Chapter 41: Where 4 levels of students are at
4级学员在哪
ในสถาบันหลิงหยุน,นักเรียนปีสาม,จำเป็นต้องตามอาจารย์ที่ปรึกษา,ไปยังฐานที่มั่นกลางป่าเพื่อฝึกฝนจริง,หลัก ๆ แล้วก็เพื่อศึกษาการเอาชีวิตรอดในป่า,ต่อสู้กับสัตว์ร้ายจริง ๆ.
หลังจากสามารถอยู่รอดได้ตลอดหนึ่งปีพวกเขาก็จะเติบโต,ด้วยเหตุนี้นักเรียนปีสาม,เทียบกับนักเรียนปีสองและปีหนึ่งย่อมแตกต่างกันเป็นอย่างมากในด้านประสบการณ์การต่อสู้นั่นเอง.
หรือจะบอกว่านักเรียนปีสามที่ผ่านการต่อสู้กับสัตว์ร้ายมาแล้ว,จึงมีความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ.
ทว่าไม่ว่าจะมีประสบการณ์เท่าไหร่สำหรับซูเห่าแล้ว,นักเรียนปีสามก็ไม่ต่างจากผู้เยาว์อายุ 12-13 ปี,ถึงจะมีคนกลายเป็นจอมยุทธ์บ้างแล้ว,แต่ก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับต้น,ซึ่งก็ไม่ต่างจากผู้ฝึกยุทธ์นั่นล่ะ.
ไม่พอมือซูเห่าแม้แต่น้อย.
เมื่อมาถึงที่มั่นนักเรียนปีสาม,ซูเห่า,เหอชิงชิง,เสี่ยวปัง,ที่ก้าวเข้าไปด้านใน,เอ่ยเสียงดังกังวาน“ข้าอู๋เซี่ยงหวู่,มาท้าประลองนักเรียนปีสามโดยเฉพาะ,พวกเจ้าสามารถเข้ามาพร้อมกันได้เลย.”
ในเวลานั้นนักเรียนปีหนึ่งปีสองมากมายที่ตามมา,จ้องมองอยู่ห่าง ๆ ,พูดคุยกันเบา ๆ.
ใบหน้าของสาวน้อยโม่ซินที่ยืนข้าง ๆ จินต้าเหยี่ยนไม่อยากเชื่อภาพที่เห็น,ดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความสงสัย“พี่ต้าเหยี่ยน,ท่านคิดว่าอู๋เซี่ยงหวู่จะสู้นักเรียนปีสามได้ใหม? นักเรียนปีสาม แต่ละคนตัวสูง กล้ามใหญ่,ไม่ใช่คนที่จะยุ่งด้วยได้เลย.”
จินต้าเหยี่ยนที่ส่ายหน้าไปมา“ข้าไม่รู้,คนผู้นี้ข้าไม่อาจเข้าใจได้เลย.”
จินเสี่ยวหานที่ดึงแขนโม่ซินออก,เข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างพี่ชาย,เอ่ยออกมาว่า“โม่ซินถามเฉย ๆ อย่าได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบพี่ชายของข้า.”
โม่ซินที่หัวเราะคิกคัก,เอ่ยออกมาว่า“ในความเห็นของข้า,อู๋เซี่ยงหวู่ไม่ประมานตน,เขาไม่รู้รึไงว่า นักเรียนปีสาม,แตกต่างกับนักเรียนปีสองมาก.”
จินเสี่ยวหานพยักหน้ารับ“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน,ตอนนี้เขาช่างโอหังเกินไปแล้ว.”
โม่ซินพยักหน้ารับ,เอ่ยออกมาว่า“อู๋เซี่ยงหวู่เป็นอสุรกายพรสวรรค์จริง ๆ,เขามีความหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก,อย่างไรก็ตามครั้งนี้เกรงว่าคงต้องนอนกองบนพื้นแล้ว.”
โม่ซินที่หันหน้ากลับมา เอ่ยเพิ่มอีกว่า,“พี่ต้าเหยี่ยนต่างหากเล่าถึงจะควรค่าเป็นอัจฉริยะของสถาบันหลิงหยุน,มีอะไรต้องอิจฉาอู๋เซี่ยงหวู่ด้วยรึ?”
จินต้าเหยี่ยนเอ่ยอย่างไม่แยแส“แน่นอนว่าต้องอิจฉา,ข้าเป็นเพียงคนที่มีพรสวรรค์,แต่เขาเป็นอสุรกายพรสวรรค์,จะนำคนที่มีพรสวรรค์ไปเทียบกับอสุรกายพรสวรรค์ได้อย่างไร?”
โม่ซินและจินเสี่ยวหานที่พูดไม่ออกเหมือนกัน.
อีกฝั่งหนึ่ง,เสี่ยวอี้ซูที่ยืนอยู่ที่มุม,จ้องมองซูเห่าเงียบ ๆ,ในแววตาที่ดูสับสนเล็กน้อย,พร้อมกับเอ่ยพึมพำกับตัวเอง“อู๋เซี่ยงหวู่,ข้าด้อยกว่าเจ้า!”
......
นักเรียนปีสามที่ปรากฏขึ้นดูสับสน,ทว่าไม่มีเวลาให้พวกเขาได้คิด,ซูเห่าก็พุ่งเข้าไปต่อยทะยานเสยปลายคางพวกเขาทันที,นักเรียนปีสามที่ปรากฏคนแล้วคนเล่า ต่างก็ถูกต่อยลอยกระเด็นหมดสติไปทันที.
คนทั้งหมดที่เขาเห็นล้วนต่างก็ถูกทุบสลบกันไปจนหมด.
ไม่ได้หยุดเท่านั้น,ซูเห่ายังบุกเข้าไปด้านในต่อ.
ในเวลานั้นมีคนผู้หนึ่งที่ปรากฏขึ้น,ขวางทางซูเห่า,พร้อมกับลอบโจมตีเข้ามาอย่างคาดไม่ถึง.
อย่างไรก็ตามซูเห่าที่ใช้ท่าเท้าเคลื่อนเงาหายไป,พร้อมกับต่อยสวนทะยานขึ้นมา.
ลอยละล่องไร้น้ำหนัก!
ในเวลานี้ นักเรียนปีสามที่เพิ่งตั้งสติได้แล้ว,ก็พบว่ามีใครบางคนกำลังบุกเข้ามาหาเรื่องพวกเขาแล้ว.
หลังจากพบหน้า,ไม่ได้พูดกันเกินสองสามคำก็ถูกโจมตีแล้ว,ช่างเป็นคนที่โอหังเกินไปแล้ว.
ด้วยเหตุนี้มีใครบางคนที่ต้องการหยุดซูเห่า,ทว่าก็ไม่อาจทำอะไรได้,แม้แต่ตัวเองก็หมดสติไปอย่างรวดเร็ว.
อย่างไรก็ตามเวลานี้ทุกคนจะเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว การดูเหมือนว่าการหยุดอีกฝ่ายจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแล้ว.
ในเวลาสั้น ๆ ที่ซูเห่าบุกเข้ามา,หนึ่งหมัดหนึ่งเท้า,นักเรียนปีสามลอยกระเด็นหมดสภาพ,หลายคนที่ล่วงหล่นไปนอนครวญคราง,แทบไม่อาจขยับหรือลุกขึ้นมาได้.
นี่เป็นการบุกเข้ามาเชือดพวกเขาโดยแท้จริง.
ซูเห่าที่ยังบุกเข้าโจมตีไม่เลือกหน้า,เขาตะโกนใส่ใครที่อยู่ไกลออกไปเสียงดัง“นักเรียนปีหนึ่งมาท้าประลองนักเรียนปีสามโดยเฉพาะ,พวกเจ้าทั้งหมดรวมกันเข้ามาเลย.”
ซูเห่าที่เคลื่อนที่เร็วมาก,หมัดเท้าที่ลอยว่อน,กระแทกนักเรียนปีสามกระเด็นเคว้งคว้างบนอากาศ,ร่วงหล่นลงบนร้องโอดโอยก้องกังวานทั่วลานยุทธ์
เหล่านักเรียนปีสามที่ยังไม่ลงไปนอนรู้สึกหวาดผวา,บางคนก็หนีตายออกไป,ทว่าบางคนไม่ยินยอมก็บุกเข้าไป,ก่อนถูกต่อยลอยกระเด็น,หมดสภาพกองบนพื้นทันที.
“เจ้าเด็กกะโปโลนี่ ไม่รู้ว่ามันบ้ามาจากใหน,ดุร้ายเกินไปแล้ว,พวกเราขวางทางมันไม่ได้แล้ว,รีบไปหาเย่เสี่ยวเมิ่งเร็วเข้า.”
“ไปหาเย่เสี่ยวเมิ่ง? ให้มาไล่คนผู้นี้ไปอย่างงั้นรึ?”
“ใช่,ว่าแต่เจ้าไม่อาจชนะได้ก็เลยต้องไปหาพวกผู้หญิงอย่างงั้นรึ? เจ้าอยากไปก็ไป,ข้าไม่ไป.”
“แต่ว่าตอนนี้มีเพียงเย่เสี่ยวเมิ่งเท่านั้นที่เป็นคู่ต่อสู้ของมันได้.”
“ข้าได้ยินมาว่า,เย่เสี่ยวเมิ่งเป็นจอมยุทธ์แล้ว,มีเพียงนางที่สามารถเอาชนะเจ้าเด็กบ้าคนนี้ได้.”
“บัดซบ,เจ้าเด็กบ้านั่นบุกมาตรงนี้แล้ว.”
“เจ้าออกไปขวางทาง,ถ่วงเวลาไว้,ข้าจะไปหาเย่เสี่ยวเมิ่ง.”
“สารเลว,ใหนบอกก่อนหน้านี้ว่า ไม่ไป?”
......
ไม่ไกลจากสนามฝึกปีสาม,ที่นี่เป็นพื้นที่ควบคุมที่มีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่,ซึ่งจะมีนักเรียนปีสามเข้ามาฝึกฝนต่อสู้กับสัตว์ร้ายที่นี่.
ในเวลาเดียวกันในพื้นที่ฝึกฝน,สตรีผมสั้นอายุ 13-14 ปี,กำลังเผชิญกับสัตว์ร้ายร่างใหญ่ยักษ์.
สัตว์ร้ายตนนี้มีความสูงสองเมตร,มีความยาวถึงสามเมตร,มองคร่าว ๆ ก็ดูคล้ายหมี,แต่ไม่ใช่หมี,เพราะหัวของมันเป็นอัลลิเกเตอร์,ปากของมันยาวมาก,ฟันของมันแหลมคมเรียงยาวส่องประกาย,มีครีบเหมือนปลาชี้ออกมาที่ใบหู,แผงหลังที่ชี้ชันแหลมคม,ดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก.
สัตว์ร้ายร่างใหญ่ที่มีฟันเหมือนอัลลิเกเตอร์,เป็นสัตว์ร้ายระดับต้น,เคลื่อนไหวช้า,ทว่าร่างกายกับหนาทนมือทนเท้า,เหมาะที่จะให้นักเรียนปีสามฝึกฝนทักษะต่อสู้.
แม้นว่าจะยังเป็นสัตว์ร้ายเบื้องต้น,ทว่าก็ยังนับเป็นสัตว์ร้าย,ความแข็งแกร่งของมันเทียบได้กับจอมยุทธ์ขั้นต้น,ไม่ง่ายที่จะรับมือนัก.
สาวผมสั้นที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว,ร่างกายที่โอนอ่อนเลื่อนไหล,หลบการโจมตีได้อย่างนุ่มนวล,ก่อนปล่อยหมัดไปที่ร่างของมัน,อัลลิเกเตอร์ที่อ้าปากกว้างงับร่างของนาง,พริบตานั้น,ร่างของเธอก็หายไป,หลบไปด้านข้าง,พร้อมกับตะหวัดขาเตะไปบนคอของมัน,ทำให้ร่างของอัลลิเกเตอร์เซถลา.
“โฮกกก!”อัลลิเกเตอร์ที่คางเสียงเบาด้วยความเจ็บ,เวลาต่อมามันได้ใช้กงเล็บตบโจมตีไปยังสาวน้อยผมสั้นทันที.
เด็กสาวผมสั้นกระโดดเบา ๆ หลบเลี่ยงกงเล็บของมัน,ทว่าขณะจะโจมตีออกไปอีกครั้ง,ที่ประตูห้องฝึกนั้นก็มีเสียงของเพื่อนนางดังขึ้น.
“เหล่าต้า(ลูกพี่,พี่ใหญ่)เสี่ยวเมิ่ง,รีบออกมาเร็วเข้า,ที่ลานยุทธ์เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้น?”สาวน้อยผมสั้นได้ยินก็เตะแอลลิเกเตอร์ออกไป,ก่อนที่จะหลบหนีออกมา,พร้อมกับเปิดประตูหลบมาด้านนอกสนามฝึก.
“ตามข้ามาเร็วเข้า,มีเพียงเจ้าที่จะสามารถป้องกันเจ้าคนเสียสตินั่นได้!”ขณะออกมา,เด็กสาวที่กระวนกระวายร้อนรนกำลังลากเธอไปในทันที.
......
อีกฝั่งหนึ่ง,นักเรียนปีสามที่ไม่มีใครกล้าต่อต้านแล้ว,ซูเห่าที่บุกเข้าไปทิศใหน,แต่ละคนที่หวาดผวาหนีตาย,ในเวลานี้ซูเห่าไม่ไล่ตาม,ทว่าเลือกเข้าโจมตีคนที่ดูแข็งแกร่งเท่านั้น.
หลังจากนั้น,ซูเห่าที่เอ่ยด้วยความไม่พอใจ“นักเรียนปีสามมีแต่พวกใจปลาซิวรึอย่างไรกัน? รีบเข้ามา,รวมกันทั้งหมดเข้ามาได้เลย.”
ในเวลานั้นนักเรียนปีสามที่ได้แต่สาปแช่งในใจ,ทว่าก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา.
เพราะว่าพวกเขารู้ดี,ขอเพียงเจ้าเด็กนั่นหันมาสนใจพวกเขา,ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหนีได้.
ในเวลาเดียวกัน,เด็กหญิงผมสั้นที่สวมชุดฝึกดูทรงพลังน่าเกรงขาม,กำลังมุ่งตรงมายังทิศทางของซูเห่า.
สตรีผมสั้นที่เหมือนกับวีระสตรีผู้นี้,เปี่ยมล้นด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้,หากเธอไม่ใช่สตรีแล้วล่ะก็,เหล่าบุรุษทั้งหมดคงยินดีที่จะเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับนางด้วยอย่างแน่นอน.
นักเรียนปีสามชี้ไปยังซูเห่า,เผยใบหน้าขุ่นข้องใจ“เหล่าต้าเสี่ยวเมิ่ง,เป็นมัน! ไม่รู้ว่ามันป่วยมาจากใหน,เห็นพวกเราก็ไล่ทุบตีแล้ว”
เย่เสี่ยวเมิ่งที่เชิดหน้า,เอ่ยเสียงดัง“เจ้าหนู,เจ้ามาสร้างปัญหาอย่างงั้นรึ?”
ซูเห่าที่เผยยิ้ม,ไม่เอ่ย,แต่วิ่งเข้ามาหาทันที.
หากมีอะไรจะพูดก็จงรอจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว,มีหลายคนที่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามพล่ามมากเกินไปก่อนสู้ จึงพ่ายแพ้,ด้วยเหตุนี้การพูดคุยกันก่อนสู้ จึงไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง.
“โอหังเกินไปแล้ว!”เย่เสี่ยวเมิ่งที่ใบหน้ากลายเป็นเย็นชา,ก่อนจะพุ่งเข้าหาซูเห่าเช่นกัน,นางต้องการสั่นสอนให้กับเจ้าเด็กไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้เข้าใจ.
ซูเห่าที่จ้องมอง,เด็กหญิงคนดังกล่าว,ดูเหมือนว่าจะมีพลังเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูง,ทว่าก็ไร้ความหมายเช่นเดิม.
ซูเห่าที่ปะทุพลัง,เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด.
“ท่าเท้าเคลื่อนเงา!”
“หมัดทะยาน!”
ทั้งสองที่เข้าปะทะกัน,ก่อนที่เย่เสี่ยวเมิ่งจะร้องโอดโอย,ลอยกระเด็นสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า,จากนั้นก็ล่วงหล่นลงพื้น.
เงียบสงัด!
นักเรียนปีสามที่แข็งแกร่งที่สุดล่วงไปกองบนพื้นแล้ว,ใหนความหวังพวกเขาล่ะ?
“บุก! ทุกคนร่วมมือกัน.”
“ใช่แล้ว! ทุบตีเจ้าเด็กเสียสติคนนี้เร็ว!”
“ลุย!”
เสียงกังวานที่ดังก้องไปทั่วลานยุทธ์ปีสาม.
อย่างไรก็ตามทุกอย่างไร้ประโยชน์,ด้วยพลังที่แตกต่าง,ไม่อาจกลบถมด้วยจำนวนได้.
ท้ายที่สุด,ทุกคนก็ถูกต่อยไปนอนกองบนพื้น,ซูเห่าที่หายใจหอบไปเหมือนกัน.
นักเรียนปีสามนั้นแข็งแกร่งกว่านักเรียนปีสองมาก,ทำให้วันนี้เขาต้องผลาญจิงซีไปไม่น้อย.
......
“ครืนนน-”
ในเวลานั้นนักเรียนปีหนึ่งและปีสองที่สั่นสะเทือนไปในทันที.
พวกเขาได้เป็นพยานการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ด้วยตาตัวเอง,นักเรียนปีหนึ่งคนเดียว,ล้มนักเรียนปีสามทั้งหมด,ไม่ว่าจะเป็นใคร,ก็ไม่อาจต้านได้,กระทั่งจอมยุทธ์มากพรสวรรค์,ที่เรียกว่าเหล่าต้า เย่เสี่ยวเมิ่ง,ก็ล้มคว่ำเพียงแค่การโจมตีเดียว.
นักเรียนปีสองที่สั่นสะท้านหัวใจเต้นแรง,ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกซูเห่าทุบตีจนหมดสภาพรู้สึกขุ่นข้องใจเป็นอย่างมาก,ในเวลานี้ดูเหมือนว่ามันจะสลายหายไปหมดแล้ว,กระทั่งนักเรียนปีสามยังไม่ใช่คู่มือซูเห่า,นักเรียนปีสองเช่นพวกเขา ก็ไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว.
“อู๋เซี่ยงหวู่ร้ายกาจเกินไปแล้ว! คนเพียงคนเดียวคว่ำนักเรียนปีสามทั้งหมด.”
“เหลือเชื่อ! วันนี้ข้าได้เห็นปาฏิหาริย์แล้ว,คุ้มค่าจริง ๆ!”
“นี่คือคนบินปิศาจอู๋เซี่ยงหวู่!”
“หลังจากนี้ อู๋เซี่ยงหวู่จะเป็นเหล่าต้าของข้า,ข้ายินดีที่จะยกสุราคาระต่อเขาเป็นพี่ใหญ่เลย,ใครจะมากับข้าบ้าง?”
“นับข้าด้วยคนหนึ่ง!”
“ข้าด้วย!”
......
ซูเห่าที่ก้าวออกไป,ทว่าก็หยุดก่อนเอ่ยออกมาว่า“ใช่แล้ว,เจ้ารู้ใหมนักเรียนปีสี่อยู่ที่ใหน?”
ทุกคนที่กลายเป็นงงงวย,หนึ่งนั้นที่เอ่ยเสียงสั่น“.....ไม่ ไม่รู้!”