Chapter 62 To with wrong
对与错
จินต้าถงที่ก้าวไปด้านหน้า,พลังที่ท่วมท้นอาบล้นไปทั่วหมัด,ต่อยไปยังซูเห่า.
อย่างไรก็ตามเขาไม่คาดคิดแม้แต่น้อย,เท้าที่ก้าวเข้าไปด้านหน้าเพื่อต่อยนั้นกับจมลึกลงไป,ร่างกายเสียสมดุลสะดุดพุ่งไปด้านหน้าในทันที.
“อะไรนะ?!”จินต้าถงที่ตื่นตะลึง,เข้าใจทันทีว่าตัวเองถูกวางกับดัก,เวลานั้นรู้สึกขนลุกตั้งชูชันหนังหัวชาหนึบ.
ซูเห่าที่วิ่งหนีมาก่อนหน้านี้,ไม่ได้เพียงแค่วิ่ง,เขาที่พบพื้นที่ต่างระดับ,และใช้จิงซีอาบบนเท้าและสร้างหลุมลงบนพื้นเอาไว้,เวลากลางคืนเช่นนี้หากไม่ระมัดระวัง,ย่อมไม่อาจมองเห็นได้ เขารอคอยเวลานี้มานานแล้ว.
หลุมเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก,ทำเพียงแค่ให้จินต้าถงเสียสมดุลช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น.
ทว่าการเสียสมดุลเพียงเล็กน้อยก็เปิดโอกาสให้เขาสามารถเคลื่อนไหวได้.
“เท้าเคลื่อนเงา!”
เขาที่อ้อมไปด้านซ้ายแขนที่ห้อยของจินต้าถง,ดาบฟาดฟันออกมา,เล็งไปยังศีรษะของเขา.
จินต้าถงที่เผยยิ้มพลาย,เขาที่เร่งความเร็วขึ้น,รักษาสมดุล,แขนที่ห้อยอยู่,จู่ ๆ กับยกขึ้นมาได้อย่างคาดไม่ถึง,ป้องกันคมดาบเอาไว้.
“หึ!”
เขาที่ตะโกนดัง,หมัดขวาที่ต่อยไปยังซูเห่าทันที.
“หักกระดูก!”
ในความเห็นของเขา,หมัดดังกล่าวนี้,สังหารซูเห่าได้อย่างแน่นอน.
“ฟิ้ว!”แขนซ้ายของเขาที่ขาดลอยกระเด็น.
“ปัง!”ซูเห่าที่ต่อยหน้าอกอย่างรุนแรง.
เหมือนเช่นเดิมแขนหนึ่งข้างแลกกับการต่อยหนึ่งหมัด.
อย่างไรก็ตามครั้งนี้ซูเห่าไม่ได้กระเด็นออกไป,เขาที่ยั้งเท้าบนพื้น,มั่นคงดังภูเขาไท่ซาน,ดาบของเขาที่ตั้งมั่นตะวัดฟันซ้ำออกไป.
“พรึด!”
ศีรษะของจินต้าถงลอยกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า.
“ม่านพลัง!!!”
จินต้าถงที่ที่เอ่ยแต่ไร้เสียง,คอของเขาที่ถูกฟันขาดไม่อาจแม้แต่โอดครวญ.
จวบจนศีรษะร่วงหล่นลงบนพื้น,ดวงตาของเขาที่เบิกกว้าง,เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงใช้ม่านพลังได้สองครั้ง.
นี่คือการวาดสลักอักขระรูนไม่ใช่รึ? เป็นไปไม่ได้,ใครที่ทำเช่นนี้ได้กัน? นักสลักรูนที่น่าเกรงขามยังไม่อาจทำได้เลย,ทำไมกัน?
ความคิดสุดท้ายของจินต้าถง,ที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ“มารดา....”
......
หลังจากเก็บกวาดหลักฐานทั้งหมดแล้ว,เขาก็เก็บดาบสพายหลัง.
ซูเห่าใช้เรดาร์แสกนพื้นที่รอบ ๆ อีกครั้ง,ก่อนจะกลับหอสถาบัน.
ซูเห่านอนอยู่บนเตียง,จ้องมองเพดาน.
เขาได้รับพลังที่แข็งแกร่ง,แม้แต่สามารถเอาชนะอันดับสองของสถาบันยุทธ์หลิงหยุน,จินต้าถงแล้ว,ทั่วทั้งเมืองหลิงหยุน,เขามีพลังในระดับบน ๆ ของเมือง.
อย่างไรก็ตาม,ความแข็งแกร่งที่ได้มา,กับใช้เพื่อสังหาร,จินต้าถงเท่านั้นเองรึ?
ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นมาว่า,เขาทำถูกต้องหรือไม่?
เขาคิดว่าหัวใจของเขาเข้มแข็งหนักแน่นเป็นอย่างมาก,แต่เวลานี้กับรู้สึกลังเลสับสนขึ้นมาเช่นกัน.
เขาคิดว่าชีวิตของมนุษย์นั้นไม่ได้สำคัญอะไรนัก,เพราะเวลาสั้น ๆ สิบปีของเขาเวลานี้เทียบกับชีวิตในชาติก่อน ๆที่เขาเดินทางไปในอวกาศที่กว้างใหญ่,ทุกสิ่งที่เขาได้พบ,ทั้งหมดทั้งมวล,ท้ายที่สุดมันก็ต้องสูญสลายหายไปในอากาศไปอยู่ดี.
เขาคิดว่าโลกแต่ละใบที่พานพบ,แต่ละแห่งนั้นมีวิวัฒนาการที่แตกต่างกันออกไป,บางแห่งเป็นโลกปุถุชนทั่วไป,บางแห่งก็เป็นโลกเทคโนโลยี,บางแห่งก็เป็นโลกของปราณโลหิตและรูนอักขระ...บางทีตัวตนของเขา,ยังต้องได้พบกับโลกที่ต่างออกไปอีกนับไม่ถ้วนตราบเท่าที่เขายังคงอยู่ในจักรวาลแห่งนี้.
ซูเห่าที่คิดว่าตัวเองนั้นเล็กจ้อยน้อยนิด,ไม่สำคัญว่าเขาจะตกตายเวลาใหน,เขานั้นเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปที่โชคดีที่สามารถเดินทางท่องไปในอวกาศได้เท่านั้น.
ซูเห่าเวลานี้ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน.
เขาถามตัวเองซ้ำ ๆ“ถูกต้อง? ผิด?”
ผ่านไปนานเหมือนกันเขาที่ยื่นมือขึ้นไปบนท้องฟ้า.
ใบหน้าที่คลี่ยิ้มออกมา“ถูกผิดมีที่ใหนกัน? ไม่ว่าจะเป็นใครล้วนแต่ไล่ตามสิ่งที่พวกเขาต้องการเท่านั้น!”
เมื่อทุกคนมีความปรารถนา,พวกเขาก็จะดำเนินการเพื่อไล่ล่าสิ่งที่เขาต้องการ,เพียงแค่ความต้องการบางอย่างก็ต้องจ่ายราคา,ไม่ว่าจะเป็นเงิน,ความรู้สึก,กระทั่งชีวิตของพวกเขาเอง.
ทุกเส้นทางที่ทุกสรรพชีวิตเลือก,ล้วนแต่มีราคาที่ต้องจ่ายอย่างงั้นรึ?
ใช่แล้ว,เรื่องบางอย่างที่ไม่อาจจ่ายราคาไหว,ก็อย่าทำมัน,ความต้องการบางอย่างที่จะนำมาซึ่งการทำลายตัวเอง,หากยังคงไล่ตามอยู่,ก็จงเตรียมใจที่อาจจะต้องสังเวยตัวเองในสักวัน.
ไม่ใช่ว่าทุกสรรพสิ่งเป็นเช่นนี้หรอกรึ?
ความโชคดีของซูเห่า,กับชีวิตธรรมดา,ที่มีอายุแสนสั้น.
เขาไม่รู้ว่าวันใหนเขาจะหลับตาลงแล้วไม่อาจตื่นขึ้นมาอีกครั้ง,ไม่มีใครรู้อนาคต,ดังนั้นจึงไม่ควรเดิมพันกับสิ่งที่ไม่อาจรู้.
จงหวงแหนรักษาวันเวลาที่มีอยู่ดั่งสมบัติล้ำค่า!
ทุกครั้งที่ซูเห่าลืมตาขึ้น,ก็บอกกับตัวเองเสมอว่าจงทำทุกอย่างเพื่อสำรวจสิ่งที่ยังไม่รู้,สำรวจความลับของจักรวาล! ยังมีความลับมากมายที่เขายังไม่รู้.
ทุกความสับสน,ทุกสิ่งสงสัย,เกิดจากเขายังมีความรู้ไม่พอ,ยังไม่อาจก้าวไปยืนอยู่บนจุดสูงสุด.
ซูเห่าเอ่ยพึมพำ“สิ่งที่รู้สึกถูกต้อง,ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้อง,สิ่งที่คิดว่าไม่อาจเป็นไปได้,ไม่หมายความว่าเป็นไปไม่ได้,ความรู้สึกผิดปรกติ,ไม่จำเป็นต้องผิดปรกติเสมอไป...”
ซูเห่าที่พ่นลมหายใจยาว,ก่อนจะลึกขึ้นไปนั่งบนหลังคาหอ,นอนอยู่บนนั้น,จ้องมองดวงดาราบนท้องฟ้า.
ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยดวงดารา,อยู่ห่างไกลออกไป.
......
สำนักงานใหญ่ผู้พิทักษ์เมืองหลิงหยุน.
ศพของจินต้าถงและจินต้าโม่วางอยู่ในห้องแห่งหนึ่ง,จินต้าเหยี่ยนและจินเสี่ยวหานดวงตาอาบไปด้วยน้ำตานั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ,ดวงตาแดงกล่ำ,น้ำตาแห้งเกราะกรังไม่ได้เช็ดบนแก้ม.
รอบ ๆ มีตัวตนระดับสูงของเมืองหลิงหยุนมารวมตัวกัน.
คณบดีสถาบันหลิงหยุน,ยอดฝีมือขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์,เซียวจีที่ยืนอยู่ในห้องนี้ด้วย.
ผู้บัญชาการผู้พิทักษ์เมืองหลิงหยุน,หัวหงอี้,บรรพจารย์ยุทธอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ.
และเจ้าเมืองหลิงหยุน,บรรพจารย์ยุทธ์,หลูลู่.
สามยอดฝีมือทั้งสามได้มารวมตัวกัน.
“ได้อะไรมาบ้าง?”เจ้าเมืองหลิงหยุน,หลูลู่จ้องมองชายวัยกลางคน,สวมชุดที่หรูหรา,ไว้หนวดเครายาว,ทว่าหวีจัดทรงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย.
ชายคนดังกล่าวเอ่ยรายงาน”มีเพียงพยานรู้เห็น,บอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนตัวเล็กสูงหนึ่งเมตรห้าสิบ,อย่างไรก็ตามหลังจากค้นทั่วทั้งเมืองหลิงหยุนทั้งหมด,ข้าก็ไม่อาจพบนักรบระดับปรมาจารย์ที่เข้าเค้ากับเป้าหมายเลย,เวลานี้คงทำได้แค่ส่งคนไปยังเมืองอื่นเพื่อสอบสวน,คาดว่าจะได้รับผลตอบกลับมาในห้าวัน.
ก่อนหน้านี้,ได้ใช้วิธีตรวจสอบกลิ่นอาย,ทว่าศพได้ตายไปนานแล้ว,กลิ่นอายจึงได้หายไป,ไม่อาจค้นหาร่องรอยอะไรได้เลย,พบเพียงแค่เส้นผมและคราบโลหิตที่เป็นของจินต้าถงเท่านั้น.”
หลูลู่ที่ส่ายหน้าไปมาหันหน้ามาสอบถามผู้บัญชาการผู้พิทักษ์และคณบดีเซียวจี“พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร.”
เซียวจีส่ายหน้าไปมา.
หัวหงอีเองก็เช่นกัน,ใบหน้าบุรุษผู้นี้ดูหล่อเหลาเหมือนกับผู้เยาว์,ทว่าความจริงแล้วเขามีอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว,นอกจากนี้ยังสวมชุดเหมือนกับผู้เยาว์วัยยี่สิบอยู่เป็นประจำ.
หัวหงอีเอ่ยออกมา“ไม่น่าจะใช้นักรบของเมืองหลิงยุน,ข้าไม่ได้พูดเกินจริงหรอกนะ,ในเมืองหลิงหยุน,ยกเว้นพวกเราสามคน,ไม่มีใครเป็นคู่มือของจินต้าถง,คนที่สามารถกุดหัวเขาได้.....”
กล่าวถึงตรงนี้เขาก็ส่ายหน้าไปมา“ควรจะเป็นปรมาจาย์ขั้นสูงสุด,และอาจจะมาจากเมืองข้าง ๆ ก็เป็นได้.”
หลูลู่เอ่ยออกมาเล็กน้อย“เช่นนั้นก็รอก่อน! ให้ทีมผู้พิทักษ์ประกาศกฎอัยการศึก,ประกาศรางวัลสำหรับคนที่ให้ข้อมูลฆาตกร,ส่วนเรื่องผีฆาตกร,ประกาศออกไปว่าผีฆาตกรนั้นได้รับการลงโทษเรียบร้อยแล้ว.”
จากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาเซียวจีและหัวหงอี,“รบกวนทั้งสอง,หนึ่งเดือนจากนี้โปรดประจำอยู่ในเมืองด้วย.”
ทั้งสองที่พยักหน้ารับ,และยกมือประสานหน้าอก.
......
หลังจากเรื่องดังกล่าวได้เกิดขึ้น,ซูเห่าก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะขายรูปแบบสัตว์ร้ายเป็นเงิน,การนำมันออกมาขาย,อาจจะถูกสืบสวนมาถึงโดยง่าย.
ในกระเป๋ามีเงินเพียง 1 ทอง 68 เงิน,ซูเห่าที่แผ่รัศมีความจนออกมา.
สำหรับการหาเงินเวลานี้,ขอเพียงยังมีกินอยู่,ก็คงทำได้แค่ชะลอไปก่อน.
สามวันหลังจากนั้น,สถาบันยุทธ์ก็เปิดอีกครั้ง,ซูเห่าได้พบกับเสี่ยวปังและเหอชิงชิงอีกครั้ง.
ทั้งสองที่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก,ทว่าเวลานี้อีกฝ่ายจ้องมองเขา ดวงตาเป็นประกายราวกับหลอดไฟ.
เหอชิงชิงเอ่ยออกมาทันที“เซี่ยงหวู่,ข้าคิดว่าเจ้าเปลี่ยนไป!”
ซูเห่าที่จ้องมองด้วยความสงสัย“เปลี่ยนอย่างงั้นรึ? ไม่เปลี่ยนสักหน่อย,ข้าโตขึ้นรึ?”
เสี่ยวปังที่พยักหน้ารับเช่นกัน“ชิงชิงพูดถูก,ข้ารู้สึกว่าเจ้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย.”
เหอชิงชิงพยักหน้าเอ่ยออกมาว่า“ใช่,มันยากจะอธิบายออกมาได้,เหมือนกับว่าเจ้าเพิ่งอาบน้ำมา? ดูสะอาดขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า?”
กล่าวจบ,เหอชิงชิงก็ส่ายหน้าไปมา“ข้าเองก็บอกไม่ถูก.”
ซูเห่าเห่าเผยยิ้ม“ก็คงใช่! เมื่อคืนข้าเพิ่งอาบน้ำ! ไปเถอะ,ไปรายงานตัวกัน!”
หลังจากนั้น,ซูเห่าที่เอ่ยเสียงหลง“อะไรนะ? ค่าเรียนแพงขนาดนั้นเลยรึ? หนึ่งทองเลยรึ? เลิก ๆ,ข้าไม่เรียนแล้ว.”