Chapter 146 Reform-through-labor
劳动改�
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว,สถานะวิวัฒนาการที่สอง จบลงแล้วเช่นกัน.
ซูเห่าหลังจากความใช้พยายามอย่างไม่หยุดหย่อนและทดสอบหลายครั้ง,ก็สามารถเปิดใช้งานได้สามทักษะ หนึ่งคือ “อากาศแปลงโลหะ!”
ส่วนอีกสองทักษะไม่สามารถทำสำเร็จ,ทว่าทำได้แค่การกะผลของมัน,ยังไม่ได้ฝึกฝน.
เช่นพลังงานกลืนกินสิ่งมีชีวิต,ทุกสิ่งมีชีวิต จิงซีในเซลล์จะอยู่ในภาวะสมดุลด,ซูเห่าสามารถบุกรุกเข้าไปในร่างกายของคนอื่น,และทำลายระบบภูมิคุ้มกันของอีกฝ่ายได้อย่างบ้าคลั่ง,อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ฝึกฝนทดสอบแต่อย่างใด.
และอีกทักษะส่วนประกอบ,เมื่อเซลล์เน่าเปื่อยไปเสียไป,เขาสามารถฟื้นคืนกลับมาได้ แม้นว่าจะคืนกลับมาได้ไม่หมด ทว่าก็สามารถฟื้นฟูกลับได้ส่วนมาก,หรือจะบอกว่าฟื้นคืนกลับมาได้แต่ก็ไม่เท่ากับส่วนที่เสียไป.
อย่างไรก็ดีทักษะนี้,ยังไม่ได้รับการทดลองฝึกฝนเช่นกัน.
อย่างไรก็ตามทักษะ“อากาศแปลงโลหะ” นี่คือทักษะที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก.
หลังจากกระจายเซลล์ไปบนอากาศ,สามารถผสานเข้ากับอากาศได้,และสร้างสสารสีเทาให้ลอยอยู่บนอากาศขึ้นมาได้.
ซูเห่าเรียกมันว่าทรายทองคำ.
มันมีความสามารถหลากหลายขึ้นอยู่กับวิธีการใช้มัน.
อย่างไรก็ตาม,ทรายสีทองนั้นไม่ได้ยกระดับพลังต่อสู้แต่อย่างใด,เป็นทักษะที่ช่วยสนับสนุนในสถานะการณ์ต่าง ๆ ได้ดี.
เทียบกับทักษะของเหล่ามนุษย์กลายพันธ์,ซูเห่ารู้สึกพอใจชอบรูนอักขระมากกว่า.
การมีอยู่ของทักษะมนุษย์กลายพันธ์นั้น,ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อช่วยสนับสนุนให้พลังของรูนอักขระของเขาพัฒนาขึ้นไปได้ไม่มีสิ้นสุดเท่านั้นเอง.
ระหว่างนี้มีสิ่งหนึ่งที่ซูเห่ากำลังครุ่นคิด,ทำไมราชาเกราะเหล็กอาบีหายไปนานแล้ว,แก๊งเทียนซางยังไม่ส่งคนมาสืบสวนที่เมืองซือหลินอีก.
จากการสอบปากคำ โรสที่จับมาก่อนหน้านี้,ผู้นำแก๊งเทียนซาเจ้านายของมนุษย์กลายพันธ์เป็นขั้นหกของลำดับมนุษย์ท่องรัตติกาล【จักรพรรดิสวรรค์】เขามีผู้ใต้บังคับบัญชามนุษย์กลายพันธ์ขั้นห้าสามคนประกอบด้วย,ขั้นห้าของลำดับมนุษย์เกราะ,ราชาเกราะเหล็กอาบี,ขั้นห้าของลำดับมนุษย์ความเร็ว【ราชาพุ่งยิง】แทนดี้,และขั้นห้าของลำดับมนุษย์เลียนแบบ【ราชาวิปลาส】โหลวหว่าน.
ราชาเกราะเหล็กอาบีหายไป,แก๊งเทียนซาควรจะส่งขั้นห้ามนุษย์กลายพันธ์อีกคนมาสืบ.
เป็นไปได้ว่า,คงไม่มีใครคิดว่าราชาเกราะเหล็กอาบีพ่ายแพ้หรือไม่?
ตามสามัญสำนึกของคนทั่วไป,เมืองเล็กนั้นจะไม่มีมนุษย์กลายพันธ์ขั้นห้า,มีเพียงขั้นสี่สูงสุด,เพราะว่ามนุษย์กลายพันธ์ขั้นห้าย่อมปรารถนาเนื้อที่จะวิวัฒนาการ,ย่อมไม่หยุดตัวเองไว้ที่เมืองเล็ก ๆ อย่างแน่นอน.
มีเพียงแค่มนุษย์กลายพันธ์ขั้นสี่ที่หมดหวังที่จะวิวัฒนาการ,เพราะขี้ขลาดทิ้งศักดิ์ศรีถึงจะหนีจากเมืองใหญ่,ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครในเมืองเล็กสามารถก้าวสู่ขั้นห้าได้ตลอดไป.
ยกตัวอย่างเมืองซือหลินที่เป็นเมืองเล็ก,มีขั้นสี่ที่ล้มเหลวจากการวิวัฒนาการเป็นขั้นห้า,สถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่เหมาะจะใช้ซ่อนตัว.
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง,มนุษย์กลายพันธ์ที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กมีแต่พวกขี้แพ้ที่หนีหางจุกตูดจากเมืองใหญ่เท่านั้น,ไม่มีคุณสมบัติที่จะวิวัฒนาการได้
คนจำพวกนี้,มักจะถูกเรียกว่า สุนัขขี้แพ้.
ก่อนหน้านี้ก็มีปิศาจความเร็วเฟยหลุน,ปิศาจกระดูกเต๋อลี่และปิศาจด้ายซือเข่อ,พวกเขาล้วนแต่หนีมาจากเมืองใหญ่ทั้งสิ้น,เป็นสุนัขขี้แพ้ที่หนีมาซ่อนตัวในเมืองซือหลิน.
แน่นอนหากพวกเขามั่นใจจะวิวัฒนาการได้,ไม่มีใครหนีออกมาจากเมืองใหญ่แน่.
นั่นเป็นเพราะทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการนั้น,ล้วนแต่มีอยู่ในเมืองใหญ่เท่านั้น! เมืองใหญ่ถือเป็นดินแดนในฝัน,ซึ่งมีขั้นห้าที่เหล่าขั้นสี่ปรารถนา,พวกเขามีโอกาสได้ลาภลอยจากการไล่ล่ากันและกันของพวกขั้นห้าที่ต้องการเป็นขั้นหกต่อไป...
ถึงแม้นว่าจะถูกไล่ล่าสังหารกันไม่หยุดหย่อน,แม้แต่อาจจะเสียชีวิตทุกเมื่อ,ถึงไม่อาจเอาชนะได้ก็ตามแต่ก็สามารถช่วงชิงเศษที่เหลือจากการสังหารกันของคนอื่นได้....ดั่งที่หยาซานเคยเอ่ย,สักวันหนึ่งอาจจะมีเนื้อหล่นมาที่ด้านหน้าของเขา.
อัตราการตายของมนุษย์กลายพันธ์ในเมืองใหญ่นั้นสูงมาก,ไม่ว่าจะมีระดับขั้นเท่าไหร่,ล้วนแต่ต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา,อาจจะมีศัตรูที่คอยจับจ้องอยู่,แม้แต่วางแผนลอบสังหารได้ทุกเมื่อ.
แม้นว่าจะมีความเสี่ยงสูง,ทว่ามันก็มาพร้อมกับผลกำไรที่สูงเช่นกัน,การไล่ล่าสังหารกันและกันของผู้คนมากมายหลายกลุ่ม,สักวันหนึ่ง,พวกเขาอาจจะได้เนื้อที่ต้องการมาอย่างบังเอิญและวิวัฒนาการได้อย่างราบรื่น.
นอกจากนี้,เนื้อกลายพันธ์นั้นเป็นดั่งความหวัง,เป็นเป้าหมายชีวิตของพวกมนุษย์กลายพันธ์กันทุกคน.
วิวัฒนาการ,เป็นคำที่มีความหมายถึงชีวิต.
......
กล่าวตามจริง,การที่แก๊งเทียนซาไม่ได้ส่งคนมาอีก,คงเชื่อว่าราชาเกราะเหล็กอาบีนั้นไม่มีทางพบกับอันตราย,ทว่ามีเรื่องยุ่งยากบางอย่างทำให้ล่าช้าไปเท่านั้น.
อย่างไรก็ตามในเมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่มา,ซูเห่าก็ไม่คิดจะรอเช่นกัน,เขาวางแผนที่จะเดินทางไปยังเมืองหลินหยวนจัดการปัญหาเรื่องนี้ให้จบ ๆ ไป.
“ตอนนี้ลองผลิตปืนซุ่มยิงให้หยาซานก่อนก็แล้วกัน,หากสำเร็จโดยดี,ศัตรูไม่มา,คงต้องออกไปหาเอง”
ซูเห่าที่ตัดสินใจไปหาหยาซาน“หยาซาน,การเปลี่ยนรูปโลหะเป็นอย่างไร?”
เอ่ยถึงเรื่องดังกล่าว,หยาซานก็เผยความดีใจออกมาทันที“ได้แล้ว,พี่ใหญ่เหว่ย! กุญแจมืออักขระที่พี่ใหญ่ออกแบบมา ใช้ได้ง่ายมาก,ขอเพียงนักโทษไม่เชื่อฟังต้องการหนี,ผู้คุมสามารถกระตุ้นเปิดใช้งานการ์ดกระดูก,ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา,ทำให้นักโทษไม่มีพลังต่อต้านได้”
ที่ผ่านมานี้,หลักการจรรยาบรรณสำหรับมนุษย์กลายพันธ์,ถูกใช้มา 1-2 ปี,ทำให้แก๊งซือหลินมั่นคงเป็นอย่างมาก.
นอกจากนี้ยังมีการปฏิรูปกฎหมายแรงงาน,ช่วยทำให้เมืองซือหลินเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี,โดยเฉพาะพื้นที่รอบนอกที่ผู้คนกระตือรือร้นในการพัฒนาสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆขึ้นมามากมาย.
พี่ใหญ่เหว่ยพูดถูกต้องที่สุด,พลังที่แข็งแกร่ง,สามารถสร้างเมืองที่สวยงามได้,ใช่แล้ว,ข้าจะสร้างเมืองให้น่าอยู่ปลอดภัย ทุกถนนหนทางทุกตรอกซอกซอย!”
ซูเห่าที่พยักหน้ารับเอ่ยชม“ทำได้ดีมาก,หยาซาน! เมืองนี้กำลังถูกหล่อหลอมสร้างขึ้นมาจากมือของเจ้าช้า ๆ,นับจากนี้,เจ้าจะต้องปกป้องเมืองที่เจ้าสร้างขึ้นมาให้ดี,หากว่ามีโอกาส,ความสุขสงบงดงามนี้,ควรจะแบ่งปันไปยังเมืองอื่น ๆ ในโลกนี้ด้วย.”
ใบหน้าของหยาซานที่เบิกบานขึ้นมาทันที“ควรจะแบ่งปันให้กับทุกคนทั่วโลกรึ?”
ซูเห่าที่กล่าวสนับสนุน”แน่นอน! เจ้าสามารถทำสำเร็จได้,ขอเพียงเจ้ามีความแข็งแกร่งพอ,กฎเกณฑ์ของโลกใบนี้,คนที่แข็งแกร่งที่สุดถึงจะมีคุณสมบัติตัดสินใจ,ขอเพียงเจ้าทรงพลังที่สุด,ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องฟังเจ้า.
แน่นอน,ว่าความแข็งแกร่งอย่างเดียวมันยังไม่พอ,เจ้าต้องทำให้ผู้คนมีความสุข,สร้างกฎเกณฑ์สร้างเมืองที่งดงามเป็นตัวอย่าง,แล้วทุกคนจะยืนอยู่เคียงข้างเจ้า,หากเจ้าทำให้ผู้คนทุกคนคล้อยตาม,ไม่ว่าจะเป็นใครล้วนแต่ต้องการสนับสนุนเจ้าทั้งนั้น.”
จากนั้นซูเห่าก็ยกตัวอย่างง่าย ๆ”ยกตัวอย่างชวน,นานา,ชาบอน,พวกเขาล้วนแต่เห็นด้วยกับความคิดในการพัฒนาเมืองซือหลิน,ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจอะไร,พวกเขาล้วนแต่สนับสนุนเจ้า,เพราะเจ้าได้สร้างอุดมคติที่ยอดเยี่ยมให้กับพวกเขาได้ก้าวตามมาแล้ว.
ทว่าเพียงแค่สามคนมันยังไม่พอ,เจ้าต้องการคนมากขึ้นกว่านี้ ต้องให้ผู้คนเห็นปรัชญาความคิดในการสร้างเมืองซือหลินของเจ้าให้มากกว่านี้.”
“เจ้าเข้าใจใหม? หยาซาน!!”
หยาซานที่ครุ่นคิดและเข้าใจอย่างรวดเร็ว,รู้สึกราวกับว่าจิตวิญญาณกำลังพลุ้งพล่านเขาเอ่ยอย่างหนักแน่น“ทราบแล้วพี่ใหญ่เหว่ย! ก่อนอื่นข้าจะต้องแข็งแกร่ง,จะต้องมีพลังที่เพียงพอ,ทุกคนก็จะรับฟังและทำตามอุดมคติของข้า,ข้าจะต้องหาคนที่เห็นด้วย,และจัดการคนที่ไม่เห็นด้วย!”
ซูเห่าที่ตบไหล่ของหยาซานแล้วเผยยิ้ม“ใช่แล้ว! เจ้าทำได้อย่างแน่นอน!”
ในเวลานี้ซูเห่าที่เห็นหยาซานเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชนในดวงตา.
ซูเห่าได้กล่าวเปลี่ยนหัวข้อ“หยาซาน,เจ้านำข้าไปยังโรงตีเหล็กที่ดีที่สุด,ครั้งนี้ข้าจะสร้างอาวุธที่ยอดเยี่ยมให้กับเจ้า.”
หยาซานเอ่ยด้วยท่าทางไม่แน่ใจ“เป็นปืนซุ่มยิงที่พี่ใหญ่เคยเอ่ยก่อนหน้านี้นะรึ?”
ซูเห่าพยักหน้ารับ“ใช่แล้ว! ไป!”