Chapter 157 The birth of king of round mouse
圆鼠之王的诞生
สองวันหลังจากนั้น,หยาซานที่กำลังอ่านรายงาน ดูยุ่งวุ่นวายไม่น้อย,ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นข้าง ๆ ในทันที“เฮ้! หยาซาน,หยาซาน! เจ้าได้ยินหรือไม่?”
หยาซานที่ผวาไปเหมือนกัน,เสียงนี้คล้ายกับเสียงพี่ใหญ่เหว่ยเล็กน้อย,ทว่าก็ไม่แน่ใจ,สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาด.
หยาซานที่จ้องมองไปรอบ ๆ แต่กับไม่เห็นร่างของพี่ใหญ่เหว่ยเลย
หยาซานเอ่ยด้วยความสงสัย“พี่ใหญ่เหว่ย?”
บนพื้นด้านหน้านั้นเสียงของพี่ใหญ่เหว่ยก็ดังขึ้นอีก“หยาซานเจ้าได้ยินใหม,ตอบดัง ๆ.”
หยาซานเอ่ยออกมาทันที“ได้ยินแล้วพี่ใหญ่เหว่ย!”
เขาที่ขยับเก้าอี้ออก,จ้องมองลงไป,พบว่ามีโลหะขนาดเท่าฝ่ามืออยู่ด้านล่าง,ทำให้เขาสงสัย,ไม่ใช่ว่าดังออกมาจากโลหะนี้หรอกรึ? นี่คือทักษะโลหะกลืนกินของพี่ใหญ่เหว่ยอย่างงั้นรึ?
ในเวลานั้น,หยาซานได้ยินเสียงของพี่ใหญ่เหว่ยชัดเจนจากโลหะดังกล่าว“ได้ยินใหม? ดูเหมือนว่าการพูดจะสำเร็จแล้ว!”
หยาซานที่เต็มไปด้วยความตกใจ,โลหะกลืนกินมีความสามารถนี้ด้วยรึ? ทำไมเขาไม่มี,เขาเอ่ยเสียงดัง“พี่ใหญ่เหว่ย,นี่คืออะไร?”
เสียงของซูเห่าที่ดังขึ้นอีก“นี่คือโทรศัพท์,เป็นสิ่งของที่สามารถใช้พูดสื่อสารในระยะไกล,หลังจากนี้จะพูดกับใครก็ไม่ต้องอยู่ใกล้กันก็ได้”
หยาซานที่เผยความงงงวย“โทรศัพท์? พี่ใหญ่เหว่ยตอนนี้ท่านอยู่ที่ใหน?”
“ข้าอยู่ในห้องทดลอง! อย่าได้ถามเลย,รายระเอียดพูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ,นอกจากนี้ ไม่จำเป็นต้องคิด,ทักษะโลหะกลืนกินของเจ้าไม่อาจทำสำเร็จได้.”
หยาซานยกมือขึ้นเกาศีรษะ,เอ่ยอย่างเศร้าใจ“เรื่องนี้?”
เป็นราชาเกราะเหล็กเหมือนกัน,ทำไม ๆ ถึงได้ต่างกันขนาดนี้.
เสียงของซูเห่าที่ยังคงดังต่อ”หยาซาน,ข้ามีเรื่องต้องการบอกเจ้าสองข้อ,จำไว้ให้ดี.
อย่างแรก,ข้าได้นำเนื้อกลับมาจากเมืองหลินหยวน,ตอนนี้อยู่ในห้องทดลอง,เจ้าจะต้องไปจัดการบริหารมอบให้กับคนของแก๊งซือหลินที่ทำผลงานได้ดีตลอดปี,เป็นไปตามกำหนดแนวคิดของเมืองซือหลิน,คนที่ทำได้ดีควรจะได้รับรางวัลดังกล่าวเพื่อวิวัฒนาการต่อไป.
อย่างที่สอง,หากเจ้าต้องการให้เมืองซือหลินพัฒนาไปมากกว่านี้ เจ้าจำเป็นต้องเริ่มพัฒนาความแข็งแกร่งของแก๊งซือหลินด้วย,สร้างกฎเกณฑ์มอบรางวัลและการลงโทษ,สร้างกรอบแนวทางของแก๊งขึ้นมา,และรับคนใหม่ ๆ เข้ามาแล้วเผยแพร่ความคิดของเจ้าออกไป.
จำได้ใหม?”
หยาซานที่เขียนมันลงกระดาษ,เป็นลายมือบิด ๆ เบี้ยว ๆ,พร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงดัง“พี่ใหญ่เหว่ย,ท่านพูดช้า ๆได้ใหม,ข้าเขียนไม่ทัน....”
หลังจากที่หยาซานติดตามซูเห่ามาระยะหนึ่ง,เขาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะเขียนข้อความต่าง ๆเอาไว้บนสมุดบันทึก,ไม่เช่นนั้นแล้วเขาอาจจะลืมมันได้,ซึ่งสิ่งที่เขาจดไว้เขาก็จะนำมันไปเผยแพร่และทดสอบกับสมาชิกคนอื่น ๆ ต่อไป.
สำหรับนักเรียนที่ไม่เก่ง,การจดเอาไว้ในสมุดบันทึกก็เพื่อป้องกันการลืมนั่นเอง.
ผลลัพธ์ของมันนับว่าใช้ได้ดีมาก.
หลังจากนั้นหยาซานได้เอ่ยสอบถามออกมาว่า“พี่ใหญ่เหว่ย,แล้วกรอบแนวทางคืออะไร?”
ซูเห่าที่ส่งเสียงออกมาว่า”เจ้าไม่ต้องรีบร้อน,ก่อนอื่นต้องจัดการไปทีละขั้น,เริ่มแรกเจ้าไปพบกับสมาชิกแก๊งซือหลินพูดคุยเป็นการส่วนตัว,เล่าถึงปัญหา,อธิบายให้พวกเขาเข้าใจความหมายที่แท้จริงของสิ่งที่แก๊งซือหลินต้องการ จากนั้นก็สอบถามเกี่ยวกับแนวคิดและเป้าหมายชีวิตของพวกเขา,และสุดท้ายก็เอ่ยสอบถามว่าพวกเขาว่าชอบเมืองซือหลินที่เป็นอยู่ตลอดนี้หรือไม่?
สามสิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องกัน,มันเกี่ยวกับการสร้างแนวคิดกรอบเป้าหมายสร้างทิศทางในการพัฒนาในอนาคตของเมืองซือหลิน,เจ้าต้องใช้เวลา,หากแต่ไม่ต้องกังวล,ใช้เวลาทำความเข้าใจหนึ่งปี,หรือจนกว่าจะเข้าใจ,เข้าใจใหม?”
หยาซานไม่กล้าเอ่ยว่าเข้าใจ,จึงตอบแบบกลางกลาง“ข้าจำได้แล้วพี่ใหญ่เหว่ย!”
ซูเห่าเอ่ยออกมาว่า”เช่นนั้นอย่างแรก,เจ้าต้องไปพูดคุยกับพวกเขาปรับปรุงโครงสร้างขององค์กรก่อน.
จากนั้นก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนมันให้เป็นองค์กรที่เจ้าต้องการ.
ผ่านไปไม่นาน,หยาซานที่ยกมือขึ้นมาเกาศีรษะไปมา,อ่านเนื้อความที่จดไว้ด้วยความงุนงง,ยิ่งอ่านยิ่งลึกล้ำ,ขณะเขาเอ่ยพึมพำ“ควรค่าเป็นพี่ใหญ่เหว่ย,สามารถพูดออกมาได้ง่าย ๆ สบาย ๆ,เหนือสำนึกคิดของข้าไปมาก,ยิ่งเรียนมากก็ยิ่งรู้มากจริง ๆ,เห็นทีต้องให้ไท่นี่เรียนรู้ให้มากแล้ว,จะได้ฉลาด.....”
......
ซูเห่าได้ทดสอบโทรศัพท์ของเขาสำเร็จ,ขอเพียงใช้เขตแดนเลือดเนื้อกลืนกิน,เขาก็สามารถส่งเสียงไปได้ทุกแห่งในอาณาเขตของเขา,สามารถติดต่อกับฝ่ายตรงข้ามในระดับกลางได้,ไม่จำเป็นให้เขาต้องก้าวออกจากเมืองซือหลินแม้แต่ครึ่งก้าว,เขาสามารถส่งเสียงไปทั่วทุกตรอกซอกซอยทั่วเมืองซือหลินได้.
ใช่แล้ว,ซูเห่าได้ทดสอบ,เปลี่ยนโลหะมาเป็นระยะเวลานานแล้ว,กล่าวได้ว่ามีโลหะที่เขาเชื่อมต่อได้ทั่วเมืองซือหลินแล้วในเวลานี้.
เขาไม่ได้ทดลองส่งเสียงเต็มกำลังปกคลุมไปทั้งเมือง,เพราะเกรงว่าผู้คนทั่วไปจะรู้สึกหวาดกลัว.
อย่างไรก็ตามเขาได้ประเมิณเอาไว้แล้ว,พลังควบคุมของเขาที่ทำได้อย่างน้อยก็สามารถปกคลุมเมืองซือหลินได้มากกว่าครึ่งแล้ว.
กล่าวได้ว่าเขาได้กลายเป็นตัวตนที่น่าเกรงขามมาก.
อย่างไรก็ตามซูเห่าไม่ได้สนใจที่จะแสดงพลังของเขาต่อโลกภายนอกแต่อย่างใด.
หลังจากจัดแจงปัญหาทุกอย่าง,ซูเห่าก็กลับมาวิจัยยีนของเขาต่อไป,เริ่มทดลองกับหนูทดลองตัวน้อย.
การวิจัยยีน,ได้มาถึงจุดเปลี่ยนถ่ายแล้ว,ขอเพียงสามารถพัฒนาไปได้อีกขั้น,เขาก็จะสามารถกุมความสามารถในการปรับปรุงยีนที่แท้จริงได้.
ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงทดลอง,กำลังค้นหาวิธีที่จะให้หนูทดลองรอดชีวิตหลังจากผ่านการปรับเปลี่ยนยีน,ซูเห่าได้ทดลองและเก็บข้อมูลที่มีประโยชน์สะสมกันทีละเล็กทีละน้อยในแต่ละวัน.
เกี่ยวกับประเด็นนี้เขาได้พบกับแนวทางที่ชัดเจนก่อนที่จะไปเมืองหลินหยวนซะอีก.
เขาได้สร้างระบบถอดรหัสจำลองยีนขึ้นมา,ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมาก.
ทว่าระบบนี้,ยังจำเป็นต้องมีข้อมูลสนับสนุนอีกมาก.
หนูทดลองจึงเป็นแหล่งในการเก็บของมูลที่ดีที่สุด,เขาให้ไท่นี่เลี้ยงดูพวกมันอย่างระมัดระวัง.
หนูตัวน้อยช่างเกิดมาเป็นเป็นตัวตนที่สูงส่ง เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อวิทยาศาสตร์
พวกมันกระวนกระวายหวีดร้องทุกครั้ง,เมื่อซูเห่านำพวกมันไป.
ส่วนซูเห่านั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก,ที่เห็นพวกมันดูมีชีวิตชีวา,ซึ่งหมายความว่าพวกมันมีโอกาสมีชีวิตรอดที่สูงขึ้นนั่นเอง.
ทุกครั้งที่ได้ทดสอบด้วยของเหลวปรับปรุงยีนมากขึ้นเท่าไหร่,ความชำนาญของเขาก็มากขึ้นเรื่อย ๆ,น้ำยาปรับปรุงยีนมีเพียงพอใช้ทดลองกับหนูวันละสามตัวได้เลย.
ประสิทธิภาพของการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก.
สองเดือนหลังจากนั้น,หนูทดลองตกตายไปเกือบหมด,แต่แล้วก็บังเกิดฮีโร่ขึ้นในหมู่หนูทดลอง.
มีหนึ่งตัวที่รอดชีวิตมาได้.
เพราะการรอดชีวิตของมัน,ทำให้ซูเห่าพบกุญแจสำคัญในการมีชีวิตรอดหลังจากปรับเปลี่ยนยีนด้วย,ระบบถอดรหัสจำลองยีน.”
คาดว่า,ในอนาคต หนูน้อยที่ผ่านการปรับปรุงยีน,จะมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น จำนวนมากกว่าเดิม.
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง,หนูทดลองตัวน้อยฮีโร่ตัวล่าสุด,เป็นส่วนช่วยเหลือให้หนูทดลองตัวอื่น ๆ วันข้างหน้ามีชีวิตรอดมากขึ้นนั่นเอง,สามารถเรียกมันได้ว่าเป็นราชาหนูได้เลย.
หนูตัวน้อยที่ผ่านการปรับปรุงยีน,ร่างกายของมันถูกปกคลุมด้วยเกล็ดจำนวนมาก,ดูไม่ต่างจากตัวลิ้น,รูปร่างของมันดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก.
ในเวลานี้มันกำลังนอนหายใจหอบ ๆ บนแท่นทดลอง,ดวงตาทั้งสองข้างที่ดูว่างเปล่า.
อย่างไรก็ตาม,ซูเห่ารู้ดี,ขอเพียงให้อาหารแก่มันเพียงพอ,พลังชีวิตของมันก็จะฟื้นฟูกลับมาเป็นปรกติ,ทว่าไม่รู้ว่าอายุขัยของมันจะเป็นอย่างไร.
ซูเห่าที่ยกหนูทดลองหุ้มเกราะขึ้นมา,ก่อนไปหาไท่นี่,เอ่ยออกมาว่า“ไท่นี,ข้ามอบหนูพิเศษให้กับเจ้า,เจ้าจะต้องชอบอย่างแน่นอน.”
ไท่นี่ที่รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก,เพราะหนูที่เธอเลี้ยงตกตายไปเกือบหมด,ทว่าขณะกำลังเศร้าอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงลุงเหว่ยที่ก้าวเข้ามาแล้วส่งหนูตัวหนึ่งที่แปลกประหลาดให้กับเธอ.
ลุงเหว่ยไม่ถามเลยว่าเธอต้องการมันหรือไม่,แต่กับส่งมันมาให้กับเธอแล้ว.
เธอชงักจ้องมองชั่วขณะเอ่ยออกมาว่า“ลุงเหว่ย,แน่ใจนะว่าเจ้าตัวขี้เหร่นี้,เป็นหนู?”
ซูเห่าพยักหน้า“แน่นอน,ข้าจะมอบหน้าที่ดูแลมันให้กับเจ้า,แล้วข้าจะมอบการ์ดกระดูกให้กับเจ้าเป็นรางวัล!”
ไท่นี่ที่ดวงตาเป็นประกาย“จริง ๆ รึ?”