Chapter 149 Invited Vega to enter 4 king Bang?
邀请维加入4王帮?
เหตุผลที่ซูเห่าเผยยิ้ม,เพราะเขาได้พบกับจิงซีที่ทรงพลังสองจุด,คาดว่าเป็นขั้นหกของมนุษย์กลายพันธ์ที่โรสเอ่ยถึง.
ทว่าขั้นหกมนุษย์กลายพันธ์ความหนาแน่นจิงซียังน้อยกว่าเขามาก.
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง,ขั้นหกของมนุษย์กลายพันธ์หรือขั้นเจ็ด,ไม่ควรจะทรงพลังมากมายเกินความคิดของซูเห่าแต่อย่างใด.
บางทีพวกเขาอาจจะมีความสามารถพิเศษบางอย่างที่ทำให้มนุษย์กลายพันธ์ขั้นหกนั้นสามารถยืนอยู่เหนือขั้นห้าได้เท่านั้น.
ตามความเห็นของซูเห่า,คนเหล่านี้ไม่ได้ไร้เทียมทาน.
เมื่อกำหนดเป้าหมายได้แล้ว,เพียงแค่กระสุนหนึ่งลูก,ก็สามารถจัดการปัญหาทุกอย่างได้แล้ว.
ซูเห่าที่หันหน้าไปถามโรสอีกครั้ง“เจ้ามั่นใจนะว่ามีขั้นหกสามคนในเมืองหลินหยวน?”
โรสพยักหน้ารับ“แน่นอน,มีแก๊งเทียนซา【จักรพรรดิสวรรค์】แสตน,แก๊งจี๋เล่อ 【จักรพรรดิจี】คานะ,แก๊งต้นกำเนิด【จักรพรรดิต้นกำเนิด】หยวน.”
ซูเห่าที่ตรวจสอบอีกครั้ง,ทว่ากับพบจิงซีที่ทรงพลังขั้นหกเพียงสองคน,แม้นว่าคนอื่น ๆ จะมีจิงซีหนาแน่นอยู่ในระดับสูงเช่นกัน,ทว่าก็ยังไม่ถึงขั้นหกแต่อย่างใด.
แล้วขั้นหกอีกคนอยู่ใหนกัน?
ซูเห่าที่สอบถามย้ำอีกครั้ง“เจ้ามั่นใจนะว่าไม่ได้มีแค่สอง?”
โรสพยักหน้ารับ”มีสาม,เรื่องนี้ทุกคนต่างก็รู้ดี,ในเมืองหลินหยวนมีสี่แก๊งใหญ่,ได้แก่แก๊งเทียนซาของจักรพรรดิสวรรค์,แก๊งจี๋เล่อของจักรพรรดิหมอก,แก๊งสี่ราชาที่มีมนุษย์กลายพันธ์ขั้นห้าสี่คนร่วมมือกัน,และแก๊งต้นกำเนิดของจักรพรรดิต้นกำเนิด.
โรสที่เอ่ยเพิ่ม“ทว่าจักรพรรดิต้นกำเนิด,ไม่เคยเอ่ยอ้างว่าตัวเองเป็นแก๊งแต่อย่างใด,เป็นคนอื่นที่มอบชื่อให้กับเขา,เขาเป็นคนที่ลึกลับเป็นอย่างมาก,เป็นเหมือนกับเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง,ผู้คนส่วนมากไม่เคยเห็นเขา,ทว่าทุกคนต่างก็มั่นใจว่าเขามีตัวตนอยู่จริง ๆ.”
ซูเห่าเอ่ยถาม“เจ้ารู้หรือไม่ว่าจักรพรรดิต้นกำเนิดมีทักษะอะไร?”
โรสที่เผยท่าทางอักอ่วน“ความสามารถขั้นห้าของลำดับข้ายังไม่รู้เลย,จะไปรู้ขั้นหกของคนอื่นได้อย่างไร,ข้ารู้เพียงว่าจักรพรรดิต้นกำเนิดนั้นเป็นขั้นหกของมนุษย์เลียนแบบ,หัวหน้าสามของแก๊งเทียนซา ราชาวิปลาสโหลวหว่านได้ค้นหาจักรพรรดิต้นกำเนิดมาห้าปีแล้ว,แต่ไม่เคยพบเขาเลย.”
ซูเห่าสูดหายใจลึก,เอ่ยกับหยาซาน“หยาซาน,พวกเราเข้าไปดูในเมืองก่อน,หาสถานที่พักอาบน้ำพักผ่อนเถอะ.”
หยาซานเอ่ย“รับทราบพี่ใหญ่เหว่ย!”
ปิศาจเงาโรสดวงตาเบิกกว้าง“ข้าล่ะ?”
ซูเห่าเอ่ย“เจ้ารออยู่ที่นี่!”
โรสเผยใบหน้ายิ้มแย้ม,เอ่ยอย่างลังเล“พี่ใหญ่ทั้งสองไม่กลัวข้าหนีรึ?”
ซูเห่าที่จ้องมองหยาซาน,หยาซานเอ่ยออกมาว่า“โรส,เจ้าสามารถพักผ่อนให้สบายได้เลย,เจ้าไม่มีทางหนีไปใหนพ้น.”
โรสเผยยิ้มอย่างอักอ่วน“ได้ติดตามพี่ใหญ่ทั้งสอง,โรสรู้สึกเป็นเกียรติมาก,โรสจะคิดหนีได้อย่างไร? ถึงจะหนีจากที่นี่,ก็ต้องกลับไปเมืองซือหลินอยู่ดี! ผู้คนในเมืองซือหลิน,ข้าชอบเป็นอย่างมาก.”
ซูเห่าไม่สนใจโรสอีก,เขานำหยาซานเข้าไปในเมืองหลินหยวน.
โรสที่อยู่กับที่,เต็มไปด้วยความสงสัย,ไม่อาจหนีได้อย่างงั้นรึ?
เธอต้องการหนีเช่นกัน,ทว่าก็ไม่กล้า,ประสบการณ์ก่อนหน้านี้บอกเธอ,พี่ใหญ่ทั้งสองไม่หลอกลวง,พวกเขามีวิธีที่ในระบุตำแหน่งของเธอ,ทำให้เธอไม่อาจหนีไปใหนได้.
หลังจากนั้น,โรสก็เลิกล้ำความคิดดังกล่าว“หนีทำไมล่ะ? อยู่ที่นั่นก็ถือว่าเป็นโชคใหญ่แล้ว,ทำไมต้องหนี? โรส,นังโรส,เจ้าควรรู้จักพอใจ!”
......
ในเวลานี้ผู้คนที่เข้าออกเมืองหลินหยวนมีเป็นจำนวนมาก,ซูเห่าและหยาซานได้แฝงตัวเข้าไปในฝูงชน,เข้าไปในเมืองใหญ่ช้า ๆ.
เมืองหลินหยวนผู้คนมากมายคับคั่ง,สิ่งก่อสร้างเรียงราย,ผู้คนแต่งตัวดี,บุรุษสวมชุดสะอาดสะอ้าน,สตรีสวมชุดที่งดงามน่ามอง,บางทีประชากรจูเห่าเหรินที่เพิ่มขึ้นเร็วก็เพราะเหตุนี้,เพราะว่าสตรีจูเห่าเหรินนั้นงดงามทรงเสน่ห์มากนั่นเอง.
ผู้คนในเมืองหลินหยวนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น,ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ,ไม่มีใครเผยความไม่พอใจบนใบหน้าออกมาเลย.
หยาซานที่จ้องมองผู้คน,อดไม่ได้ต้องเอ่ยถามออกมา“พี่ใหญ่เหว่ย,ผู้คนที่นี่...สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่อธิบายไม่ได้.”
ซูเห่าที่จ้องมองไปรอบ ๆ,เปรียบเทียนจิงซีบนเรดาร์ของผู้คนที่สัญจรไปมา,ซึ่งมีมนุษย์กลายพันธ์ขั้นสี่อยู่หลายคน,หลายคนที่รู้จักกันบางคนก็ไม่รู้จักกัน.
เขาได้ยินคำพูดของหยาซาน,เขาก็เผยยิ้มออกมา“เจ้าคิดว่าคนที่นี่เต็มไปด้วยความพอใจในความสุขที่มีอย่างงั้นรึ? รู้สึกว่ามันแตกต่างกับคนในเมืองซือหลินใช่หรือไม่?”
หยาซานพยักหน้าเอ่ยออกมาว่า“ใช่,ข้ารู้สึกสงสัยสับสนเป็นอย่างมาก.”
ซูเห่าส่ายหน้าไปมา“ไปเถอะ!ข้าไม่อาจอธิบายให้เจ้าเข้าใจในตอนนี้,เดินต่อไป,มองดูด้วยตาตัวเอง,แล้วเจ้าจะค่อย ๆ เข้าใจ,บอกได้อย่างเดียว,ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะมีความสุขโดยไม่มีเหตุผล,ไม่มีความพึงพอใจใดที่ไม่มีต้นเหตุ,เบื้องหลังของความสุขนั้นย่อมต้องมีที่มาที่ไป เช่นเมืองซือหลินมีสมาชิกของแก๊งซือหลินที่ทำหน้าที่ปกครองชีวิตความเป็นอยู่ของคนธรรมดา,ทำให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบได้.”
หยาซานที่สูดหายใจลึก,ก้าวตามซูเห่าหายไปในกระแสผู้คน.
เมืองหลินหยวนนั้นแตกต่างจากเมืองซือหลินมาก,ทุกอย่างมีระดับสูงกว่ามาก,ซูเห่าได้ตะเวนไปทั่ว,พบว่าทุกอย่างล้วนแต่เหนือกว่าเมืองซือหลินทั้งหมด,จนทำให้หยาซานหดหู่,ไม่มีส่วนใหนเลยที่เมืองซือหลินจะเหนือกว่าเมืองหลินหยวนได้.
ผู้คนที่นี่ล้วนแต่ร่ำรวยมากกว่าผู้คนในเมืองซือหลินมาก!
เขาเห็นความเจริญรุ่งเรือง,ผู้คนที่พลุกพล่าน,ความเร่งรีบเสียงดังจอแจ,สร้างความตื่นตะลึงให้กับหยาซานเป็นอย่างมาก.
เขาติดตามซูเห่ามาด้านหลัง,เฝ้ามองทุกอย่าง อย่างระมัดระวังและระเอียด.
เพราะเขาต้องการรับรู้ถึงความแตกต่างให้ชัดเจน.
ไม่ต้องเอ่ยถึงสตรีของเมืองนี้ที่สวมชุดผ้าไหมหลากสีแทบทุกคน,บ้านเรือนที่เป็นระเบียบเรียบร้อย,ถนนทุกสายถูกปูด้วยหินถ่าน,ดูสะอาดเป็นอย่างมาก,ระหว่างทางยังมีการปลูกต้นไม้และดอกไม้,ประตูทางเข้าร้านค้าเปิดกว้างมีผู้คนยืนรอคอยต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น.
ภาพบรรยากาศเช่นนี้,ไม่เคยเห็นในเมืองซือหลินเลย.
เรื่องนี้ทำให้หยาซานรู้สึกลังเล,ตกลงเมืองซือหลินมีความสุขหรือไม่,ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการจริง ๆ ใหม?
ซูเห่าที่ซื้ออาหารร้อนถุงใหญ่ก่อนที่จะเดินหายไปที่มุม.
หยาซานที่ได้สติ จากนั้นก็ก้าวตามพี่ใหญ่เหว่ยไป,เข้าไปในซอยที่แคบ,ดูสกปรก,เป็นเส้นทางที่มีมานานแล้ว,ที่นี่มีเด็กเล็กหลายคนที่ดูสกปรกน่าสงสารเป็นอย่างมาก.
ดวงตาของเด็กเหล่านี้เป็นประกาย,ไม่มีแววตาขุ่นเคืองไม่พอใจใด ๆ,ราวกับว่าเรื่องราวที่พวกเขาได้พบเป็นเรื่องปรกติ,พวกเขาเฉยชาต่อสภาพแวดล้อมทั้งปวงมีชีวิตเพียงเพื่อเอาชีวิตให้รอดเท่านั้น..
ซูเห่าได้ส่งอาหารในมือแจกจ่ายให้กับพวกเขา,อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ ออกมา.
สิบปีก่อน,เมื่อเขากลับชาติได้สติกลับมา,เขาก็มีสภาพไม่ต่างจากคนเหล่านี้,เขาจำเป็นต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในเมืองที่ไม่แยแสผู้คน,ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ.
ในเวลานั้นเขามีจิตใจที่แข็งแกร่ง,และมีเส้นทางที่แน่นอนที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง,ทว่าเด็กที่ถูกทอดทิ้งเหล่านี้ ไม่มีสิ่งใดเลย,พวกเขาเพียงหวังว่าจะมีคนใจดีสักคนสองคนมอบอาหารเหลือให้กับพวกเขา,ให้พวกเขามีชีวิตรอดได้ ไปวัน ๆ เท่านั้น.
การที่พวกเขาจะเติบโตขึ้นมาได้สำเร็จ,เกรงว่าจะต้องมีโชคที่ธรรมดาอย่างแน่นอน.
“เฮ้! เจ้าหนุ่ม! ข้าชื่อว่าไกลี่,เจ้าชื่ออะไร?”
ในเวลานั้นเสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมา.
ซูเห่าที่หันหน้ากลับไปมองต้นเสียง,กำลังพูดกับข้าอยู่รึ?
ชายหนุ่มที่สูงโปร่ง,ไว้ผมทรงพังก์,รูปร่างหน้าตาดี,เผยยิ้มที่เป็นกันเองออกมา,ดวงตาที่จ้องมองซูเห่าด้วยท่าทางยินดี.
แม้นว่าคนด้านหน้าจะเป็นเพียงผู้เยาวที่ตัวโต,ทว่าซูเห่ารู้ดีไม่ได้เป็นเช่นนั้น,จากสัมผัสเรดาร์,นี่คือมนุษย์กลายพันธ์ขั้นห้าที่มีความหนาแน่นจิงซีไม่ธรรมดา,นับว่ามีความแข็งแกร่งในหมู่มนุษย์กลายพันธ์ระดับบน ๆ อย่างแน่นอน.
ซูเห่าเห็นฝ่ายตรงข้ามก่อนแล้ว,ทว่าไม่ได้อยู่ในความสนใจแต่อย่างใด.
ซูเห่าจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ“เจ้าเรียกข้าอย่างงั้นรึ?”
ชายผมพังก์เผยยิ้มพลาย“ใช่แล้ว! ข้าคือไกลี่,เจ้าชื่ออะไร?”
ซูเห่าที่เจ้งมองอีกฝ่าย,แต่ไม่พบอะไรพิเศษ จึงตอบกลับไปมาว่า“ข้าชื่อเหว่ย,มีอะไรจะพูดกับข้าอย่างงั้นรึ?”
ไกลี่ที่เอ่ยออกมาทันที“ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนดีมาก! มาเข้าร่วมแก๊งสี่ราชาของพวกเราเถอะ!”
ซูเห่า“???”
อาซาน“???”