Chapter 166: Scene 10 points of cruelty
场面10分残忍
หลังจากซูเห่าจัดการเก็บห้องทดลอง,ก่อนบินออกมา,เนื่องจากยังไม่มีเป้าหมาย,เขาจึงบินกลับเมืองซือหลิน.
หลังจากบินโฉบไปมาบนเมืองซือหลินสองรอบ,พบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปนัก,ดังนั้นเขาจึงร่อนลงสถานที่ทดลอง.
หลังจากร่อนลงพื้น,ก็พบหยาซานที่ดูเหนื่อยล้ามารออยู่ก่อนแล้ว.
เห็นชัดเจนว่า,หยาซานพบว่าซูเห่าบินมาตั้งแต่แรก,เขาจึงเร่งรีบวิ่งมาจากตึกจิวฉงโดยเฉพาะ.
หยาซานที่เห็นซูเห่า,ก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ“พี่ชายเหว่ย! ท้ายที่สุดท่านก็กลับมา! พี่ใหญ่เหว่ย,ข้าหวังให้ท่าน.....”
ซูเห่าที่เห็นหยาซานแทบจะกระโดดเข้ามากอด,ก็เอ่ยออกมาว่า“หยาซานเจ้าใจเย็นก่อน,ข้าจากไปพักเดียว,เกิดอะไรขึ้น,ถึงได้มีสภาพเช่นนี้?”
หยาซานที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทำอะไรไม่ถูก“ข้าไม่คิดเลยว่าหลังจากที่พี่ใหญ่เหว่ยจากไป,ราวกับว่ามีเรื่องมากมายเกิดขึ้นตลอดไม่จบสิ้น,ตลอดทั้งปีข้าแทบไม่ได้พักเลย.”
ซูเห่าที่ราวกับเข้าใจจากที่เห็นสภาพของหยาซานทันที.
ก่อนหน้านี้มีซูเห่าอยู่ในเมือง,หยาซานเปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจไม่เคยหวาดกลัวสิ่งใด,การที่มีซูเห่าอยู่,ความกดดันเรื่องราวที่ถาโถมเข้ามา,เขาไม่เคยรู้สึกกังวลเลยนั่นเอง.
หลังจากที่ซูเห่าจากไป,ความมั่นใจของเขาก็หดหาย,หยาซานที่ต้องลงมือจัดการเรื่องราวต่าง ๆ เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ,กล่าวได้ว่าการตัดสินใจอะไรก็เต็มไปด้วยความลังเลหวาดกลัวที่จะเกิดความผิดพลาด,จนไม่อาจแก้ปัญหาอะไรได้,เพราะกลัวว่ามันจะพังทลายลง.
สภาพจิตใจของผู้นำเมื่อมีปัญหาย่อมส่งผลต่อคนข้างล่างเป็นธรรมดา.
ซูเห่าที่เผยยิ้มออกมา“ไม่เป็นไรหยาซาน,ทุกอย่างจะออกมาดีเอง.”
หยาซานเอ่ยออกมาทันที“พี่ใหญ่เหว่ย,ท่านจะออกจากเมืองซือหลินอีกใหม?”
ซูเห่าเอ่ยออกมาทันที“ยังไม่ไปในเร็ว ๆ นี้,ข้าจะช่วยเจ้าจัดการปัญหาแก๊งซือหลินให้กับเจ้าก่อน.”
หยาซานที่ผ่อนคลาย,หนึ่งปีมานี้,ไม่มีเวลาใหนที่เขาสามารถผ่อนคลายได้เลย,เขาเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ“เยี่ยมเลย,พี่ใหญ่เหว่ยอยู่ที่นี่,ข้ารู้สึกเต็มไปด้วยความมั่นใจ.”
ซูเห่าก้าวเข้าไปในห้องทดลอง,เอ่ยออกมาว่า“เจ้าตามมา,บอกมาว่าหนึ่งปีมานี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง,มีสิ่งใดที่สงสัย,ข้าจะบอกว่าเจ้าควรทำอย่างไร.”
หยาซานที่ก้าวตาม,“รับทราบพี่ใหญ่เหว่ย!”
ซูเห่าที่เปิดห้องทดลองออก,พบว่ามันสะอาดเรียบร้อย,ราวกับว่ามีคนเข้ามาทำความสะอาดทุกวัน.
กว่าสามชั่วโมงที่ซูเห่ารับฟังการบริการและความวุ่นวายที่เกิดขึ้น,ซูเห่าที่รับฟังหยาซานเอ่ยสอบถามพร้อมกับอธิบาย,และเสนอแนะแผนการให้เขากระทำต่อไป.
ซูเห่าเอ่ย“เจ้าสามารถทำตามแผนนี้ได้,อาซานเจ้าจงจำไว้เสมอ,ว่าแก๊งซือหลินนั้นเป็นองกรหนึ่งเจ้าต้องมองไปที่ผลลัพธ์มากกว่าความสัมพันธ์,ไม่ต้องนำความสัมพันธ์มาให้มีผลต่อการคิด,ขอเพียงไม่ส่งผลต่อภาพรวม,ถึงเจ้าจะทำอะไรลงไป,ลูกน้องของเจ้าก็ต้องทำตาม,บางครั้งเจ้าต้องแสดงอำนาจ,และลงมือสังหารเชือดไก่ให้ลิงดูหากบรรยากาศมันไม่ถูกต้อง.”
หยาซานที่พยักหน้ารับเอ่ยอย่างจริงจัง“วางใจได้พี่ใหญ่เหว่ย,ข้าเข้าใจแล้ว,พวกเหลือบไร,ข้าจะจัดการมันให้สิ้น.”
ซูเห่าเอ่ย“หยาซาน,ข้าต้องการให้เจ้าช่วยข้าจับสัตว์ประเภทต่าง ๆมาให้กับข้า,ข้าต้องการนำมาทดลอง.”
หยาซานที่จ้องมองสภาพแวดล้อมรอบ ๆ เอ่ยออกมาว่า“พี่ใหญ่เหว่ย,ที่นี่ไม่ค่อยใหญ่นัก,จะเปลี่ยนสถานที่ดีใหม? ข้าสามารถมอบพื้นที่ขนาดใหญ่ทางเหนือ,เพื่อให้ท่านอยู่ที่นั่น,ใช้เวลาก่อสร้างเพียงเดือนเดียวก็เสร็จแล้ว!”
ซูเห่าที่ครุ่นคิด,ปัจจุบันห้องทดลองมีขนาดเล็กเกินไปจริง ๆ,ไม่พอให้ทดลองขนาดใหญ่,ดังนั้นเขาจึงพยักหน้ารับ“เปลี่ยนสถานที่,พร้อมกับขยายฐานทดลองก็ดีเหมือนกัน.”
หยาซานเอ่ย“พี่ใหญ่มีข้อกำหนดของฐานใหม่หรือไม่?”
ซูเห่าเอ่ย“หลังจากนี้ข้าจะมอบพิมพ์เขียวให้เจ้า,เจ้าทำตามรายระเอียดที่ข้าเขียนเอาไว้,เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว.”
หยาซานเอ่ย,“รับทราบพี่ใหญ่เหว่ย!”
หลังจากนั้นสองสามวัน,ซูเห่าก็ได้รับสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่งมา,ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซูเห่าไม่เคยเห็นและได้ยินมาก่อน.
ซูเห่า,ที่เขาสู่การวิจัยทดลองอีกครั้ง.
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น,ซูเห่าก็ย้ายไปยังฐานทดลองใหม่.
พื้นที่แห่งนี้มีความกว้างขวางเป็นอย่างมาก,และยังเป็นคฤหาสน์ที่หรูหราอลังการมาก.
คฤหาสน์แห่งนี้เป็นเหมือนกับตำหนักป้อมปราการ,ทว่าซูเห่ากับใช้มันเป็นเพียงฐานทดลองเท่านั้น.
ฐานแห่งนี้ได้รับการออกแบบของซูเห่า,หยาซานได้ให้คนคุ้นเคยเข้ามาช่วยจัดการรายระเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ.
แน่นอนว่า,หยาซานและไท่นี่เองก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย,ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นความคิดของหยาซาน,ไม่ว่าเขาจะต้องยิ่งวุ่นวายกับแก๊งซือหลินอย่างไร,ก็ต้องดูแลอาหารสามมื้อให้กับพี่ใหญ่เหว่ยอย่างดี.
ความสำคัญพี่ใหญ่เหว่ยเป็นอันดับหนึ่ง,ไท่นี่บุตรสาวเป็นอันดับสอง,แก๊งซือหลินเป็นอันดับสาม,เป็นเช่นนี้โดยไม่เปลี่ยนแปลง.
ไท่นี่ที่เติบโตเป็นสาวงาม,ต่อหน้าลุงเหว่ย,เธอไม่ได้เอาแต่ใจไร้มารยาอีกต่อไป,แม้แต่กลายเป็นขี้อายอีกด้วย.
หลังจากซูเห่าย้ายมาฐานทดลองใหม่,ไท่นี่เองก็มารับหน้าที่เลี้ยงดูสัตว์ให้กับซูเห่าด้วย.
หลังจากได้รับการศึกษาอย่างดี,ไท่นี่กลายเป็นสตรีที่มากความรู้,คำพูดและนิสัยของเธอจึงแตกต่างจากสตรีจูเห่าเหรินคนอื่น ๆ มาก.
กล่าวได้ว่าเพราะการศึกษา เก็บเกี่ยวความรู้,แก่นของไท่นี่ย่อมเปลี่ยนไป,จากก่อนหน้านี้อยู่ในขอบเขตสันชาติญาณ,เปลี่ยนมาเป็นเขตแดนเหตุผลแล้ว.
เธอจะใช้ความคิดมากกว่าการใช้สันชาติญาณ ทำให้แตกต่างจากจูเห่าเหรินทั่วไป.
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง,ไท่นี่เรียนรู้ที่จะใช้สมองในการแก้ปัญหากว่าการใช้กำลังนั่นเอง.
ที่จริงจูเห่าเหรินทั่วไปนั้นก็ไม่ได้โง่,อย่างไรก็ตามเพราะยีนที่ทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง,ด้วยเหตุนี้สันชาติญาณของพวกเขาจึงมักจะเหนือกว่าเหตุผลเสมอ.
ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่มีความแตกต่างกันอยู่ ระหว่าง“เชาว์ปัญญา” และ “ภูมิปัญหา” อยู่.
อาจจะบอกได้ว่าทั้งสองเกี่ยวข้องกัน,แต่ก็แตกต่างกันเช่นกัน.
ในมุมมองของซูเห่า,เผ่าพันธุ์จูเห่าเหรินนั้น ถือว่ามีเชาว์ปัญหาที่ใช้ได้,ทว่ายังขาดภูมิปัญญาซึ่งเป็นอารยะธรรมที่สืบทอดส่งต่อกันมา.
......
สองเดือนถัดมา,หยาซานได้ส่งแมลงวงแหวนมาให้เขา,เห็นคราแรกซูเห่าที่คิดว่ามันเป็นด้วงกว่าง
ที่หน้าผากของมันนั้นมีกระดองที่ยื่นออกไปเหมือนกับวงแหวน,ซูเห่าที่เห็นก็คิดว่ามันเป็นแมลงที่มีแผ่นรูนของตัวเอง
แมลงที่ได้รับมานั้นทำให้ซูเห่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก,ทันใดนั้นเขาก็เก็บข้อมูลยีนและทำการจำแนกทันที.
หลังจากศึกษาไปได้ระยะหนึ่ง,เขาก็มาหยาซาน“เจ้าส่งคนไปหา,แมลงวงแหวนนี้หน่อย,ยิ่งได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี.”
หากไม่มีอุบัติเหตุอะไร,ซูเห่าพบว่า,วงแหวนด้านหน้าของมันนั้น,สามารถสร้างแผ่นรูนขึ้นมาได้จริง ๆ.
หยาซานไม่เคยเห็นพี่ใหญ่เหว่ยดีใจขนาดนี้,ทันใดนั้นเขาก็ไปยังสถานีแก๊งซือหลินที่ตึกจิวฉง,พร้อมกับออกคำสั่งทันที.
หยาซานที่รับคำสั่งมาจากซูเห่า,พร้อมกับสร้างแรงจูงใจ“พี่น้องทุกคน,แก๊งซือหลินทุกท่าน,สำหรับงานนี้กำหนดเวลาสามวัน,ใครจับได้หนึ่งร้อยตัวจะได้รับ,แผ่นรูนอักขระขั้นหนึ่งชิ้นหนึ่ง,จับได้ห้าร้อยตัว,จะได้รับแผ่นรูนอักขระขั้นสองหนึ่งชิ้น,และหากใครจับได้ 5000 ตัว,จะได้รับการวิวัฒนาการหนึ่งขั้น.”
การจูงใจของหยาซานนับว่าประสบความสำเร็จมาก.
ในเวลานั้น,สมาชิกของแก๊งซือหลินต่างก็ถูกระดมออกไปค้นหาเป้าหมายกันเป็นจำนวนมาก.
ในเวลาสามวันนี้,รอบ ๆ เมืองซือหลินในรัศมีร้อยลี้,แมลงวงแหวนแทบจะเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว.
เป็นภาพบรรยากาศที่โหดร้ายมาก!
ซูเห่าที่มีความสุขพึงพอใจเป็นอย่างมาก!