Chapter 143 Wei eldest child treats
维老大请客
ซูเห่าที่ค้นหาราชาเกราะเหล็กอาบี.
พบว่าอีกฝ่ายลอยกระเด็นออกไปร้อยกว่าเมตร,ตอนนี้นอนอยู่บนพื้นไม่เคลื่อนไหว.
อาบียังไม่ตาย,อย่างไรก็ตามสภาพในเวลานี้ ไม่สู้ดีนัก,กำลังหายใจแผ่วจวนเจียนตกตายในเวลาอันใกล้นี้.
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลเต็มไปหมด,แขนขาที่บิดเบี้ยวผิดรูป,หน้าอกมีรูขนาดใหญ่,โลหิตที่ไหลออกไปเกือบหมดร่าง,เกราะโลหะแทบจะแตกสลายไปกว่า 70 เปอเซ็น
เกราะโลหะที่หายไปมากกว่าครึ่งถูกแทนด้วยโลหิต,มีเพียงศีรษะที่ยังคงเหมือนเดิม.
อย่างไรก็ตามซูเห่าเข้าใจดี,แม้นว่าสภาพอาบีจะน่าสงสารเป็นอย่างมาก,ไม่ว่าใครเห็นก็ว่าตายอย่างไม่ต้องสงสัย,ทว่าเขายังไม่ตาย,ขอเพียงให้เวลากับเขาสักหน่อย,เขาย่อมสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ทีละน้อย ๆ.
ใช่แล้ว,นี่คือคุณลักษณ์พิเศษของลำดับมนุษย์เกราะ,ผู้มีพลังชีวิตที่ผิดปรกตินั่นเอง.
ก่อนหน้านี้ปิศาจกระดูกเต๋อลี่คอขาดไปเกินครึ่ง,สมองถูกทำลายไปเกือบหมด,ยังสามารถคืนชีพกลับมาได้เลย.
ซูเห่าที่ดึงดาบกระดูกออกมาพร้อมกับก้าวเดินเข้าหา.
ราชาเกราะเหล็กอาบีที่ค่อย ๆ หันศีรษะกลับมา,ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย,จับจ้องมองซูเห่า,เอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก“เป็นไป...”
“ฟิ้ว!”
ริ้วแสงดาบที่พุ่งออกไป,ศีรษะของอีกฝ่ายก็ถูกหั่นออกเป็นสี่ส่วน,รับประกันได้ว่าอาบีนั้นได้ตกตายโดยสมบูรณ์แล้ว,จากนั้นเขาก็เก็บดาบกระดูก,เอ่ยออกมาช้า ๆ“ข้าบอกแล้วข้าชอบสังหาร,จากนั้นก็พูดคุยกับคนตาย!”
จากนั้นก็เอยเพิ่ม“ทว่า,เจ้าตายไปแล้ว,จึงไม่มีอะไรต้องพูดคุยกันอีก!”
ซูเห่าเก็บเกราะกระดูกไปช้า ๆ,เผยให้เห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์.
วันนี้แม้นว่าราชาเกราะเหล็กอาบีถูกสังหารไปแล้ว,ทว่าซูเห่ารู้ว่า เรื่องนี้ยังไม่จบ,แก๊งเทียนซาหากราชาเกราะเหล็กอาบี ที่พวกเขาส่งมาไม่กลับไป,พวกเขาจะต้องส่งคนมาอีกแน่.
แผนการของซูเห่าเวลานี้นั้นง่ายมาก.
ก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้น,เขาต้องวิวัฒนาการเป็นราชาเกราะเหล็ก,รับพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ก่อน.
ก่อนที่กลุ่มที่สองของแก๊งเทียนซาจะมา,คงจะดีกว่าหากเขาเดินทางไปเมืองหลินหยวน,ลงมือจัดการล้างบางแก๊งเทียนซาให้หมด,จะได้ไร้ซึ่งปัญหาตลอดไป.
......
หลังจากนั้น,หยาซานและชวนก็ปรากฏขึ้นด้านข้าง,ทว่าเห็นร่างที่แตกหักหมดสภาพด้านหน้า,พวกเขาก็เผยใบหน้าแววตาชื่นชมเป็นอย่างมาก.
การระเบิดใหญ่ที่รุนแรงก่อนหน้านี้,คาดไม่ถึงว่าจะยังเหลือสภาพศพอยู่.
ที่ข้าง ๆ หลุมระเบิดขนาดรัศมีร้อยเมตรข้าง ๆ,แค่เพียงพวกเขาเห็นก็เสียวสันหลังแล้ว,กับการโจมตีระดับนี้,หากเป็นพวกเขาคงไม่เหลือแม้แต่เศษซาก.
หยาซานที่แบกปิศาจเงาโรสเอ่ยออกมาว่า“พี่ใหญ่เหว่ย,ข้าจับเป็นปิศาจเงาได้,สามารถถามข้อมูลได้.”
ซูเห่าที่ได้กลิ่นเนื้อ,เผ้าผมที่กระเซิงของโรส,ก็พยักหน้าเอ่ยออกมาว่า“หยาซาน,นี่คือราชาเกราะเหล็ก,เจ้านำกลับไปด้วย,จากนั้นก็เตรียมตัวให้ดี,พวกเราจะวิวัฒนาการเป็นราชาเกราะเหล็ก.”
ใบหน้าของหยาซานเผยความตื่นเต้นดีใจ“รับทราบพี่ใหญ่เหว่ย!”
ราชาเกราะเหล็ก,ตัวตนที่ไม่คาดคิด,นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่าย ๆ,ยิ่งสำหรับคนในเมืองเล็กแล้ว,เป็นเพียงแค่ฝันหวานเท่านั้น!
เขาที่จ้องมองพี่ใหญ่เหว่ยที่สงบสุขุมเยือกเย็น,เขารู้สึกต้องการคุกเข่าลงกราบเป็นอย่างมาก.
ท่อนขาพี่ใหญ่เหว่ย,ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!
ชวนที่แบกศพที่ขาดรุ่งริ่งมาด้วย,พร้อมกับเอ่ยด้วยความภาคภูมิ“พี่ใหญ่เหว่ย,พี่ใหญ่หยาซาน,ดูนี่,ข้าจัดการสังหารปิศาจรัตติกาลได้!”
ซูเห่าที่หัวเราะร่วน“วันนี้พวกเจ้าทั้งสองทำได้ดี! คืนนี้พวกเราจะฉลองกัน! ไป,กลับไปเตรียมการ,วันนี้ข้าจะเป็นเจ้าภาพเอง,ชวนก็มาด้วยกันคืนนี้ด้วย!”
หยาซานที่ลอบคิดในใจ“พี่ใหญ่เหว่ยเป็นเจ้าภาพ,ข้าก็เป็นคนทำอาหารอยู่ดี,มีปัญหาตรงใหน? ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว,ใครให้ท่านเป็นพี่ใหญ่ล่ะ!”
ส่วนชวนที่ตื่นเต้นขาอ่อน,แทบก้มลงกราบ.
การได้ร่วมกินอาหารกับพี่ใหญ่ทั้งสอง! นี่มันเป็นเกียรติประวัติที่ยอดเยี่ยมที่สุด! นี่หมายความว่าอย่างไร,หมายความว่าชวนในจิตใจพี่ใหญ่เหว่ยถูกยกระดับขึ้นอีกขั้นแล้วนั่นเอง.
เรื่องน่าเหลือเชื่อเช่นนี้,หลังจากกลับไปที่ทำงานพรุ่งนี้,ทุกคนจะต้องอิจฉาเขาแทบตายแน่.
คิดได้เช่นนี้,เขาก็รู้สึกมีความสุขสุด ๆ!
......
หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งนี้มา,ซูเห่ารู้สึกพอใจกับประสิทธิ์ภาพของรูนอักขระขั้นสองเป็นอย่างมาก,โดยเฉพาะอักขระปะทุขั้นสอง,ที่เหนือกว่าปะทุก่อนหน้านี้,หลายเท่า,อาจจะเป็นร้อยหรือพันเท่าก็ได้,กล่าวได้ว่าอักขระปะทุสามารถสร้างพลังระเบิดที่ทำให้เขายังรู้สึกกลัว.
นอกจากอักขระปะทะแล้ว,สิ่งที่ซูเห่าชอบใจที่สุดคงจะเป็นสายฟ้าขั้นสอง,เมื่อใช้จัดการกับศัตรูที่เป็นสิ่งมีชีวิต,แม้นว่าผลที่ได้จะไม่แน่นอนนัก.
จุดอ่อนของมันเห็นได้ชัดเจน,พลังประเภทนี้,มีระยะโจมตีไม่กี่เมตร,หากหลุดเป้าก็ไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้.
อย่างไรก็ตาม,จากผลการทดสอบวันนี้,ทำให้ซูเห่าได้แนวคิดใหม่,พบแนวทางที่จะพัฒนาอักขระขึ้นไปอีกขั้นเช่นกัน.
ในความคิดของเขา,ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้,มีเพียงแค่ยังไม่ค้นพบเส้นทางเท่านั้นเอง.
เขาได้แอบคิดเหมือนกันว่าสักวันหนึ่ง,จะสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้า,เคลื่อนที่เร็วดั่งสายฟ้า,มีพลังสายฟ้าที่แข็งแกร่งโจมตีศัตรูอย่างบ้าคลั่งด้วยพลังสายฟ้าที่เด็ดขาด,เพียงแค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว.
อย่างไรก็ตามอักขระสายฟ้าขั้นสอง,ยากที่จะผลิตและควบคุมกระแสไฟฟ้าจำนวนมากได้,นอกจากนี้กระแสไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นมาเองหากไม่ระวังอาจจะเป็นตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บไป.
หลังจากเรียบเรียงความคิดทั้งหมด,ซูเห่าก็เริ่มศึกษาเนื้อของราชาเกราะเหล็กอาบี.
ราชาเกราะเหล็กอาบีคือลำดับขั้นที่เหนือกว่าปิศาจกระดูก,ชิ้นส่วนยีนของอีกฝ่ายนั้นเขายังไม่เข้าใจในเวลานี้,แต่ก็ไม่ได้ขาดข้อมูลเปรียบเทียบเช่นกัน.
ซูเห่าที่เรียกหยาซานเข้ามาในห้องทดลอง,วางแผนที่จะวิวัฒนาการหยาซาน,เผื่อว่าจะได้รับข้อมูลอะไรเพิ่มเติม.
สิ่งหนึ่งที่เขาคาดหวัง,คือในขณะวิวัฒนาการสถานะสอง,ไม่รู้ว่าความนึกคิดนั้นจะสามารถกระตุ้นเปิดทักษะพิเศษขึ้นมาได้หรือไม่?
อีกข้อ,การวิวัฒนาการเป็นราชาเกราะเหล็ก,โครงสร้างร่างกายและเซลล์จะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่,แล้วอักขระจะสามารถสลักลงไปบนเกราะโลหะแล้วใช้งานได้เหมือนกับเกราะกระดูกหรือไม่?
และข้อสุดท้าย,เขาจะสามารถเปรียบเทียบยีนที่เปลี่ยนไปของหยาซาน,แตกต่างจากยีนของอาบีหรือไม่? หลัก ๆ แล้วเขาสงสัยว่าราชาเกราะเหล็ก,กระบวนท่าการโจมตีสุดท้ายนั่น,มันทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายซึ่งดูแปลกประหลาดมาก.
ซูเห่ามีลางสังหรณ์ว่าเมื่อพัฒนาไปยังขอบเขตราชา,การทำงานของยีนจะมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ.
ทุกอย่างได้เตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว.
ซูเห่าให้หยาซานนอนลง,ก่อนที่จะยื่นเนื้อและเลือดให้กับหยาซาน.
เวลานี้หยาซานรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก,เขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าการยกระดับเป็นขั้นที่สูงขึ้นเวลานี้อาจจะล้มเหลวหรือไม่?
เพราะหยาซานรู้ดี,การวิวัฒนาการนั้นจะต้องมีพลังงานเพียงพอ,ด้วยพลังจิงซีที่เขาครอบครอง,เขาได้สะสมมันจนถึงขีดจำกัดที่ร่างกายจะทนรับได้แล้ว,กล่าวได้ว่าในขั้นเดียวกันเขาเหนือกว่ามนุษย์กลายพันธ์ปรกติมาก,เขาจึงมั่นใจว่าจะไม่มีทางล้มเหลว.
และที่ทำให้เขาดีใจ,เพราะว่าความฝันในอดีต,มันใกล้เข้ามาอีกก้าวแล้ว,เขาใกล้จะไปถึงขีดสุดของมนุษย์กลายพันธ์.
ซูเห่าที่จ้องมองหยาซานก่อนเอ่ยออกมาว่า“หยาซาน,เจ้าจงสงบใจให้ดี,อย่าลืมว่าเจ้าเป็นหัวหน้าใหญ่,จงรู้จักควบคุมอารมณ์,ไม่ว่าภายในใจจะรุ่มร้อนอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายขนาดใหน,ใบหน้าของเจ้าต้องสงบนิ่ง,เอาล่ะ,กินเข้าไปได้แล้ว.”
หยาซานที่กินเนื้อเข้าไปในทันที,จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า“ขอบคุณพี่ใหญ่เหว่ย!”
ซูเห่าได้นำดาบกระดูกออกมา,กระตุ้นอักขระ“คม”ให้ทำงาน.
หยาซานที่กลืมน้ำลายคนโต,เผยท่าทางตื่นตะหนก“พี่ใหญ่เหว่ย...ต้องการโลหิต...โปรดเบามือด้วย! ข้าเกรงว่ามันอาจจะทำให้ข้าตื่นขึ้นมา แล้วการวิวัฒนาการอาจล้มเหลว!”
ซูเห่าเผยยิ้ม“วางใจได้หยาซาน! ภายใต้ดาบของพี่ใหญ่เหว่ยของเจ้าทั้งเร็วและมั่นคง,เจ้าไม่มีทางที่เจ้าจะตื่นแน่นอน! ผู้ยิ่งใหญ่,จะกลัวอะไรเรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้.”