Chapter 29 Departure
离去
ซูเห่าที่พ่นลมหายใจเบา ๆ,ก่อนที่จะเข้าโจมตีอู๋หยุนเทียน,พร้อมกับต่อยไปยังหน้าอกอีกฝ่าย.
เมื่อเห็นซูเห่าที่ยังคงพุ่งเข้าหาเล็งเป้าหมายชัดเจน,อู๋หยุนเทียนที่มุมปากกระตุก,นี่เป็นการโจมตีที่ประมาทมาก,หากเป็นการต่อสู้อื่น เขาสวนการโจมตีด้วยดาบย่อมสามารถจบการต่อสู้ได้เลย.
อู่หยุนเทียนไม่ได้ใช้ดาบ,จึงได้ยกมือขึ้นกันหมัดดังกล่าวไว้.
“ตูมมมม!”
อย่างไรก็ตามซูเห่าไม่ได้ใช้หมัดโจมตี,เขาได้เปลี่ยนเป็นการเตะข้างอย่างรวดเร็ว.
อู๋หยุนเทียนที่ยกมืออีกข้างกัน,คว้าข้อเท้าซูเห่า,ทว่าไม่คาดคิด,ฝ่ามือของเขาที่ถูกเตะกระแทกอย่างแรงนั้นทำให้เขารู้สึกชาจนไม่อาจคว้าข้อเท้าอีกฝ่ายได้,และจุดศูนย์ถ่วงร่างกายของเขากลายเป็นไม่มั่นคงต้องถอยออกไปสองก้าว.
ซูเห่าที่ฉวยโอกาส,พุ่งตามเข้าไป.
“ท่าเท้าเคลื่อนเงา!”
ซูเห่าที่ใช้ทักษะต่อสู้,ท่าเท้าเคลื่อนเงาเคลื่อนเข้าหา,มือที่งอเข้าส่งศอกออกไป,ด้วยทักษะเคลื่อนเงาเสริมจิงซี,ทำให้ความเร็วเพิ่มพูนอีกขั้น.
“ตูมมมมม!”
อู๋หยุนเทียนที่ป้องกันศอกของซูเห่า,ถูกแรงกระแทกผลักออกไป,ทำให้เขากลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที.
ซูเห่าไม่ปล่อยโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวได้,ในเมื่อตอนนี้ได้เปรียบ,ก็ต้องโจมตีต่อไป.
“ท่าเท้าเคลื่อนเงา!”ซูเห่าที่เคลื่อนที่เข้าหาอู๋หยุนเทียนเบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวา,ใช้ความเร็วที่มากกว่า,โจมตีอู๋หยุนเทียนซ้ำอีกครั้ง.
การต่อสู้ด้วยมือเปล่า,กินพื้นที่เปิดกว้างลามยาวออกไป,ใบไม้เศษหญ้าฝุ่นหินดินทรายที่ลอยฟุ้ง,สายลมที่พัดกวาดเป่าม้วนออกไป เป็นระยะ ๆ.
อู๋หยุนเทียนที่ยิ่งต่อสู้ยิ่งจริงจัง,เขาพบว่าพลังของเขารับมือบุตรชายไม่ง่ายเลย,ทั้งความเร็ว,จิงซีและร่างกาย ของบุตรชายเขาเหนือกว่า,มีเพียงประสบการณ์และขขนาดร่างกายเท่านั้นที่เขาเหนือกว่า,ทำให้ยังคงได้เปรียบอยู่ในตอนนี้,หากซูเห่าเติบโตมากขึ้นกว่านี้,เกรงว่าต่อไปเขา จะไม่ใช่คู่มืออีกฝ่ายอย่างแน่นอน.
เมื่อไม่นานมานี้อีกฝ่ายเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงเท่านั้น,เป็นช่องว่างที่อยู่กันคนละขั้น,ใครจะคิดว่าเวลาสั้น ๆ,อีกฝ่ายก็ก้าวเข้ามาเท่ากับเขาแล้ว,นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก.
ไม่นานหลังจากนั้น,ความได้เปรียบของซูเห่าก็หายไปเพราะอู๋หยุนเทียนตั้งหลักได้แล้วในเวลาต่อมานั้นเขาได้เตะอีกฝ่ายลอยกระเด็นออกไป.
ซูเห่าที่กระเด็นลากครูดไปบนพื้น,ก่อนที่จะใช้มือค้ำยันพื้น เท้าดีดกระโดดขึ้นมายืน.
ซูเห่าสูดหายใจหอบ ๆ,มือและเท้าของเขารู้สึกเจ็บ,จากนั้นก็เอ่ยยอมแพ้,พร้อมกับกล่าวออกมาว่า“ท่านพ่อ,ท่านร้ายกาจริง ๆ.”
คำพูดของซูเห่านั้นเต็มไปด้วยความนับถือ,การได้ต่อสู้กับอู๋หยุนเทียนทำให้เขาได้พัฒนาทักษะต่อสู้ระยะประชิดขึ้นไม่น้อย.
อู๋หยุนเทียนที่เผยยิ้มขม“อีกไม่นานหลังจากนี้,ข้าจะไม่ใช่คู่มือของเจ้าแล้ว,ตอนนี้เจ้ารู้ใหมว่าตัวเองอยู่ระดับอะไร?”
ซู่เห่าที่คิดใคร่ครวญก่อนที่จะพยักหน้า เอ่ยออกมาว่า“ควรจะไม่ต่ำกว่าจอมยุทธ์ขั้นสูง,ทว่าไม่ใช่ว่าข้าเพิ่งตัดผ่านระดับเป็นจอมยุทธ์หรอกรึ? แล้วทำไมเลื่อนเป็นขั้นสูงทันทีเลย,เรื่องนี้ดูเหมือนว่ายากจะเชื่ออยู่หน่อย.”
อู๋หยุนเทียนเองก็เอ่ยรับ“มันเหลือเชื่อมากต่างหาก.”
ซูเห่าที่ได้ทดสอบการต่อสู้ครั้งนี้,แม้นว่าจะไม่ได้แสดงท่าทางอหังการ,ใบหน้ายังสงบ,ทว่าในใจนั้นกับรู้สึกตื่นเต้นดีใจกับการเติบโตของเขามาก.
จากนั้นอู๋หยุนเทียนก็เอ่ยออกมาว่า“เซี่ยงหวู่,ตอนนี้เจ้าอายุเก้าขวบแล้วรึ?”
ซูเห่าพยักหน้ารับ“ข้าเก้าขวบกว่าแล้ว.”
“เจ้าตรงตามเงื่อนไขแล้ว,ดังนั้นข้าวางแผน ว่าในเดือนกันยายนนี้,จะส่งเจ้าไปเมืองหลิงหยุน,เข้าศึกษาวิทยาลัยหลิงหยุน.”อู๋หยุนเทียนที่หันหน้าไปยังทิศทางของเมืองหลิงหยุน.
“สถานบันหลิงหยุน?”ซูเห่าที่เผยความสนใจขึ้นมาทันที.
อู๋หยุนเทียนพยักหน้ารับเอ่ยออกมาว่า“ใช่แล้ว,ในอดีตข้าเคยเข้าเรียนที่นั่นช่วงระยะเวลาหนึ่ง,น่าเสียดายไม่มีโอกาสเรียนให้จบสี่ปี,ได้ออกกลางคัน”
อู๋หยุนเทียนเอ่ย”สิ่งที่ข้าสามารถสอนเจ้าไม่มีอีกแล้ว,ระดับปรมาจารย์ยุทธ์ขึ้นไปนั้น,ข้าไม่รู้เลย.
อย่างไรก็ตามโลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่,ยังมีสิ่งที่เจ้ายังไม่เห็น,รอให้เจ้าไปค้นหา,และศึกษามัน.
กล่าวตามจริง,
เจ้าไปยังสถานบันหลิงหยวน,ที่จริงไม่ได้อาจยังไม่มีอะไรให้เจ้าเรียนได้มากนัก,ที่ข้าต้องการให้เจ้าไปที่นั่น,หวังให้เจ้าได้ศึกษาระบบและทฤษฎีการฝึกยุทธ์,แก่นวิทยายุทธ์,ที่ข้าไม่อาจให้กับเจ้าได้.“กล่าวจบก็หันหน้าไปยังซูเห่า”เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ซูเห่าเอ่ยออกมาทันที.“ตกลง.”
เขาแอบคาดหวังในใจเช่นกัน,เขาต้องการออกจากป้อมซาซาน,ออกไปมองโลกกว้างภายนอก,กล่าวได้ว่าในสถานที่อยู่ตอนนี้แคบเกินไป,ไม่มีอะไรให้เขาได้เรียนรู้แล้ว,อีกทั้งเขาไม่ใช่เด็กที่ไม่อาจป้องกันตัวเองได้อีกต่อไป,เขาคือจอมยุทธ์ขั้นสูง,ในโลกด้านนอกก็ถือเป็นตัวตนที่น่าเกรงขามระดับหนึ่งเช่นกัน.
“ใช่แล้ว.”อู๋หยุนเทียนที่ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้และเอ่ยออกมา“ชิงชิงและบุตรของเหล่าหลี่ที่ตรงตามคุณสมบัติด้วย,น่าจะเข้าศึกษาไปพร้อมกับเจ้าในปีนี้ด้วย,เมื่อไปที่นั่น เจ้าดูแลพวกเขาด้วยแล้วกัน.”
“อะไรนะ?”ซูเห่าที่ตกใจ,ไปเรียนแล้วยังต้องดูแลเจ้าพวกเด็กแสบนั่นอีกรึ?
......
สองเดือนหลังจากนั้น,ซูเห่าที่ได้ปรับสภาพเข้ากับขอบเขตจอมยุทธ์ขั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์,เวลานี้จิงซีของเขามั่นคงและยังสามารถเคลื่อนไหวได้ตามเจตจำนงของเขาโดยสมบูรณ์.
ซูเห่าที่เปิดตรวจสอบสถานะของเขา.
[อายุ: 9 ปี 7เดือน;
ความสูง :149 ซม;
น้ำหนัก : 50 กิโลกรัม;
สภาวะร่างกาย : สมบูรณ์ ;
ระดับ :จอมยุทธ์ขั้นสูง ;
จิงซี : 31 ;
ทักษะต่อสู้ : ดาบพื้นฐาน(ชำนาญ),ท่าเท้าพื้นฐาน(ชำนาญ),ท่าเท้าเคลื่อนเงา(ชำนาญ),ตัดตามขวาง(เป็นเอกลักษณ์),หนามมายา(เชี่ยวชาญ),หมัดคมดาบ(เชี่ยวชาญ),พุ่งปะทะ(ผู้เริ่มต้น),โล่โจมตี(ผู้เริ่มต้น),กระโดดฟัน(ผู้เริ่มต้น) ;
ระบบควบคุม : ฟังก์ชันยกระดับคลื่นโลหิต(ชำนาญ),ฟังก์ชันยกระดับกล้ามเนื้อ(ชำนาญ),ฟังก์ชันยกระดับกระดูก(ผู้เริ่มต้น),ฟังก์ชันยกระดับอวัยวะภายใน(ยังไม่ถึงระดับเริ่มต้น),ฟังก์ชันยกระดับสัมผัสทั้งห้า(ยังไม่ถึงระดับเริ่มต้น) ;
]
จากข้อมูลสถานะ,ตลอดหนึ่งปีมานี้เขาได้เติบโตเป็นอย่างมาก,โดยเฉพาะจิงซีที่มีตัวเลขถึง 31,กล่าวได้ว่าเขาได้แปลงจิงซีให้มีจำนวนความหนาแน่นมากกว่าปราณโลหิตถึง 31 เท่า.
ความเร็วในการแปลงจิงซีในแต่ละวันสามารถเปลี่ยนจากตัวเลข 0 ไปถึง 31 ได้เลย.
เทียบกับคนธรรมดาทั่วไปต้องใช้เวลาสิบวันในการรวมปราณโลหิตและการเปลี่ยนจิงซีอีกยี่สิบวัน,เห็นชัดเจนว่าซูเห่านั้นแตกต่างจากคนทั่วไปเป็นอย่างมาก.
“ท่าเท้าเคลื่อนเงา”ได้เปลี่ยนจาก“เชี่ยวชาญ” กลายเป็นชำนาญแล้ว” กล่าวได้ว่าตลอดสองเดือนที่ได้ต่อสู้กับอู๋หยุนเทียน,ทำให้เขาสามารถยกระดับท่าเท้าเคลื่อนเงาขึ้นไปอีกขั้นได้.
เมื่อเขาใช้ ท่าเท้าเคลื่อนเงา,สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองได้ตามใจนึก,แม้แต่เกิดภาพติดตาทิ้งเงาเอาไว้,จนฝ่ายตรงข้ามไม่อาจแยกแยะได้.
แน่นอนว่า,ความสูงของเขาก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย,กลายเป็น 149 ซม.ร่างกายหนัก 50 กิโลกรัม,และปริมาณของปราณโลหิตที่ใช้ในการเคลื่อนที่ทั่วไปเองก็เพิ่มพูนขึ้นไม่น้อยเช่นกัน.
อีกหนึ่งวันสถาบันหลิงหยุนจะเปิดรับลงทะเบียน,หลังจากเก็บสัมภาระพวกเขาก็ออกเดินทางก่อนเวลา.
ระยะทางจากป้อมซาซานไปยังเมืองหลิงหยุนนั้นไม่ไกลนัก,ใช้เวลาเดินทางครึ่งวันก็ถึงแล้ว.
การเดินทางครั้งนี้นับซูเห่าก็มีทั้งหมดห้าคน,สาวน้อยเหอชิงชิง,เจ้าอ้วนเสี่ยวปังหรือหลี่ชุนจื่อ,บิดาของเหอชิงชิง เหอเจี้ยนหยง,และบิดาเสี่ยวปังเหล่าหลี่,แล้วก็ซูเห่านั่นเอง.
ส่วนอู๋หยุนเทียนนั้นไม่ได้ตามมา,เพราะต้องอยู่ปกป้องหมู่บ้านนั่นเอง.
อย่างไรก็ตามอู๋หยุนเทียนไม่มีอะไรต้องกังวล,เพราะบุตรชายของเขานั้นมีฝีมือไม่ได้ต่างจากเขาแล้ว.
มีเพียงเหอเจี้ยนหยงและเหล่าหลี่ที่เกรงว่าบุตรพวกเขา ออกเดินทางผ่านป่าอาจจะพบอันตราย,จึงต้องการเดินทางมาคุ้มกันด้วย.
ขณะจะจากมา,อู๋หยุนเทียนได้ส่งถุงใบหนึ่งให้ซูเห่า“ในนี้มีเงินให้เจ้าใช้สามปี,เก็บเอาไว้,แม้นว่าไม่มากแต่ก็ควรจะพอ.”
ซูเห่าที่รับกระเป๋ามา,นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเงินตราของโลกใบนี้,เขานำมันออกมาเห็นเหรียญเงินที่ส่องสว่าง“นี่คือเหรียญเงินอย่างงั้นรึ?”
“มันมีชื่อว่าเงินหยวน,หนึ่งเหรียญเงิน สามารถแลกได้ 100 เหรียญทองแดง,และหนึ่งร้อยเหรียญเงินก็แลกได้หนึ่งเหรียญทองเช่นกัน,เจ้าอยู่ในเมืองหลิงหยุนจำเป็นต้องใช้,หากไม่พอ...”
ซูเห่าที่จ้องมองอู๋หยุนเทียนที่ดูจริงจัง.
อู๋หยุนเทียนก็เอ่ยออกมาว่า“ข้าก็ไม่มีแล้ว!”
ซูเห่าถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน.
“ตกลง,ข้าจะหาทางเอง.”ซูเห่าที่เอ่ยรับ.
นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาออกจากหมู่บ้าน.
“คาดหวังเล็กน้อยเลยแฮะ!”ซูเห่าที่เอ่ยพึมพำ.
“เจ้าพูดอะไร?”เหอชิงชิงที่เอ่ยสอบถามซูเห่าในทันที.
ปล.วันนี้ลงตอนเดียวครับ ขออภัยด้วย ติดธุระเล็กน้อย.