Chapter 59 rune/symbol writing draws up
符文绘制
ตำราที่ดึงออกมาจากกองไฟไหม้ไปหลายส่วน,ทว่าข้อมูลด้านในยังเหลืออยู่,นับว่าเป็นองค์ความรู้ที่ล้ำค่า.
ทว่าส่วนมากแล้วจะเป็นส่วนของความรู้ต้องห้าม.
อะไรที่เรียกว่าความรู้ต้องห้าม?
นั่นก็คือการทดลองมนุษย์,การละเมิดจริยธรรมของมนุษย์ทั่วไป.
ตำราดังกล่าวได้อธิบายบรรยายเกี่ยวกับความเข้าใจปราณโลหิตบนอนาโตมีของมนุษย์.
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอธิบายอักขระรูน“สกัด”,ที่สามารถสกัดแก่นจิงซีออกมาจากร่างสิ่งมีชีวิต,กลั่นออกมาแล้วตกผลึก,ซึ่งผลึกดังกล่าวสามารถช่วยทะลวงคอขวดของผู้ฝึกยุทธ์ได้อีกด้วย.
แน่นอนว่า,เหตุที่เป็นความรู้ต้องห้าม,เพราะว่าเมื่อสิ่งมีชีวิตถูกสกัดจิงซีออกมาแล้ว,ก็จะสูญสิ้นพลังชีวิตและตายไป.
ซูเห่าที่คาดเดาได้ว่าผีฆาตกรนั้นได้จับตัวคนจำนวนมากในเมืองมา,ก็เพื่อมาสกัดผลึกจิงซี,จากนั้นก็ยังใช้ศพควบคุมเป็นหุ่นเชิดเพื่อจับตัวคนอื่น ๆ เพิ่ม,ถือว่าเป็นการยิงหินก้อนเดียวได้นกสองตัว.
สำหรับซูเห่า,ไม่ว่าจะเป็นความรู้ต้องห้ามหรือไม่? ทว่าก็ทำให้เขารู้สึกสนุกกับความรู้ใหม่เป็นอย่างมาก.
ในเมื่อมีคนถูกสังเวยจนสร้างความรู้ดังกล่าวขึ้นมาแล้ว,ก็ไม่อาจปล่อยให้สูญเปล่า,อย่างไรก็ตามสำหรับซูเห่าแล้วการทดลองกับมนุษย์มีชีวิต,เขาจะไม่ทำ,แต่อาจเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายต่าง ๆ ได้.
สำหรับเหล่าสัตว์ร้าย,เขาย่อมไม่ผ่อนปรน,ถึงกระต่ายจะน่ารักเพียงใด,แต่เมื่อนำไปย่างโรยเกลือแล้ว,ก็หอมกรุนอร่อยเหาะเช่นกัน.
แปดวันหลังจากนั้น,ซูเห่าที่อ่านตำราทั้งหมด,รู้สึกพึงพอใจความความรู้ที่ได้รับมาเป็นอย่างมาก
จากนั้น,ซูเห่าก็วางแผนที่จะเรียนวาดสลักรูน.
เขาได้นำศิลาสีดำและขวดของเหลวสองขวดที่เป็นสินสงครามออกมา.
ศิลาสีดำนี้เรียกว่าศิลาผงทมิฬ,ส่วนของเหลวสองขวดเรียกว่าไขมันเตียวเหอ,เมื่อบดผงจากศิลาผงทมิฬผสมกับไขมันเตียวเหอ,ก็จะได้รับ“น้ำยาสลักรูน”,เพื่อใช้วาดสลักอักขระรูนได้.
น้ำยาสลักรูนนั้นมีความสามารถในการดูดซับเก็บจิงซีได้,ไม่ให้จิงซีระเหิดหายไปโดยง่าย,ทำให้อักขระรูนที่วาดลงไปนั้นทำงานได้เป็นปรกติ.
อย่างไรก็ตามศิลาผงทมิฬและไข่มันเตียวเหอนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะหาซื้อได้ง่าย ๆ,ซูเห่าได้ตะเวนไปทั่วเมืองหลิงหยุนอยู่นาน,ทว่าคนมากมายที่ไม่เคยได้ยินชื่อทั้งสองเลย,ดูเหมือนว่าจะเป็นของล้ำค่ามาก.
ซูเห่าขูดศิลาทมิฬ,จากนั้นก็ผสมกับไขมันเตียวเหอ,หลังจากผสมกันคนจนได้ที่แล้ว,คาดไม่ถึงผงสีดำจะใสขึ้นมาจนไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและยังมีกลิ่นหอมโชยออกมา.
นี่คือของเหลวสลักรูนอย่างงั้นรึ?
หลังจากซูเห่าตรวจสอบอย่างระเอียดก็สั่งเสี่ยวกวง“เพิ่มงาน,สร้างผังนำทางบนฝ่ามืออักขระสว่างจ้า.”
วัตถุดิบที่ได้มาจากผีฆาตกร,มีสี่รูปแบบสัตว์ร้าย,หากแต่มีเพียงอักขระสว่างจ้า,ม่านพลังและสกัด เป็นรูนอย่างง่าย,สามารถวาดออกมาได้โดยตรง,ทว่าอักขระ“ควบคุม” จะต้องสลักลงบนร่างของคนอื่น.
ด้วยสัมผัสของเขา,มองไปบนจุดแสงนำทางขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ.
เขาหยิบปากกาขนนกจุ่มลงน้ำยาสลักรูนพร้อมกับวาดมันไปตามเส้นแสงนำทาง.
ดูเหมือนจะง่ายดาย,อย่างไรก็ตามแท้จริงแล้วกับไม่ง่ายเลย,ไม่ใช่แค่การวาดสลักลงไปอย่างแม่นยำ,ทว่ายังต้องควบคุมจิงซีของตัวเองให้วาดสลักลงไปอย่างสม่ำเสมอคล้ายกับเมื่อครั้งสลักลงไปในร่างกายเมื่อครั้งสลักรูปแบบสัตว์ร้ายเพื่อยกระดับจากจอมยุทธ์เป็นปรมาจารย์.
ต้องการให้วาดสลักสำเร็จ,เป็นเรื่องยากไม่ธรรมดา.
ไม่ต้องบอกเลยว่านักสลักรูนนั้นมีอยู่น้อยมาก,เพราะมันไม่ง่ายเหมือนกับการใช้ปากกาวาดรูป,โดยเฉพาะการควบคุมจิงซีให้เสถียร,คนที่ทำสำเร็จกล่าวได้ว่าต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง.
ซูเห่ายอมรับว่าตัวเองนั้นมีพรสวรรค์ไม่สูง,แต่ที่เขาทำสำเร็จได้นั้น เพราะการช่วยเหลือของเสี่ยวกวง,ไม่เช่นนั้นแล้ว,การวาดสลักของเขาคงล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว.
หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเสี่ยวกวง,หากไม่มีระบบประมวลผลข้อมูลของระบบ,กล่าวได้เลยว่าเขาไม่อาจเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ราบรื่นเช่นนี้,แม้แต่อาจจะไม่ผ่านอันตรายในวัยเด็กมาได้ด้วยซ้ำ.
กล่าวตามจริง กว่าจะมาถึงจุด ๆ นี้ได้ กว่าจะสัมผัสได้ถึงความปลอดภัย,ซูเห่าก็ต้องผ่านการตายและเกิดมามากมายนับไม่ถ้วน,คิดย้อนกลับไป,มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่จะมาถึงตรงนี้.
เพียงไม่นาน,ซูเห่าก็สำเร็จการวาดสลักรูน“สว่างจ้า”ลงบนฝ่ามือ.
อย่างไรก็ตามอักขระรูนนี้ยังไม่สมบูรณ์,มันยังเหลือจุดปลายของมันที่ขาดเส้นเชื่อมเล็ก ๆ.
เส้นเชื่อมเล็ก ๆ ที่เว้นว่างไว้นี้,ก็เหมือนปุ่มเปิด,หากต้องการใช้งานก็เพียงแค่กระตุ้นปล่อยจิงซีลงไป,อักษรรูนดังกล่าวก็จะทำงาน.
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง,นักสลักรูนจะต้องเตรียมจิงซีและผังการทำงานเอาไว้ล่วงหน้า,วาดสลักอักขระเป็นกึ่งสำเร็จรูป,เตรียมไว้ใช้,เมื่อต้องการใช้ก็แค่กระตุ้นลงไปยังจุดเชื่อมที่ต้องการก็เปิดใช้งานพลังของอักขระรูนดังกล่าวได้แล้ว.
“สะดวกดี.”ซูเห่าที่จ้องมองฝ่ามือพลางพยักหน้ารับ.
จากนั้นเขาก็ควบคุมจิงซีเลื่อนไปยังจุดเชื่อม,เมื่อจิงซีเชื่อมต่อกับลวดลายทั้งหมด,รูนกลับมาสมบูรณ์,พลังงานก็เกิดการโคจร,ปะทุแสงออกมาทันที.
แสงดังกล่าวเหมือนกับแฟลชกล้องถ่ายรูป.
ซูเห่าได้ทำการวิเคราะห์รูนอักขระดังกล่าวรู้สึกว่าสะดวกในการใช้งานเป็นอย่างมาก.
พลังดังกล่าวนี้,ไม่ว่าใครก็สามารถควบคุมได้.
อย่างไรก็ตาม ข้อบกพร่องก็เห็นชัดเจน,เรื่องแรก,มันมีความยากมากในการวาดสลักรูน,ผุ้ฝึกยุทธ์ทั่วไปยากจะทำสำเร็จ; ข้อถัดไปลวดลายอักขระรูนนั้นจะต้องคงสภาพจิงซีเอาไว้ตลอดเวลา,ซึ่งเมื่อสลักวาดลงไปแล้วต้องใช้ภายในสามวัน,ผ่านสามวันไป,อักขระรูนก็จะสูญเสียความสามารถไป; นอกจากนี้รูนที่เหมือนกัน,วาดสลักได้เพียงอักขระตัวเดียว,ไม่เช่นนั้นจะเกิดความขัดแย้งกันเองจนรูนพังทลายลง ; -hvสุดท้าย,ประสิทธิภาพต่อราคาที่จ่ายไปนั้นไม่คุ้มค่าเลย,ยังต้องศึกษาอีกมาก,หรือจะบอกว่าต้นทุนในการวาดสลักรูนสูงแต่ประสิทธิภาพที่ได้นั้นกับต่ำจนน่าใจหาย.
ดังนั้น,รูนที่มีในตอนนี้นับว่าไม่ค่อยเหมาะนำมาใช้เป็นอย่างมาก.
ยกเว้น...
ซูเห่าที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้.
รูนสกัด,ที่ช่วยให้ผู้ฝึกยุทธ์ทะลวงขอขวดได้!
“ไม่ใช่สิ! ในหอตำราสถาบันไม่มีลายอักขระ”สกัด“เลย,ตอนนี้หากเผยออกมา,จะต้องผิดปรกติแน่,ข้าไม่อาจเผยเรื่องรูน”สกัด”ให้กับคนอื่นรู้ได้.
หัวใจของซูเห่าที่เต้นไปมา,ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะไม่เผยรูปแบบ“สกัด”ให้ใครรู้.
ด้วยการสังเวยสัตว์ร้ายหรือมนุษย์,สกัดจิงซีออกมาเป็นผลึก,สามารถช่วยทะลวงคอขวดจิงซีได้ถือว่ามีประโยชน์มาก.
ไม่แปลกใจเลยว่านักสลักรูนที่เป็นกลุ่มคนต้องห้ามแต่ก็ยังมีคนก้าวไปบนเส้นทางดังกล่าว,เพราะพวกเขามีความสามารถใช้อักขระรูน“สกัด” เพื่อปรับปรุงความสามารถของผู้ฝึกยุทธ์ได้นั่นเอง
ซูเห่าบอกได้อย่างหนึ่ง,ในโลกใบนี้,การวาดสลักรูนนั้นมีประโยชน์แต่เป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น,ต้องการใช้การวาดสลักรูนให้กลายเป็นการต่อสู้หลักนั้น,เป็นเรื่องยาก.
เขาที่สีคางไปมา,พร้อมกับวิเคราะห์อย่างจริงจัง.
“หากเปลี่ยนทิศทางของโลก,หากข้าทำให้คนในโลกใบนี้กระทำเรื่องที่ยากลำบากกลายเป็นเรื่องที่ง่าย,ทำให้รูนอักขระที่คนไม่ค่อยสนใจ,สามารถวาดสลักรูนเพิ่มความแข็งแกร่งและใช้ต่อสู้ได้ล่ะ”
ทำไมคนไม่ค่อยนิยมมาใช้ต่อสู้.
เพราะมันไม่อาจเก็บไว้ได้นานไงล่ะ,หากวาดสลักรูนขึ้นมาแล้ว,ก็ทำได้แค่ต้องใช้ออกมาในเวลาไม่นาน,ซึ่งไม่เหมาะกับการต่อสู้ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นมาในเวลาใหน.
แล้วหากซูเห่าสามารถต่อสู้พร้อมกับวาดรูนอักขระออมาได้ด้วยล่ะ?
ไม่จำเป็นต้องเตรียมของเหลวสลักรูน,หากต้องการใช้เพียงแค่กระตุ้นวาดอักขระด้วยจิงซีเปิดใช้งานตอนนั้นเลย.
ทั้งต่อสู้และวาดสลักรูนยากหรือไม่? สำหรับคนอื่นเป็นเรื่องยาก,ทว่าสำหรับซูเห่านั้นไม่ยากเลย.
เขาไม่จำเป็นต้องครุ่นคิด,เพียงแค่เคลื่อนจิงซีไปตามคำแนะนำของเสี่ยวกวงก็พอแล้ว.
แน่นอนเพื่อเพิ่มความเร็วในการวาดสลักรูนขณะต่อสู้,จำเป็นต้องมีการฝึกฝนด้วย.
ดวงตาของซูเห่าที่เป็นประกายขึ้นมาทันที.
“ต้องลองฝึกฝนดู.
สองวันหลังจากนั้น.
“สำเร็จ!”ซูเห่าไม่จำเป็นต้องใช้ของเหลวสลักรูน,ก็สามารถวาดสลักรูน“สว่างจ้า” เปิดการใช้งานปล่อยแสงสว่างขึ้นมาได้ในทันที.
“ใช้เวลาสิบวินาที! อย่างไรก็ตามหากฝึกต่อไป,จะต้องเพิ่มความเร็วได้มากกว่านี้แน่.”ซูเห่าที่ทุบกำปั้นบนมือเบา ๆ.
ความคิดของเขา,มีความเป็นไปได้สูง.
......
วันนี้เขาได้วางแผนเข้าเมืองมาเพื่อหาวัตถุดิบ.
หลังจากเข้ามาในเมือง,ก็ได้ยินข่าวที่ทำให้เขาต้องตกใจ.
ผีฆาตกรปรากฏตัวอีกแล้ว,ทว่าเวลานี้ถึงกับจับคนวันละสิบคนเลยรึ?
ครั้งแรกที่ได้ยินทำให้ซูเห่าตกใจอุทานว่า เป็นไปไม่ได้,ผีฆาตกรนั้นเกือบที่จะถูกเขาสับเป็นสองท่อน,เป็นตายเท่ากัน,หากโชคดีรอด,ก็ควรจะต้องใช้เวลานานในการรักษา,เวลานี้กับปรากฏขึ้นมาแล้วอย่างงั้นรึ?
เป็นไปได้ว่าผีฆาตกรนั่น,เป็นอีกคนหรือไม่?
มีความเป็นไปได้มาก.
เขาที่ค่อนข้างมั่นใจ,จากนั้นก็ไม่สนใจอีกต่อไป,ยังคงเตร็ดเตร่ไปทั่วถนนหลักซอกตอกซอย,เพื่อหาวัสดุอุปกรณ์ที่เขาต้องการ.
ส่วนผีฆาตกร,หากว่าเขาพบมันอีกครั้ง,ครั้งนี้จะต้องกุดหัวมันให้ได้อย่างแน่นอน.