Chapter 63 Wilderness
荒野
ซูเห่าไม่ได้ล้อเล่น,ทว่าเอาจริง,เขาวางแผนที่จะจบก่อนเวลา,ในเมื่อเขาเพียงแค่ต้องการมาเรียนพื้นฐานเท่านั้น,ตอนนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว,ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีกหนึ่งปี,เขาไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับพวกเด็ก ๆ เหล่านี้แล้ว.
สิ่งสำคัญที่สุดของเขาเวลานี้คือศึกษารูปแบบสัตว์ร้าย,เขาจะต้องหาสถานที่เพื่อวิจัยรูปแบบสัตว์ที่เวลานี้เขามีข้อมูลอยู่น้อยเกินไป,ไม่พอให้เขาได้ศึกษาวิจัยเลยสักนิด.
หากต้องการรูปแบบสัตว์ร้ายจำนวนมาก,จำเป็นต้องมีเงินทุนจำนวนมาก,นอกจากนี้ถึงจะมีเงินทุนก็ใช่ว่าจะซื้อได้,รูปแบบสัตว์ร้ายเป็นของล้ำค่าแทบทุกเมือง,ไม่มีใครขายมันง่าย ๆ.
ดังนั้น,เขาวางแผนที่จะเดินทางไปยังดินแดนรกร้างด้วยตัวเอง,ล่าและสังหารสัตว์ร้าย,เพื่อเก็บเกี่ยวรูปแบบสัตว์ร้าย.
นี่คือสิ่งที่เขาได้วางแผนพิจารณาอย่างระเอียดแล้ว,ในพื้นที่รกร้างนั้นมีทรัพยากรให้วิจัยไม่มีสิ้นสุด,เขาต้องการอะไรสามารถหาได้ที่นั่น,สัตว์ร้ายมีมากมายทำไม ต้องมุ่งเป้าไปจับมนุษย์มาทดลองด้วย?
นอกจากนี้หากเขายังคงศึกษาวิจัยอยู่ที่นี่ ท้ายที่สุดอาจจะกลายเป็นศัตรูกับเมืองหลิงหยุนได้,ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มานั้น ได้ไม่คุ้มเสีย.
นอกจากนี้เขาเพิ่งสังหารจินต้าถงไป,ควรจะรักษาสถานะต่ำเอาไว้.
การยังคงอยู่ในเมืองหลิงหยุน,ถึงเขาจะรักษาสถานะต่ำเอาไว้,ก็ไม่รู้ว่าจะพบกับปัญหาหรือไม่? หากไปพบเข้ากับยอดฝีมือในสักวัน,สถานะของเขาอาจถูกเปิดเผยออกมา,ใครจะรู้ล่ะว่าจะมีคนทำเชื่อมโยงเรื่องที่เขาจัดการจินต้าถงด้วยหรือไม่?
ดังนั้น,ไม่เพียงแค่เป้าหมายที่ต้องการเก็บรูปแบบสัตว์ร้าย,เขายังหลบหนีความเสี่ยงด้วย,นี่จึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด.
แล้วไม่กังวลเรื่องสัตว์ร้ายที่ทรงพลังอย่างงั้นรึ?
เขามี“เรดาร์” สามารถมองเห็นสัตว์ร้ายที่ทรงพลังได้ก่อนเวลา,เขาสามารถหลบเลี่ยงเป้าหมายที่อันตรายและยังไล่ล่าสัตว์ร้ายที่เหมาะสมพอที่จะต่อสู้ได้ด้วย.
ดังนั้น,รูนอักขระ“สัมผัส” นี่คือทักษะเทวะที่เหมาะสมในการรักษาชีวิตเป็นอย่างมาก.
ซูเห่าไปพบเหล่าหลิวเอ่ยออกมาว่า“อาจารย์หลิว,ข้ามาวันนี้ต้องการขอจบการศึกษาก่อนเวลา.”
เหล่าหลิวที่เผยความประหลาดใจ“จบการศึกษาก่อนเวลา,ทำไมเจ้าต้องการจบการศึกษาก่อนเวลาล่ะ? แม้นว่าเจ้าจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นสูง,ทว่าก็อยู่เพียงปีสองเท่านั้น,ยังมีหลักสูตรการล่าสังหารสัตว์ร้าย,ที่จะช่วยเพิ่มทักษะการต่อสู้จริงของเจ้าอยู่.”
ซูเห่าไม่ต้องการบอกว่าเขานั้นได้เป็นปรมาจารย์แล้ว,ทว่าก็ไม่ต้องการหลอกเหล่าหลิว,ดังนั้นจึงเอ่ยออกมาว่า“หลักสูตรปีสองช่วยข้าได้น้อยนิด,ข้าไม่ต้องการเสียเวลา,เวลานี้ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องการทำ.”
เหล่าหลิวที่ยกมือขึ้นลูบศีรษะไปมา,เอ่ยด้วยท่าทางลังเล“ตกลง! ข้ายอมรับให้เจ้าจบการศึกษาก่อนเวลา,ทว่าเจ้าจงจำไว้,ว่าเจ้าคือนักเรียนของสถาบันยุทธ์หลิงหยุน,เก็บบัตรสถานะเอาไว้ด้วย.”
จากนั้นที่เอ่ยเพิ่ม“หากเจ้ามีปัญหาอะไร,สามารถมาพบข้าได้ตลอดเวลา,ข้าสามารถอธิบายบอกเจ้าได้ทุกอย่าง.”
ซูเห่าที่พยักหน้ารับเอ่ยออกมาว่า”ขอบคุณอาจารย์หลิว,ข้าต้องมาพบท่านแน่นอน.
เหล่าหลิวเอ่ย“สามปีหลังจากนี้,เจ้าสามารถกลับมาเข้าร่วมงานจบการศึกษาได้,เมื่อเจ้ากลับมา,ข้าจะเตรียมป้ายประจำตัวของเจ้าเอาไว้ให้.”
......
หลังจากซูเห่ากล่าวลาเหล่าหลิวแล้วก็มาพบกับเสี่ยวปังและเหอชิงชิง.
“เสี่ยวปัง,ข้าจะไม่อยู่สักพักหนึ่ง,ระหว่างนี้เจ้าต้องดูแลชิงชิงให้ดี,รู้ใหม?”ซูเห่าที่เอ่ยอย่างจริงจังบอกต่อเสี่ยวปัง.
เสี่ยวปังที่ยืดอกเอ่ยออกมาเสียงดัง“วางใจได้,เซี่ยงหวู่,ข้ารู้,ใครกล้ารังแกพวกเรา,เวลานั้นข้าจะใช้วิธีการสายฟ้าฟาดจัดการทันที,นอกจากนี้ข้ายังมีพี่น้องร่วมสาบานมากมาย,ในสถานบันแห่งนี้ใครกันที่ไม่กล้าเคารพข้า,เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนกล้ารังแกพวกเรา?”
ซูเห่าพยักหน้ารับ,เสี่ยวปังเองก็นับว่ามีพรสวรรค์,เพราะอิทธิพลของคนบินอู๋เซี่ยงหวู่,เวลานี้ทำให้ได้รับอานิสงค์มีอำนาจในสถาบันไม่น้อย.
เหอชิงชิงเอ่ยสอบถาม“เซี่ยงหวู่เจ้าจะไปใหนอย่างงั้นรึ?”
นางได้ยินว่าซูเห่าจะออกจากสถาบันชั่วคราว,ทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยในส่วนลึกหัวใจ.
ซูเห่าเอ่ย“เตร็ดเตร่ไปเรื่อย,ไม่มีเป้าหมาย.”
เหอชิงชิงทีเอ่ยถามเพิ่ม“เจ้าจะไปนานใหม?”
ซูเห่าที่ส่ายหน้าไปมา“นานเท่าไหร่ข้าไม่อาจบอกได้,ชิงชิงเจ้าวางใจได้,เสี่ยวปังจะปกป้องเจ้า.”
เสียวปังที่ทุบหน้าอกดังทันที.
ไม่ว่าอย่างไร,ทุกคนจะต้องเติบโต,แต่ละคนย่อมมีชีวิตเป็นของตัวเอง,เป็นไปไม่ได้ที่ซูเห่าจะปกป้องพวกเขาตลอดไป,ไม่ว่าใคร,ไม่ว่าจะโลกใหน,ทุกคนล้วนแต่มีเส้นทางของตัวเอง,ในวันหนึ่งทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันไปเป็นธรรมดา.
ซูเห่าถอนหายใจยาวไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยผู้นี้หรือเสี่ยวปัง,เขาก็หวังพวกเขาจะพบกับสิ่งดี ๆ ในอนาคต,ในวันข้างหน้าพวกเขาจะสามารถพบกับคู่หูที่แท้จริงได้.
หลังจากซูเห่าเก็บสิ่งของประจำวัน,เขาก็มุ่งหน้าสู่ตลาด,ซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น.
สิ่งสำคัญที่สุด,คืออุปกรณ์เจาะตัด,กรรไกร,คีม,แหนบ,ขวด,หลากหลายสิ่งที่ใช้ในการวิจัยทดลอง.
หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว,เขาก็เดินทางออกจากเมือง,ทิศทางที่เขามุ่งหน้าไปนั้น,เขาจะตรวจสอบเรดาร์อยู่เป็นระยะ ๆ,เคลื่อนที่อย่างระมัดระวัง.
ไม่ว่าเขาจะไปถึงที่ใหน,เขาจะให้เสี่ยวกวงบันทึกตำแหน่ง,ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะหลงทิศ.
ทุก ๆ หนึ่งกิโลเมตรซูเห่าจะทำการขยายการตรวจจับออกไป,หากพบปัญหาใด ๆ,เขาสามารถตอบสนองหลบได้ก่อนเวลา.
นอกจากนี้รัศมีเรดาร์หนึ่งกิโลเมตร,ผลาญจิงซีอยู่เหมือนกัน,ดังนั้นจึงไม่อาจเปิดได้ตลอดต้องเปิดเป็นระยะ ๆ.
เวลานี้เขายังอยู่ในขอบเขตเมืองหลิงหยุน,ซูเห่าที่พบผู้คนเป็นครั้งคราว,ทว่าเขาก็หลบเลี่ยงเป็นระยะ ๆ.
ซูเห่าที่เดินทางเป็นเวลาสองวัน,พบคนน้อยมาก,ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสัตว์ร้าย.
ในเวลาเดียวกันทันใดนั้นซูเห่าที่หยุดชงัก,ดวงตาที่จับจ้องมองไปยังพื้นที่ไกลออกไป,ที่มุมหนึ่งของเรดาร์พบกับจิงซีพิเศษ,พลังของมันที่ดูสับสนวุ่นวาย,แม้นว่าจะมีความหนาแน่นไม่สูง,เทียบได้กับจอมยุทธ์ขั้นสูงเท่านั้น.
“เป็นสัตว์ร้ายอย่างงั้นรึ?”ซูเห่าที่ดูสนใจเป็นอย่างมาก.
เขาเคลื่อนที่เข้าใกล้,จิงซีดังกล่าวซ่อนอยู่ด้านหลังต้นไม้.
เป็นแมลงตะขาบขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง.
มันมีความยาว 13 เมตร,ลำตัวหนามีกระดองสีแดงดำ,ส่องสว่างวับวาว,มีก้ามขนาดใหญ่เหมือนกรรไกลสองอันเวลากำลังจับหมูป่าขนดำ,หมูป่าคนดำที่ถูกคีบรัดจนไม่อาจขยับได้.
ซูเห่าเห็นแล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาเหมือนกัน.
สัตว์ร้ายเป้าหมายตัวแรกของเขาไม่คาดคิดว่าจะดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก,ทำให้เขาลังเลที่จะลงมือ.
หลังจากสังหารแล้ว,ก็ต้องวิเคราะห์หารูปแบบสัตว์ร้าย...
คิดแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก.
“ช่างมันเถอะ,การเริ่มต้นถือเป็นสิ่งสำคัญ,ไม่ควรจะเลือกวัตถุดิบ,ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหารูปแบบสัตว์ร้ายที่แตกต่างกันอยู่แล้ว.”ซูเห่าวางสัมภาระขนาดใหญ่ลง,ชักดาบยาว,ก่อนที่จะไปปรากฏขึ้นที่ด้านข้างตะขาบ,พร้อมกับยกดาบฟันหัวของมันลงไป.
หลังจากผ่าหัวของตะขาบมันก็กลิ้งไปมา,คีบก้ามของมันยังคงจับหมูป่าขนดำไม่ปล่อย.
ซูเห่าที่ได้ศึกษามาจากตำรา,แมลงตะขาบที่เติบโตนั้นจะมีระดับปรมาจารย์,ตะขาบตัวนี้จึงอยู่ในวัยหนุ่มเท่านั้น,อย่างไรก็ตามรูปแบบตะขาบนั้นในตำราไม่เอ่ยถึงเลย.
ไม่มีทางเลือกซูเห่าใช้อุปกรณ์ตัดผ่าน,ชำแหละเปิดท้องมันออกมา,ก่อนที่จะพบรูปแบบสัตว์ร้ายที่ซับซ้อนในที่สุด.
นี่มันรูปแบบสัตว์ร้ายอะไรกันนี่.
“อะไรว่ะ! นี่คืออะไร?”
นอกจากลวดลายอักขระ,ซูเห่ายังพบกับเส้นด้ายสีทองยาวดูเล็กบางกำลังดิ้นไปมา.
นี่คือปรสิต!
เขาเร่งรีบบันทึกรูปแบบดังกล่าวเก็บไว้ในพื้นที่พินบอลทันที,ก่อนจะเร่งรีบจากไป.
เป็นเรื่องที่เกินที่เขาจะรับได้.
นอกจากนี้กลิ่นนี้กลิ่นของตะขาบยังเหม็นเกินทน,รอบ ๆ ไม่มีตะขอบอีกจึงไม่อาจค้นหารูปแบบสัตว์ร้ายได้เพิ่มอีก,เขาจึงเลิกล้มและจากไป.
รูปแบบที่เขาเห็นนั้นเขารู้ว่าเป็นรูปแบบสัตว์ร้ายที่ยังไม่สมบูรณ์,โดยพื้นฐานแล้วไร้ประโยชน์,ยังไม่รู้คุณสมบัติ,ทำได้แค่บันทึกเอาไว้ทั่วไป,รอคอยสังหารตะขามตัวอื่นเพิ่ม,รูปแบบสัตว์ร้ายดังกล่าวก็จะค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์ขึ้น.
เขาเดินทางอีกห้าวัน,ซูเห่าได้เลือกสัตว์ร้ายระดับจอมยุทธ์,ทุกตัวล้วนแต่ถูกสังหารชำแหละและบันทึกรูปแบบสัตว์ร้าย.
สำหรับสัตว์ร้ายนั้น,อยู่คนละเผ่าพันธุ์กับซูเห่า,ไม่ว่าจะเป็นพวกมันหรือซูเห่าหากเจอกันก็ต้องต่อสู้สังหารให้ตายกันไปข้างหนึ่ง,ราวกับถูกกำหนดเอาไว้แล้ว.
ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าในอดีตมารดาของเขา,เพื่อปกป้องเขาจากการโจมตีของสัตว์ร้ายที่ป้อมปราการ,ก็ถูกสัตว์ร้ายสังหารไป,ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นมุมมองใหน,เขาก็จำเป็นต้องแก้แค้นทำลายสัตว์ร้ายเป็นธรรมดา.
ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในโลกนี้ก็คือสัตว์ร้าย,มีเพียงแค่สังหารทำลายสัตว์ร้ายเท่านั้น,ถึงจะทำให้เผ่ามนุษย์สามารถดำรงอยู่ในโลกนี้ได้,ไม่เช่นนั้นแล้ว,เมืองของเผ่าพันธ์มนุษย์ก็ต่องสุ่มเสี่ยงอันตรายที่จะถูกเหล่าสัตว์ร้ายทำลายในเวลาใหนก็ได้.
ซูเห่าที่เดินทางไปเรื่อย ๆ,เดินทางลึกเข้าไปในพื้นที่รกร้าง.
สัตว์ร้ายขอบเขตปรมาจารย์ที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว,ส่วนมากสัตว์ร้ายที่เห็นมักจะเป็นสัตว์ร้ายขอบเขตจอมยุทธ์,ด้วยความสามารถเรดาร์,ทำให้เขาสามารถลงมือและหลบเลี่ยงอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น.
ซูเห่าที่พบกับถ้ำแห่งหนึ่ง,เป็นสถานที่อยู่ของแมงมุมยักษ์,หลังจากสังหารมันไป,ก็ทำความสะอาดใช้เป็นถ้ำที่พักของตัวเอง.
“จากนี้,ที่นี่คือฐานที่มั่นของข้า,ข้าจะใช้มันเก็บเกี่ยวรูปแบบสัตว์จำนวนมากที่นี่.”