Chapter 3 Kindergarten big brother
幼儿园大哥
“รอก่อน! หลังจากนี้เสี่ยวฮุ่ยต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน.”ซูเห่าไม่คาดคิดเลยว่ามารดาของเขา,หวงซูจวินนั้นจะมีจิตใจที่หนักแน่นเป็นอย่างมาก.
หลังจากนั้น,ที่ด้านนอกก็เงียบลง.
เดือนหนึ่งจากนั้นมา,อาการของซูเห่าก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ,กินอิ่มนอนหลับแม้แต่สามารถคลานได้แล้ว,ร่างกายที่ฟื้นฟูดีขึ้นอย่างชัดเจน.
ทั้งคู่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก,ก่อนที่จะนำซูเห่าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง.
“ลูกชายของคุณ,ไม่เป็นอะไรแล้ว,หลังจากนี้อีกเดือนค่อยมาตรวจอีกครั้ง,หากเป็นปรกติ,หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมาแล้ว.”
หมอชราอายุ 50 ปี,เห็นซูเห่าที่ใบหน้าดูดีขึ้น,ก็เผยยิ้มด้วยความดีใจเช่นกัน.
“ทำไมเพียงแค่เดือนเดียวเสี่ยวฮุ่ยถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้กัน?”หวงซือจวินที่ยังไม่วางใจนัก.
“กินอิ่มนอนหลัง,ได้รับสารอาหารครบถ้วน,ก็จะเติบโตฟื้นฟูกลับมาได้เร็วเป็นปรกติแล้ว”หมอที่เอ่ยอธิบาย.
“ขอบคุณคุณหมอ!”
หวงซูจวินที่นำซูเห่าออกจากโรงพยาบาล,ขณะก้าวออกมา,น้ำตาที่คลอเบ้าไหลซึมออกมาทันที.
ถึงกับร้องไห้ออกมาเลยรึ?
ซูเห่า,ไม่เข้าใจนักว่าทำไมหวงซูจวินถึงได้ร้องไห้ขนาดนี้? ทว่าขณะที่จะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตามารดา,ก็พบว่าแขนของเขานั้นมันสั้นซะเหลือเกิน,ไม่อาจเอื้อมไปถึง,ดังนั้นมือเล็ก ๆ ของเขาที่กุมมือของมารดาเอาไว้แน่น.
หวงซูจวินสัมผัสได้ถึงแรงบีบจากนิ้วมือเล็ก ๆ,ทันใดนั้นนางก็กอดซูเห่าแน่นพลางสะอื้นด้วยความขมขื่น,หลังจากนั้น,นางก็เอ่ยถึงเหตุผลที่ร้องไห้“เสี่ยวฮุ่ย,แม่ไม่ดีกับเจ้า,แม่ไม่ควรเอาอารมณ์ไม่ดีที่โรงเรียนกลับมาที่บ้าน,ทำให้เจ้ากลัว,ทำให้เจ้านอนไม่หลับ,จนไม่กินอาหาร,แม่ไม่ดีเอง!”
ด้วยเหตุนี้! ซูเห่าก็ตระหนักได้ในที่สุด,ทุกสิ่งในโลกนี้ย่อมมีเหตุและผล.
......
สองสามปีหลังจากนั้น,ซูเห่าที่เติบโตมีสุขภาพที่ดี,สามารถวิ่งและกระโดดได้แล้ว,ไม่แตกต่างจากเด็ก 4-5 ขวบคนอื่น ๆ.
สามปีผ่านมานี้หวงซูจวินที่มีความสุขและเป็นกังวลผสมกันไป.
ที่มีความสุขเพราะร่างกายของบุตรชายดีขึ้นเรื่อย ๆ,และยังเฉลียวฉลาด,มีความสามารถสูง,อาจเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะได้ด้วยซ้ำ.
ครั้งหนึ่งเมื่อเธอนำการบ้านมาตรวจที่บ้าน,บุตรชายที่เห็นเธอเหนื่อยได้เข้ามาด้านข้าง,แม้แต่ช่วยเธอตรวจการบ้าน,เธอที่เผยยิ้มไม่สนใจในตอนแรก,ทว่าเมื่อเธอเฝ้ามองอย่างระเอียดต้องตกใจและประหลาดใจ,การบ้านที่ซูเห่าตรวจนั้นสมบูรณ์แบบ,ทุกคำตอบนั้นถูกต้องทั้งหมด,นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขคำตอบที่ยาก ๆ ได้อีกด้วย,นับตั้งแต่นั้นมา,หวงซูจวินก็บอกได้ว่าบุตรชายของเธอนั้นเป็นอัจฉริยะที่ยากจะพบเห็นได้.
สิ่งที่เป็นกังวลที่สุดของเธอ ก็มีเช่นกัน,บุตรชายของเธอนั้นติดเธอมาก,ไม่ยอมออกห่างเธอเลยจนกระทั่งมีอายุห้าขวบแล้วก็ตาม,กล่าวได้ว่าเขาตามเธอไปทุกที่,ไม่เคยหลุดออกจากสายตาของเธอเลย,แทบจะทุกเวลาเธอสามารถมองเห็นบุตรชายได้ตลอด.
ทำให้เธอสงสัยว่าบุตรชายเป็นอัจฉริยะนั้น,เป็นเพราะว่าป่วยเป็นโรคบางอย่างหรือไม่,กระนั้นเธอก็ไม่กล้าไปพบกับจิตแพทย์,กลัวว่าจะพบว่าบุตรชายของเธอป่วย,ซึ่งจะทำให้เธอไม่อาจยอมรับความจริงได้.
นอกจากนี้,เธอยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเรียนของบุตรชายด้วย,ต้องบอกว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นอัจฉริยะ,ไม่ใช่คนปรกติทั่วไป,เธอจะสอนบุตรชายของเธออย่างไร?
เธอที่เป็นครูสอนโรงเรียนประถม,สอนเด็กมามากมาย,ทว่ากับบุตรชายตัวเอง,กับไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหรือสอนอย่างไรดี.
หากเป็นบุตรของคนอื่น,เธอกับมีความสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย,ทว่าพอเป็นบุตรชายของตัวเอง,เธอกับลังเลไม่รู้จะทำอย่างไร,ลังเลใจทุกการกระทำ กลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด,เพราะว่าเธอนั้นมีบุตรชายคนเดียวนั่นเอง.
ท้ายที่สุด,เธอจึงได้ถามความเห็นบุตรชายตัวเอง.
“เสี่ยวฮุ่ย,เจ้าใกล้ถึงวัยเข้าโรงเรียนแล้ว,พวกเราควรจะทดลองไปเรียนอนุบาลดูดีใหม?”
“ตกลง!”ซูเห่าที่กล่าวตอบรับอย่างว่าง่าย.
ด้วยเหตุนี้เธอจึงให้ซูเห่าไปเรียนอุบาลดูก่อนค่อยตัดสินใจ.
ซูเห่าพบว่าช่วงอายุ 5 ขวบของเขานั้นคือเวลาที่อันตรายเป็นอย่างมาก,หากสามารถผ่านไปได้,ชีวิตของเขาหลังจากนี้ก็จะราบรื่นอย่างแน่นอน.
โรงเรียนอนุบาลนับเป็นการตัดสินใจที่ดี,โดยเฉพาะมันมีความปลอดภัยสูง,ที่สำคัญเด็กอนุบาลเหล่านี้ไม่มีใครเอาชนะเขาได้,ด้วยความสามารถของเขานั้นสามารถกลายเป็นผู้มีอำนาจในโรงเรียนอนุบาลได้เลย.
ซูเห่าที่สะพายเป้เล็ก ๆ ด้านหลัง,เข้าสู่โรงเรียนอย่างราบรื่น.
เข้าเรียนวันแรกเขาพูดจาเสียงดัง,ซุกซนมีอำนาจแม้แต่ตบเพื่อนร่วมห้องร้องไห้มาแล้ว.
นับตั้งแต่วันนั้น,ในโรงเรียนอนุบาล,เด็กทุกคนก็จะเรียกซูเห่าว่าพี่ใหญ่,บรรยากาศในโรงเรียนอนุบาลนับว่าดีมาก,เขาได้กลายเป็นหัวโจกควบคุมบรรยากาศในห้องไปแล้ว.
โรงเรียนอนุบาลสำหรับซูเห่า,แน่นอนว่าไม่ใช่สถานที่ให้เล่นเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ,ในโรงเรียนเขามักจะแกล้งนอนหลับและเริ่มศึกษาพื้นที่พินบอล.
เขาต้องการที่จะค้นหาวิธีอยู่รอดปลอดภัย,ต้องการมีชีวิตตามที่เขาต้องการ,เขาจำเป็นต้องศึกษาความพิเศษของมัน,เนื่องจากมันสามารถบันทึกจิตสำนึก,และข้อมูลต่าง ๆ ข้างในได้.
เขาจำเป็นต้องครุ่นคิด,พื้นที่พินบอลนั้นทำประโยชน์อะไรได้บ้าง,สามารถช่วยอะไรเขาได้.
“หรือว่ามันทำให้เขาตายและฟื้น,วนกันไปมาเช่นนี้ตลอดไปรึ?”
ไม่! ควรทำได้มากกว่านั้น,ความสามารถของมันนั้น ซูเห่ายังไม่เข้าใจดี,ไว้เขาเข้าใจแล้ว,จะต้องสามารถใช้ประโยชน์มันได้แน่.
ความรู้ที่เขามีตอนนี้ยังมีจำกัด,ดังนั้นเขาจึงจำเป็นค่อย ๆ ศึกษาไป.
เพื่อที่จะผ่านวิกฤติในวัยเด็กไป,การเรียนรู้ของซูเห่านั้นจึงเป็นไปด้วยความเร่งรีบ,ไม่ว่าจะเป็นวิชาฟิสิกส์,เคมี,คณิต,ชีววิทยาและวิชาอื่น ,แม้แต่ระบบร่างกายของมนุษย์,เทคโนโลยีสาระสนเทศ,ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และความรู้อื่น ๆ อีกมากมาย,ทุกสิ่งเขา ล้วนแต่ให้ความสำคัญ.
ขอเพียงสามารถเรียนรู้ได้,เขาก็จะบันทึกมันเข้าไปไว้ในพื้นที่พินบอล,เพื่อให้เขาสามารถนำมาใช้ได้ตลอดกาล.
แน่นอนว่า,ซูเห่าได้บันทึกข้อมูลทุกอย่างไว้ในพื้นที่พินบอลในรูปแบบของข้อมูล,เขาสามารถศึกษาช้า ๆ ได้ทีหลัง,เพราะมันเป็นเพียงข้อมูลความรู้ยังไม่ได้ทำความเข้าใจ,เขาจำเป็นต้องศึกษาอีกถึงจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง.
ในบ่ายวันหนึ่ง,ซูเห่าได้ยินเสียงดังลั่นมาจากด้านนอกโรงเรียนอนุบาล,ทำให้หัวใจของเขาหดเกร็ง,สังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา.
เวลานั้นเขาได้ยินเสียงร้องหวาดผวาของอาจารย์,แม้แต่เด็ก ๆ ก็ร้องไห้ด้วยความตื่นตระหนก.
ซูเห่าที่กลิ้งคลานออกไป,จ้องมองลอดผ่านหน้าต่าง.
เขาที่เห็นชายวัยห้าสิบปีที่ถือมีดวิ่งเข้ามาในโรงเรียนอนุบาล,แม้แต่เริ่มที่จะฟันเด็ก ๆ ไม่เลือก,แต่ละคนที่ร่วงหล่นไปนอนกองบนพื้น,โลหิตที่ไหลเป็นทาง,แม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยเองก็ถูกแทงล้มลง,ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด.
เด็ก ๆ ที่ตกใจวิ่งหนีกันวุ่นวาย,ครูอนุบาลที่แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว,มือไม้อ่อนระทายทำอะไรไม่ถูก,ไม่มีแม้แต่มีความกล้ายืนขึ้นต่อหน้าคนร้าย.
ซูเห่าที่ถอยออกมาจากหน้าต่างทันที,สายตาของเขาที่กวาดไปทั่วห้อง,พบว่าห้องนี้ไม่มีประตูหลัง,คนร้ายที่อยู่ด้านนอกห้องแล้ว,หากเขาจะวิ่งไปที่ทางออกจะต้องพบกับคนร้ายอย่างแน่นอน,ทำให้เขาต้องหยุดชงักครุ่นคิดอยู่ในห้อง.
นอกจากนี้ในห้องเรียนนั้นไม่มีที่ให้ซ่อนตัวเลย,มีเพียงแค่กองของเล่นด้านใน,เขาจึงวิ่งตรงไปยังกองของเล่นด้วยความเร็ว,หยิบแผ่นพลาสติกสองแผ่นออกมา,ก่อนที่จะยัดเข้าไปในเสื้อด้านหน้าและด้านหลังเป็นเกราะ.
เหล่าเด็กที่วิ่งพล่านในห้อง,ขณะเห็นซูเห่าวิ่งไปที่ประตู,ทันใดนั้นพวกเขาได้แต่ร้องด้วยความตกใจ“พี่ใหญ่!”
เวลาต่อมา,คนร้ายที่วิ่งเข้ามาแล้ว.
ใบหน้าของคนร้ายที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นพอใจ,ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นโลหิต,ดูน่าหวาดกลัว,แม้แต่เงยหน้าแสดงท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง,ราวกับว่ากำลังจะทำเรื่องเท่สะบัด,เขาได้ยกมีดขึ้น,แววตาสีแดงซ่านเหมือนกับมือมีดนักฆ่าที่กระหายโลหิต.
“ซ่อนอยู่ในโรงเรียนอนุบาล,ก็ยังเกิดเรื่องขึ้นเหมือนเดิม!”ภายในใจของซูเห่าที่โอดครวญ.