Chapter 49 Rival in chess
棋逢对手
ในเมื่อรับปากเสี่ยวปังและเหอชิงชิงไว้แล้วว่าจะไปชมการแข่งขันของพวกเรา,ซูเห่าย่อมไม่กลับคำพูดแต่อย่างใด.
เช้าวันถัดมา,ซูเห่าก็ไปยังสนามประลอง.
ในเวลานี้ลานประลองยุทธ์เต็มไปด้วยผู้คน,ไม่เคยคึกคักขนาดนี้มาก่อนเลย.
ในเวลานี้นักเรียนประมาน 1200 คนที่อยู่ในสถาบัน,ได้มารวมกันที่นี่,การแข่งขันดังกล่าวนี้ไม่ได้แบ่งแย่งชั้นเรียนแต่อย่างใด,ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้.
การแข่งขันจะดำเนินไปสองวัน,วันแรกเป็นรอบคัดเลือก,แบ่งออกเป็น 12 กลุ่ม รวม 1200 คน,ผู้ชายมี 9 กลุ่ม,ผู้หญิงมี 3 กลุ่ม,แต่ละกลุ่มมี 100 คน,แต่ละกลุ่มคัดผู้ชนะกลุ่มละ 7 คน,เข้าสู่รอบต่อไป,เพื่อเข้าชิงชนะเลิศในวันพรุ่งนี้,แต่ละกลุ่มนั้นจะมีอาจารย์สองคนเป็นกรรมการ,และมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนรักษาความปลอดภัย.
การประลองประจำปี,ไม่เพียงแค่เป็นการทดสอบความแข็งแกร่งของนักเรียน,ทว่ายังทดสอบความอดทนของนักเรียนด้วย,เพราะว่าการต่อสู้ตั้งแต่รอบแรกไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ,จะต้องต่อสู้กันถึงสิบรอบ.
นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำสำเร็จ.
อย่างไรก็ตาม,เรื่องดังกล่าวนี้ไม่มีอะไรให้พูดถึงสำหรับซูเห่า,เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย,สำหรับเขา,การประลองของนักเรียน,เป็นเพียงเกมการเล่นของเด็ก ๆ เท่านั้น.
เมื่อเสร็จากการชมการแข่งขันของเสี่ยวปังและเหอชิงชิงเสร็จ,เขาก็จะกลับหอ,ทำการศึกษาจิงซีต่อไป.
เขามองผ่านเรดาร์,สามารถหาเสี่ยวปังและชิงชิงในฝูงชนได้ในทันที,เวลานี้พวกเขายังไม่ได้ขึ้นเวที,ซูเห่าไม่ได้ก้าวเข้าไปทักพวกเขาทันที,เวลานี้เขากำลังเดินไปรอบ ๆ.
แน่นอนว่า,การเดินไปรอบ ๆ ก็เพื่อบันทึกข้อมูลปราณโลหิตลงไปในฐานข้อมูลของ“เรดาร์”นั่นเอง.
และเป้าหมายของการบันทึกย่อมเป็นกลุ่มของอาจารย์ที่ปรึกษานั่นเอง.
“จิงซีของอาจารย์ที่ปรึกษาแข็งแกร่งมาก! นั่นไม่ใช่อาจารย์ห้องสี่หรอกรึ?! บันทึก,จิงซีพิเศษ,อ่อนนุ่ม,ไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าใดนัก,ขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสูงอักษรสีเหลือง,ปริมาณจิงซีดูเหมือนว่าข้าใกล้จะไล่ทันแล้ว...”
ซูเห่าที่ครุ่นคิด,เพ่งพิศ.
ทันใดนั้นเขาที่พบอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง,ขมวดคิ้วไปมา“โม่เฟิงหัวอาจารย์ที่ปรึกษาห้องสี่,เป็นปรมาจารย์ขั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัย,ทว่าทำไมความหนาแน่นจิงซีของเขา,จึงไม่อาจเทียบข้าได้กัน?”
ซูเห่าที่ตรวจสอบตัวเองอีกครั้ง,บางทีด้วยความแข็งแกร่งของเขาปัจจุบัน ไม่อาจตรวจสอบความแข็งแกร่งของจิงซีปรมาจารย์ชั้นสูงได้อย่างแม่นยำอย่างงั้นรึ? หรือเป็นไปได้ว่าปรมาจารย์ขั้นสูงนั้นมีความสามารถป้องกันการตรวจจับได้กัน?
ซูเห่าที่พบอาจารย์ที่ปรึกษาคนอื่น,หลังจากตรวจสอบก็พบว่าความหนาแน่นจิงซีของคนอื่นดูแตกต่างกันไปบ้าง,แต่ก็ไม่มากมายนักบอกได้ทันทีว่าไม่ได้มีการปกปิดป้องกันการตรวจจับแต่อย่างใด.
“ในเมื่อสัมผัสของข้าไม่มีปัญหา,ความหนาแน่นจิงซีข้าก็สูงกว่าอาจารย์ที่ปรึกษาใช่ใหม! กล่าวอีกอย่างหนึ่ง,ตามทฤษฎีความหนาแน่นจิงซี,ข้าก็คือปรมาจารย์ขั้นสูง,ไม่ใช่ปรมาจารย์ขั้นต้น.”
ซูเห่าเข้าใจเกี่ยวกับการแบ่งแยกระดับต้น,กลางและสูงนั้นไม่ค่อยชัดเจนนัก,นอกจากนี้การแบ่งแยกระดับระดับผู้ฝึกยุทธ์,จอมยุทธ์และปรมาจารย์ยังแตกต่างกันอีกด้วย.
หลักการที่แท้จริงเป็นเช่นไรซูเห่าไม่อาจบอกได้,เวลานี้เขาทำการบันทึกข้อมูลในฐานข้อมูลเรดาร์ไม่หยุด.
......
ไม่นานหลังจากนั้นเสี่ยวปังก็ขึ้นเวที,ซูเห่าที่ยังคงยืนอยู่รอบ ๆ.
เสี่ยวปังดูตื่นเต้นกระวนกระวายเป็นอย่างมาก,เขาถือดาบสั้นและโล่กล่มเล็ก ๆ,เวลานี้กำลังสูดหายใจลึกปรับสภาพลมหายใจ.
ส่วนคู่ต่อสู้ของเสี่ยวปังเป็นชายผมหยิก,สูงเพียงครึ่งเดียวของเสี่ยวปัง,ถือดาบและโล่ขนาดเล็กเช่นกัน.
เสี่ยวปังสูงหนึ่งเมตรเจ็ดสิบ,สร้างความกดดันให้กับคู่ต่อสู้เป็นอย่างมาก,ทว่าเสี่ยวปังกับตื่นเต้นลนลานกว่าอีกฝ่าย.
ทั้งสองที่ยืนประจันหน้า,ทว่าพวกเขาล้วนแต่ไม่ต้องการตกรอบแรก,เวลานี้ต่างก็ตั้งสมาธิทุ่มพลังเพื่อเอาชนะการแข่งขันให้ได้.
“ก๊อง!”
เสียงฆ้องที่ดังขึ้น,การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว.
เสี่ยวปังปะทะชายผมหยิง,ทั้งคู่ที่เคลื่อนไหวทันที,ฟันและยกโล่กัน,สลับกันไปมา,รอคอยโอกาสที่จะสวนโจมตีอีกฝ่ายให้ได้.
พวกเขาปะทะกันไปกว่า 20 รอบ,คาดไม่ถึงว่าไม่มีใครทำอะไรกันได้,นับเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีกันเป็นอย่างมาก.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,ทั้งสองต่างก็เหนื่อยหายใจหอบ ๆ.
ในเมื่อไม่อาจชนะกันด้วยความแข็งแกร่ง,ก็มีเพียงแค่ใช้เล่ห์เหลี่ยม,ดังนั้นทั้งสองก็เปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้.
มีดเสี่ยวปังที่ฟันใส่โล่อีกฝ่าย,ชายผมหยิงที่ยกมือขึ้นกันทันที,ใครจะคิดล่ะว่าเสี่ยวปังกับไม่ได้ฟันลงไป,แต่เปลี่ยนเป็นการโจมตีด้วยเท้าแทน.
“บาทาหมดเกลี้ยง!”
ชายผมหยิงที่ตกใจเป็นอย่างมาก,รีบขยับเปลี่ยนตำแหน่งโล่ป้องกัน.
ทว่านี่เป็นแผนซ้อนแผน,เมื่อชายผมหยิงเปลี่ยนตำแหน่งโล่,เสี่ยวปังที่ฉวยโอกาส,ใช้โล่ในมือซ้ายพุ่งปะทะไปยังใบหน้าของชายผมหยิงทันที.
ชัยชนะและพ่ายแพ้ก็ถูกตัดสินในทันที.
ซูเห่าที่ตะโกนด่านล่าง“เสี่ยวปัง,ยอดเยี่ยม!”
ทุกคนที่หันหน้าไปมองซูเห่าที่กำลังเชียร์เสี่ยวปัง,แต่ละคนต่างก็สั่นสะท้านเบญจมาศรัดตรึง ผวาไปตาม ๆ กัน,นี่มันคนบินปิศาจอู๋เซี่ยงหวู่.
ผู้คนรอบ ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ขยับหลบออกมาจนพื้นที่รอบตัวเขากลายเป็นเวิ้งรัศมีสามเมตรขึ้นมาทันที.
“ข้าจะไปดูชิงชิง,เจ้าจะพักก่อนใหม.”ซูเห่าไม่สนใจคนรอบ ๆ จากนั้นก็เดินไป,เสี่ยวปับเองก็ก้าวเดินตามไปเช่นกัน
เพราะการปรากฏตัวของซูเห่า,ทุกคนจ้องมองเสี่ยวปังด้วยท่าทางหวั่นเกรง,แม้แต่สลักเอาไว้ในใจ,หากเจอกับชายอ้วนสูงคนนี้,จะต้องออมมือหน่อย,หากเผลอชนะเด็กขาด,อาจจะถูกคนบินปิศาจทุบตีได้
ซูเห่าที่มายังเวทีกลุ่มที่ 11 เวลานี้,เป็นคราวของเหอชิงชิงเช่นกัน.
การต่อสู้ของเหล่าสาว ๆ ดูสวยงามชดช้อย,ทั้งการฟันดาบและบัดโล่,โดยเฉพาะเหอชิงชิงที่ดูจิตวิญญาณเปี่ยมล้นราวกับวีระสตรี.
หลังจากเหอชิงชิงขึ้นไปต่อสู้,ทันใดนั้นก็โจมตีออกไปทันที,ดาบของเธอที่ทะลวงไปยังช่องว่างกระแทกโล่อีกฝ่าย,ฝ่ายตรงข้ามที่ตกใจชงัก,เธอก็เตะออกไป,กระแทกฝ่ายตรงข้ามหล่นลงเวที,ชนะมา.
หลังจาเหตุการณ์ส่งเสียงเชียร์เสี่ยวปัง,ซูเห่าจึงไม่ได้ส่งเสียงดัง,ทว่ายังคงโบกไม้โบกมือให้กับเหอชิงชิง.
เหอชิงชิงที่เห็นซูเห่า,ใบหน้าน้อย ๆ ก็ยิ้มกว้างออกมาทันที.
การต่อสู้รอบสอบ,เสี่ยวปังถูกฝ่ายตรงข้ามถีบกระเด็นหล่นเวที,ทำให้เขาตกรอบไป.
ส่วนเหอชิงชิง,ผ่านรอบสาม,เข้าสู่รอบสี่,พบกับนักเรียนปีสาม,ไม่อาจสู้ได้,พ่ายแพ้ไปในที่สุด.
ด้วยเหตุนี้,การมาเชียร์ของซูเห่าจึงจบลง,ทั้งสามได้มานั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งรับลม.
ซูเห่ากล่าวปลอบทั้งสอง,เสี่ยวปังนับว่ามีความคิดที่ฉลาดเอาชนะรอบแรกได้,ถือว่ามีเล่ห์เหลี่ยมไม่ธรรมดา,และเอ่ยชมเหอชิงชิงที่ผ่านรอบสาม,น่าเสียดายที่พบกับนักเรียนปีสาม,ไม่เช่นนั้นก็จะเข้าสู่รอบชิงพรุ่งนี้ได้แล้ว.
เห็นทั้งสองผิดหวังจากการประลอง,เขาจึงได้แต่เอ่ยให้กำลังใจยกระดับจิตวิญญาณให้พวกเขาให้กลับมาอย่างรวดเร็ว.
เสี่ยวปังเอ่ย“เซี่ยวหวู่,ปิดเทอมสองเดือน,ข้าจะกลับป้อมซาซานฝึกฝนกับพ่อของข้า,เจ้าล่ะมีแผนการอย่างไร?”
ซูเห่าเอ่ย“ข้าวางแผนจะไปซื้อของไปฟากพ่อข้า,กลับบ้านและกลับมายังสถาบันอีกครั้ง!”
เสี่ยวปังเอ่ย“ข้าได้ยินมาว่าสองเดือนนี้,อาจารย์ที่ปรึกษาเองก็หยุดปิดเทอมเช่นกัน,นักเรียนที่อยู่ที่สถาบันมีน้อย,เจ้าต้องการอยู่สถาบันทำอะไร?”
ซูเห่าเอ่ย“ที่นี่เงียบสงบ,ข้าสามารถฝึกฝนได้.”
ในเวลานั้นเหอชิงชิงเอ่ยออกมาว่า “ข้าจะกลับป้อมซาซาน,ฝึกฝนกับพ่อข้า,เจ้ากลับป้อมซาซานไม่ดีกว่ารึ? นอกจากนี้เจ้าไม่ต้องการให้พ่อของเจ้าช่วยเจ้าฝึกหรอกรึ?.”
“ข้าต้องการอยู่ในเมือง,ที่นี่มีหอตำราให้อ่าน”ซูเห่าที่ส่ายหน้าไปมา,มันคงยากจะเอ่ยอธิบายว่าเวลานี้เขาเหนือกว่าบิดาของเขาและทุกคนในป้อมปราการซาซานไปแล้ว.
นอกจากนี้หอตำราหลิงหยุน,มีตำราอีกมากที่เขาต้องการบันทึกข้อมูล.
อีกอย่างเวลานี้เขาสนใจรูปแบบอักขระ,เขาต้องการเก็บเกี่ยว“รูปแบบสัตว์ร้าย”ศึกษาเพิ่มเติม,เผื่อว่าจะสามารถค้นหาความลึกล้ำและยกระดับมันได้อีกหรือไม่?
อย่างไรก็ตามเขาได้ยินจากเหล่าหลิวว่า,ราคาของรูปแบบสัตว์ร้ายในตลาดมืดนั้นมีราคาถึง 20 เหรียญทอง.
เขาขาดเงินเป็นอย่างมาก,ตอนนี้มีแค่สองเหรียญทอง,มันไม่พอที่จะซื้อรูปแบบสัตว์ร้าย,ดังนั้นเขาก็คิดเช่นกันว่าจะหาวิธีหาเงินเช่นไร,ทว่าสิ่งหนึ่งที่พอบอกได้การอยู่ในเมืองย่อมมีโอกาสหาเงินได้มากกว่า.