายามวิเคราะห์รูปแบบสัตว์ร้าย,ทว่าความก้าวหน้านั้นช้ามาก,สามารถทำได้เพียงแค่แยกย่อยโครงสร้างของสัตว์ร้ายที่แตกต่างกัน,แต่ยังไม่อาจบอกได้แน่ชัดได้ว่าโครงสร้างที่แต่งกันนั้นผิดแผกจากกันอย่างไร,กฎเกณฑ์ของมันคืออะไร.
ซูเห่าจึงบอกได้ว่า,รูปแบบสัตว์ร้ายเพียงแค่สิบชิ้นนั้น,ยังไกลเกินความเพียงพอให้วิเคราะห์,เขาต้องการมากกว่านี้เพราะยิ่งมีข้อมูลมากขึ้นเท่าไหร่,ก็จะง่ายที่จะเข้าใจกฎ,ง่ายที่จะวิเคราะห์ความลับที่ซ่อนอยู่ได้มากขึ้น.
อย่างไรก็ตาม,เขาไม่อาจอยู่ในพื้นที่รกร้างนานเกินไปได้ได,จำเป็นต้องกลับเมืองหลิงหยุน.
เพราะอุปกรณ์ทดสองที่เสียหายแทบจะหมดแล้ว,และข้าวของเครื่องใช้ทั่วไปเองก็ไม่มีเหลือเช่นกัน.
เขาจำเป็นต้องกลับเมืองหลิงหยุน,ซื้อข้าวของเครื่องใช้,ตลอดจนหาช่องทางเปลี่ยนรูปแบบสัตว์ร้ายเป็นเงิน,หลังจากซูเห่าทำการสกัดมังกรหางสั้นสองตัวไปเปลี่ยนเป็นผลึกจิงซี,เขาก็เก็บเข้าไปในกระเป๋า.
ผลึกจิงซีเขามีจำนวนมาก,เพียงแค่มันไม่ค่อยบริสุทธ์นัก,ไม่อาจใช้ได้โดยตรง,ไม่รู้คนอื่นใช้ได้หรือไม่?
จากนั้นเขาก็นำศพของมันไปโยนทิ้ง ในที่ประจำ,ปล่อยให้สัตว์ร้ายตัวอื่นมากัดกิน.
เขาเก็บข้าวของอย่างเร่งรีบ,ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองหลิงหยุน.
สัตว์ร้ายระหว่างทางกลับ ส่วนมากอยู่ในขอบเขตจอมยุทธ์,จึงไม่อาจรอดพ้นจากคมดาบของซูเห่าได้,กลายเป็นรูปแบบที่ยังไม่สมบูรณ์ให้กับเขาเก็บเกี่ยว.
สำหรับสัตว์ร้ายของบขตบรรพจารย์ยุทธ์นั้น,ซูเห่าไม่เคยพบเลย,กับสัตว์ร้ายที่ทรงพลังขนาดนั้น,เขาไม่รู้เลยอยู่ที่ใหน,อย่างไรก็ตามหากพบกับสัตว์ร้ายขอบเขตบรรพจารย์ยุทธิ์,เขาไม่มีทางเข้าไปหาเรื่องมันแน่,มีเพียงแค่วิ่งหนีไปไกลเท่านั้น.
เมื่อเข้าใกล้เมืองหลิงหยุนครั้งนี้,เขาได้พบกับทหารรับจ้างที่ออกมาสำรวจเช่นกัน,แต่ซูเห่าไม่คิดจะไปติดต่อพวกเขา,หลังจากเห็นในระยะของเรดาร์เขาก็หลบเลี่ยงและตรงไปยังเมืองหลิงหยุนเลย.
......
ห้าวันหลังจากนั้น,ซูเห่าก็มาถึงเมืองหลิงหยุน.
นานแล้วไม่ได้กลับเข้าเมือง,เขาตรงไปยังโรงแรมที่พัก,เข้าไปทำความสะอาดร่างกายทันที,ซูเห่าจำไม่ได้แล้วว่าอาบน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่,ทว่าหลังจากทำความสะอาด,ก็เหมือนกับได้รับการชำระร่าง
เผ้าผมที่ยาวรกรุงรังก็ถูกตัดให้สั้น,ดูสะอาดสะอ้านหล่อเหลาไม่ธรรมดา.
ร่างกายที่ดูปราดเปรียว,สง่างาม.
อย่างไรก็ตามใบหน้าที่อ่อนโยนคาดไม่ถึงว่าจะไม่เหลือความดุร้ายหลงเหลือเอาไว้เลย.
เสื้อผ้าที่เหม็นสาบ,เขาได้ทิ้งไป,พร้อมกับเปลี่ยนชุดใหม่.
หลังจากที่ซื้อชุดใหม่แล้ว,เขายังคงเหลือเงิน,เพียงพอจะซื้ออาหารกินสองสามวัน,เวลานี้เขาจะต้องหาเงินทันที,แม้ฟ้าจะถล่มดินจะทะลายเขาก็จะต้องหาเงินแล้ว.
แน่นอนว่า,นั่นคือขายรูปแบบสัตว์ร้าย!
แล้วจะขายอย่างไร,นี่ละคือปัญหา.
ด้วยอายุเท่าเขา,ความสูงเท่านี่,การนำรูปแบบสัตว์ร้ายไปหาคนซื้อ,แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องสงสัยว่าเป็นของปลอมหรือไม่,ถึงจะรู้ว่าเป็นของจริง,ทว่าจะต้องหาทางเอาเปรียบเขาอย่างแน่นอน,ถึงเขาจะไม่หวาดกลัวอีกฝ่าย,แต่ก็หวั่นเกรงปัญหาที่จะตามมา,อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะขายได้หรือไม่ หรือจะโดนเอาเปรียบอย่างไรก็ต้องขาย,เขาต้องการซื้อสิ่งของที่จำเป็นแล้วกลับไปยังดินแดนรกร้างอีกครั้งให้เร็วที่สุด.
“จำเป็นต้องหาคนที่เชื่อใจได้ช่วยซื้อ”ซูเห่าที่เหลือเงินเพียงสองเงิน,ครุ่นคิดไปมา.
คนแรกที่เขาคิดถึงคือล้านเหล่าหลิว,เหล่าหลิวเป็นคนที่ดีกับเขามาก,เป็นคนที่มีนิสัยใช้ได้,ทว่าคิดไปคิดมา,ซูเห่าก็ส่ายหน้าไปมา,ปฏิเสธความคิดดังกล่าวไป.
ต้องไม่ลืมว่า,เหล่าหลิวที่สามารถอ่านรูปแบบสัตว์ร้ายในสถาบันได้ตามใจประสงค์,และไม่ได้มีความสนใจในรูปแบบสัตว์แต่อย่างใด,อีกอย่างคือเขาก็ไม่มีคำอธิบายของที่มารูปแบบสัตว์ด้วย.
ซูเห่าที่ครุ่นคิดอยู่นาน,ไม่รู้ว่าจะหาใครที่เหมาะสม.
แม้นว่าความแข็งแกร่งส่วนบุคคลของเขาจะแข็งแกร่ง,ทว่าเขาก็ไม่มีความสัมพันธ์กับใคร,ไม่อาจหาช่องทางการขายได้เลย.
ซูเห่าที่ตัดสินใจเดินสำรวจไปทั่วเมืองก่อน,ลองตรวจสอบรูปแบบการขายของเมืองนี้,จากนั้นค่อยตัดสินใจที่จะขายอีกครั้ง.
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก,ตอนนี้หลังจากเดินสำรวจตรวจตรา,ทันใดนั้นเขาก็เริ่มเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนะธรรมเมืองเล็กแห่งนี้.
โครงสร้างเมืองหลิงหยุนนั้นค่อนข้างเรียบง่าย,องค์กรผู้ปกครองนั้นประกอบด้วยผู้บริหารและผู้พิทักษ์,ฝ่ายบริหารรับผิดชอบด้วยเจ้าเมือง,ส่วนฝ่ายผู้พิทักษ์ก็ควบคุมโดยผู้บัญชาการผู้พิทักษ์,รองจากฝ่ายปกครองก็เป็นสำนักยุทธ์หลิงหยุน,จากนั้นก็เป็นตระกูลใหญ่,ตระกูลจิน,ตระกูลโม่และตระกูลเซียว,สามตระกูลใหญ่,ยอดฝีมือตระกูลจินเพิ่งตายไปสองคน,หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถดถอยลงเป็นเพียงแค่ตระกูลเล็ก ๆ,ถัดมาจากนั้นก็เป็นกลุ่มทหารรับจ้างและยังมีหอการค้าต่าง ๆ ด้วย.
อย่างไรก็ตาม,องค์กรใต้ดินนั้นก็นับว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน,อย่างไรก็ตามซูเห่าไม่มีเวลาตรวจสอบและไม่สนใจ,เวลานี้เขากำลังตั้งเป้าหมายของเขาอยู่.
ความคิดของเขาเวลานี้,เป้าหมายที่เขาจะขายก็คือทหารรับจ้างหรือไม่ก็เป็นหอการค้า,สองเหตุผล,อย่างแรก,พวกเขามีเงินมากพอที่จะจ่าย,อย่างที่สองพวกเขามีความต้องการในรูปแบบสัตว์ร้าย.
อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องระมัดระวังอาจจะถูกอีกฝ่ายรีดไถได้.
ดังนั้นการจะเลือกกลุ่มทหารรับจ้างหรือหอการค้า,จำเป็นต้องพิจารณาให้ดี.
“องค์กรจะดีหรือไม่? จะต้องดูที่หัวหน้าผู้ปกครอง!”ซูเห่าที่ดูเหมือนจะมองเห็นแก่นของการพิจารณา,ดังนั้นจึงเริ่มเก็บข้อมูล.
กลุ่มทหารรับจ้างนั้นจะต้องลงทะเบียนกับเมืองหลิงหยุน,การจะหาข้อมูลของพวกเขาจึงไม่ยาก,ซูเห่าใช้เวลาสองวัน,ก็ได้รับข้อมูลครบถ้วนแล้ว.
กลุ่มทหารรับจ้างที่ออกไล่ล่าสังหารสัตว์ร้าย,เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดสองปีมานี้,มีหนึ่งกลุ่มก็คือกลุ่มของผู้บัญชาการเมิ่งซานเป็นคนที่ใจร้อน,แต่ก็มีหลักการ,รักษาสัญญา.
ส่วนหอการค้าที่เขาจับตาอยู่เป็นหอการค้าตระกูลเซียวที่เปิดทำการมาหลายร้อยปีแล้ว,เป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียง,และทำการด้วยความซื่อสัตย์มาโดยตลอด.
หอการค้าที่ทำการค้ากับกลุ่มทหารรับจ้างมากมาย,พวกเขารับซื้อและขายวัตถุดิบหลากหลาย,และหนึ่งในนั้นก็คือรูปแบบสัตว์.
ซูเห่าที่ครุ่นคิดอยู่นาน,ก่อนจะเลือกหอการค้าในที่สุด.