Chapter 159 3 years, Su Hao 16 years old
3年,苏浩16岁
ซูเห่าชอบที่จะอยู่คนเดียวเงียบ ๆ,ปล่อยเรื่องราวอื่น ๆ ทิ้งไป,เพื่อใช้สมองไปในเรื่องที่เขาต้องการ.
ไม่ต้องการใครมารบกวน.
จวบจนเคยชินที่อยู่จะอยู่เดียวไปแล้ว.
เขาไม่ได้ต้องการคนรัก,หรือคู่หู่ใด ๆ,ราวกับว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญ.
กับวันเวลาที่ผ่านไป,ไม่มีความจำเป็นต้องหาคนคอยพูดคุย,เพราะว่าเรื่องที่ยาก ๆ,เขาสามารถผ่านมันด้วยตัวเอง,นอกจากนี้คนที่จะเข้าใจความคิดของเขาได้แทบไม่มี.
เหมือนกับมีโปรแกรม QQ อยู่,แต่แทบไม่เคยส่งข้อความมาตลอดสิบปี,เรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ละวัน,แทบจะลบลืมสลายหายไปในกับสายลม.
เวลาเป็นสิ่งที่พิเศษมาก,สามารถทำสิ่งต่าง ๆได้มากมาย,ไม่ควรใส่ใจกับสิ่งที่ไร้ความหมาย.
แทบทุกสิ่งมีชีวิต,ล้วนแต่มีสิ่งสำคัญ! เรื่องราวในอดีตไม่มีความหมาย,เรื่องราวในอนาคตยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น,คนเราควรจะมีความสุขในปัจจุบัน.
ซูเห่าที่ดื่มดำกับการวิจัยทดลองเรื่องยีน,นี่คือความสุขของเขา.
เขาที่หลับตาครุ่นคิด,สมองที่หมุนวนอย่างรวดเร็ว,ค้นหาแรงบันดาลใจต่าง ๆ,กับสิ่งใหม่ที่ได้รับจากการทดลองยีน,ทำให้เขาตื่นเต้นกับมันทุกครั้งที่พบสิ่งใหม่ ๆ.
นี่คือเสนห์ของการมีชีวิต!
ใครจะกล้ามารบกวนเขาขณะกำลังมีความสุข,เขาสามารถที่จะทุบตีทุกคนที่กล้ามารบกวนความสุขนี้.
เห็นชัดเจนว่า,ยาซานแลไท่นี่เข้าใจเรื่องนี้ดี,ส่วนอาจารย์สอนพิเศษก็รู้มารยาทเป็นอย่างดี.
สิ่งเดียวที่พอจะมีเสียงกับซูเห่าได้,ก็คือหนูทดลองตัวน้อย.
ทุกครั้งที่เขานำมันขึ้นแท่นทดลอง,มันจะร้องกระวนกระวาย,ดิ้นรนขัดขืนอย่างหนัก.
......
วันเวลาที่ผ่านเลยไป,สามปีในเสี้ยวพริบตาเดียว,ซูเห่ามีอายุ 16 ปี.
ภายใต้ยีนของจูเห่าเหริน,เขามีความสูงเกินสองเมตร,และอยู่ในระดับความสูงเฉลี่ยของจูเห่าเหรินแล้ว.
หูทั้งสองข้างของเขา ที่เรียวและมีขนปุยนุ่มขึ้นสลวย,บ่งบอกได้ว่าร่างของจูเห่าเหรินเติบโตเต็มที,พร้อมที่จะมีลูกหลานเรียบร้อยแล้ว.
ซูเห่าที่สูงเพรียวและหล่อเหล่า,เขาออกไปเดินถนนเป็นครั้งคราวสองสามครั้ง,ได้รับการต้อนรับจากหญิงงามมากมายแม้แต่เผยยิ้มเอียงอายจับจ้องมองมายังเขา,ในเวลานี้หัวหน้าเหว่ยแห่งเมืองซือหลินได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเสน่ห์,หล่อเหล่าสง่างาม,เหล่าหญิงสาวจูเห่าเหรินมากมายที่พร้อมจะอุ่นเตียงให้กับเขาตลอดเวลา.
หญิงสาวจูเห่าเหรินที่เหมือนกับเอลฟ์งามดูมีเสน่ห์มาก,หากแต่หัวใจของซูเห่ากับด้านชา,ไม่สะเทือนแม้แต่น้อย.
ด้วยเหตุนี้,การออกจากบ้านแต่ละครั้ง,เขาจึงเรียนรู้ที่จะปกปิดตัวเอง.
ซูเห่าที่แทบจะจมจ่อมอยู่ในห้องทดลองอยู่ตลอดเวลา.
ความต้องการวัสดุอื่น ๆ ของเขาไม่ได้มากมายนัก,เพราะในโลกนี้ไม่ได้มีเครื่องมือที่เหมาะจะใช้สนับสนุนการทดลองของเขา,จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้วัสดุและอุปกรณ์จากภายนอก.
การทดลองส่วนใหญ่,ล้วนแต่เป็นการจำลองอยู่ในพื้นที่พินบอลของเขา.
เมื่อสามปีก่อนด้วยการกำจัดแก๊งเทียนซาไป,ทำให้ไม่มีใครมารบกวนเขาอีก,ตลอดสามปีมานี้เขาสามารถทุ่มเวลาในการทดลองได้อย่างสงบ.
ผลลัพธ์จากการทดลองนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก.
การทดลองเปลี่ยนยีนในหนูทดลองนั้นพัฒนาไปมาก,อันตราการตายของหนูลดลงไม่น้อย,ทำให้จำนวนหนูทดลองมีจำนวนมากขึ้น.
อย่างไรก็ตาม,หนูทดลองในกรงนั้นกับเต็มไปด้วยสายพันธ์ที่หลากหลายแตกต่างกันไป.
ด้วยได้รับของเหลวปรับแต่งยีนของซูเห่าไป,ทำให้พวกมันมีรูปร่างที่แปลกประหลาดมากมายเต็มไปหมด.
บางตัวมีเกล็ดล้อมรอบ,บางตัวก็มีหาง 8-9 หาง
นอกจากนี้ยังมีหนูอ้วนกลมที่มีปีกอีกด้วย.
หนูบางตัวที่มีขนยาวมาก,บางตัวมีหกขา,บางตัวสามารถยืนสองข้าได้ตลอด,บางตัวมีเหงือกเหมือนปลา,บางตัวมีกระดองด้านหลัง,บางตัวที่มีเส้นไหมพันรอบตัว,บางตัวมีกล้ามเนื้อยังกับนักกล้าม,บางตัวก็มีขนาดใหญ่มาก,บางตัวก็มีดวงตาหลากสี,กระทั่งหนูที่แผ่ไอพิษออกมาก็มี....
กล่าวได้ว่าหนูเหล่านี้เป็นสายพันธ์ที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน,มันเกิดขึ้นจากการทดลอง,สถานที่แห่งนี้ราวกับกลายเป็นอาณาจักรของหนูไปแล้ว.
หนูเหล่านี้คือหนูที่ประสบความสำเร็จในการทดลองนั่นเอง.
ซูเห่าได้ทำการถอดรหัสยีนพื้นฐานสมบูรณ์แล้ว,นอกจากนี้ยังได้ทำการแยกแยะอย่างระมัดระวัง,บางส่วนสามารถนำมาใช้งานได้จริง.
ด้วยระบบถอดรหัสจำลองยีน,ใกล้จะสมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อย ๆ,ทำให้การทดลองแปลงยีนของหนูทดลองมีความสำเร็จสูงขึ้น,จวบจนถึงตอนนี้,โอกาสรอดของหนูทดลองมีถึง 90 %
ทว่าหนูทดลองที่ตาย,ส่วนมากแล้วเป็นเพราะไม่มีพลังงานสนับสนุนพอที่จะวิวัฒนาการ,ทำให้พวกมันตกตายไปนั่นเอง.
จากผลการทดลองทั้งหมด,ซูเห่าสามารถปรับแต่งยีน,สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ กลายพันธ์ได้ตามที่เขาต้องการ,กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ที่มีรูปลักษณ์ต่าง ๆ ตามที่เขาปรารถนา.
เอลฟ์,มนุษย์หัวสุนัข,ครึ่งมนุษย์,มนุษย์หัวมังกร,อสูร,ราชาอสูร,มนุษย์หมาป่า,ขอเพียงได้ตัวอย่างทดลองมา,เขาสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้อย่างง่ายดาย.
แม้นว่าไม่อาจรับประกันได้เต็มร้อยเปอเซ็นว่าจะปรับแต่งให้ได้รูปร่างตามที่ต้องการ,ทว่าความสามารถบางอย่างจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ,ย่อมสามารถจำลองขึ้นมาได้อย่างแน่นอน.
นอกจากนี้,การปรับแต่งยังง่ายดายมาก,เพียงแค่ปรับปรุงยีน,พร้อมกับออกแบบรูนอักขระใส่ลงไปในร่างกายโดยตรง,จากนั้นก็ปรับแต่งพลังงานโลหิต,และกำเนิดพลังดังกล่าวขึ้นมา.
อย่างไรก็ตาม,ตลอดสามปีมานี้,แม้นว่าเขาจะเข้าใจเกี่ยวกับของเหลวปรับแต่งยีน,ทว่าก็ยังไม่สามารถเข้าใจชิ้นส่วนยีนที่มีทั้งหมด.
เพราะจากการทดลองวิจัย,ได้ข้อมูลเพียงส่วนหน้าเท่านั้น,ยังไม่อาจเข้าใจส่วนลึกของยีนรวมทั้งการแสดงออกของยีนหลังจากปรับแต่ง.
เปรียบเทียบหนูสองตัวที่มียีนเหมือนกัน,ทว่าการปรับแต่งยีนผลที่ได้สุดท้ายแล้วก็ยังแตกต่างกันไป.
ยีนที่เหมือนกัน,มีการแสดงออกของยีนที่แตกต่างกัน,ตัวอย่าง หนูแต่ละตัวที่มียีนควบคุมสีมากมายหลากหลายถูกลงรหัสเป็น1,2,3....10 บางครั้งก็แสดงออกยีนรหัสที่ 1 หรืออาจจะแสดงยีนที่ 2,ซึ่งทำให้มีเส้นยีนแตกต่างกันออกไป.
ดังนั้น,ต้องการการแสดงออกของยีนที่แม่นยำ,ไม่ใช่เรื่องง่าย,และการปรับแต่งที่ผิดเพี้ยนเล็กน้อย,ยังนำมาซึ่งการแสดงออกที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก.
ด้วยเหตุนี้ซูเห่าจึงได้พยายามที่จะควบคุมการแสดงออกของยีนในรูปแบบต่าง ๆ.
ในขั้นตอนนี้เขาพบเส้นการแสดงออกของยีน,มันมีกฎบางอย่างที่ควบคุมอยู่,เขาเรียกว่า,เส้นควบคุมโปรตีน,ซึ่งเส้นควบคุมโปรตีนนั้นมันมีความลึกล้ำที่จำเป็นต้องศึกษาต่อไป.
นอกจากนี้,ซูเห่าได้แจกแจงควบคุมชิ้นส่วนของยีนมาตลอดสามปี,และทดลองในหนูจนประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว.
ชิ้นส่วนของยีนที่ลึกลับนี้,ดูเหมือนว่าในแต่ละสายพันธ์นั้นจะไม่มีความแตกต่างกัน.
ยกตัวอย่างยีนที่แสดงออกของเดือยหนามในอสูรหนามทะลวง,ที่แสดงออกในหนูตัวน้อย,ร่างกายของมันจะถูกปกคลุมด้วยหนาม,สามารถใช้โจมตีได้เหมือนกับมนุษย์กลายพันธ์.
กุญแจสำคัญของการแสดงออกของยีนนั้น,แท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับโลหิตและพลังงาน,ที่สนับสนุนการวิวัฒนาการของหนูทดลอง.
เริ่มต้นการทดลองของเขาที่พบแต่ความล้มเหลว,ทว่าเมื่อซูเห่าปลูกยีนที่เพิ่มความแข็งแกร่งเพิ่มพลังงานเข้าไป,ผลการทดลองเวลาต่อมาก็ประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง.
สรุปแล้ว,การวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต,ประกอบด้วยเงื่อนไขสองอย่าง,หนึ่งคือชิ้นส่วนที่ผิดปรกติของยีน,และอีกข้อก็คือพลังงานโลหิตที่สนับสนุนชิ้นส่วนของยีน.
ในเวลานี้ซูเห่ามั่นใจเป็นอย่างมาก,ที่จะทำให้ร่างกายของจูเห่าเหรินแข็งแกร่งขึ้น,สามารถวิวัฒนาการเป็นขั้นหนึ่ง,หลังจากปรับสภาพร่างกายเสร็จ,ก็วิวัฒนาการเป็นขั้นสอง,ไปจนถึงขั้นสี่ได้เลย!
หากว่ามียีนของมนุษย์กลายพันธ์ขั้นห้า,เขาก็สามารถปรับปรุงยีนได้โดยตรง,จนกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ขั้นห้าได้เช่นกัน!
น่าเสียดาย,แม้นว่าจะมีข้อมูลของมนุษย์กลายพันธ์ขั้นห้า,ทว่าข้อมูลก็ยังน้อยอยู่,ไม่อาจปรับแต่งได้ง่าย ๆ.
อย่างไรก็ตาม,เพียงเท่านี้ซูเห่าก็รู้สึกพึงพอใจแล้ว.
ใครจะคิดล่ะว่าในเวลานี้,ไม่จำเป็นต้องกินเนื้อ,ก็สามารถวิวัฒนาการได้แล้ว?
ซูเห่าที่เปิดประตูห้องทดลองออกมา,ก้าวออกไป.
“จากนี้,ข้าต้องหาอาสาสมัคร,ทดลองเป็นขั้นสุดท้าย,ทดลองในมนุษย์แล้ว!”