Chapter 139 【Steel armor king】 Attack
【钢甲王】来袭
เหตุผลที่ซูเห่าคิดมอบปืนซุ่มยิงให้กับหยาซาน,เพราะเขาเชื่อใจในหยาซานเป็นอย่างมาก.
แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีปืนซุ่มยิง,ทว่าก็ไม่มีทางจะหันปากกระบอกปืนมายังเขาอย่างแน่นอน.
หรือสักวันหนึ่ง,หากหยาซานหันปากกระบอกปืนมาหาเขา,เขาก็ไม่กลัว.
กระสุนของปืนซุ่มยิงนั้นไม่มีอักขระพิเศษใด ๆ,ถึงแม้นว่าจะยิงซูเห่า,แต่ก็ไม่มีทางทะลวงผ่านกะโหลกที่มีพลังป้องกันสูงได้
เพราะซูเห่าที่เป็นปิศาจกระดูก,ได้สลักอักขระม่านพลังและแข็งเอาไว้,สามารถเปิดใช้งานอัตโนมัติได้ตลอดวเลา,เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถูกลอบโจมตีจนตายได้.
หรือหากลูกปืนมีอักขระพิเศษ,ทว่าทันทีที่มันถูกปล่อย,เรดาร์ของซูเห่าก็จะสัมผัสได้ถึงอันตรายได้,และแจ้งเตือนให้เขาป้องกันในทันทีได้เช่นกัน.
กล่าวตามจริง,ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขาหมด.
ดังนั้น,ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม,ซูเห่าไม่มีทางยื่นปืนให้ฝ่ายตรงข้ามนำกลับมายิงเขาได้อยู่แล้ว.
เมื่อเขามอบมันให้กับใคร,ก็อธิบายได้ว่าคน ๆ นั้นจะไม่เป็นภัยต่อซูเห่า.
ก่อนอื่นซูเห่าจะต้องยกระดับรูนอักขระบนร่างของหยาซานก่อน.
ขณะที่ซูเห่ากำลังออกแบบปืนซุ่มยิง,เวลานั้นจิงซีที่ทรงพลังสามจุดก็ปรากฏขึ้นในเรดาร์ของซูเห่า,กำลังเคลื่อนที่มายังเมืองซือหลิน.
ซูเห่าพอจะคาดเดาได้ว่าคนกลุ่มนี้น่าจะเป็นทีมที่มาจากเมืองหลินหยวนที่ส่งมาเก็บค่าคุ้มครอง,แม้นว่าจะมีจำนวนน้อยทว่ากับพลังกับไม่ธรรมดา.
คนที่มีจิงซีทรงพลังที่สุด,เทียบได้กับขอบเขตบรรพชนยุทธ์,หรือของเขตราชามนุษย์กลายพันธ์นั่นเอง.
ทว่าเวลานี้ซูเห่ามีความหนาแน่นของจิงซีที่เหนือกว่าเหรินหวังไม่รู้กี่เท่า.
กล่าวได้ว่าขอบเขตราชาถ้าวัดที่ปริมาณจิงซี,ถือว่าอ่อนแอมากต่อหน้าเขา,ทว่ามนุษย์กลายพันธ์ขอบเขตราชานั้นมีทักษะที่แปลกประหลาดแตกต่างกันไปที่เขายังไม่รู้จึงไม่อาจประมาทได้เช่นกัน.
และอีกสองคนที่มาด้วย เป็นมนุษย์กลายพันธ์ขอบเขตปิศาจ,รวมกันทั้งหมดสามคน.
ซูเห่านำหยาซานออกมา ระหว่างทางเอ่ยออกไปว่า“หยาซาน,นี่คือปืนซุ่มยิง,ตอนนี้มีแขกกำลังมาเยือนเมืองซือหลินทางประตูทิศใต้,เจ้าเรียกปิศาจรัตติกาลชวน,ออกไปรอคอยต้อนรับแขกจากนอกเมืองตอนนี้เลย.”
หยาซานกลายเป็นจริงจัง,ตอบรับทันที,“รับทราบพี่ใหญ่เหว่ย!”
ซูเห่าที่ก้าวออกไปสองสามก้าว,กระดูกที่ผุดออกมาปกคลุมทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว,ก่อนที่จะปีกกระดูกสองข้างจะพุ่งออกมา,เวลาเดียวกันดาบยาวกระดูกที่ปรากฏขึ้นที่มือ,พร้อมกับลวดลายอักขระมากมายปรากฏขึ้น.
อักขระเหล่านี้แตกต่างจากรูปแบบเดิมอย่างชัดเจน,เวลานี้มันดูสลับซับซ้อนมีการผสมผสานกันมากมาย,ดูไม่ต่างจากงานศิลปะ.
ไม่เพียงแค่งดงามลึกซึ้ง,ยังสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งด้วย.
ใต้เท้าของซูเห่าที่เกิดปะทุ,ส่งร่างของเขาบินตรงขึ้นไปยังนอกเมืองทิศใต้.
เพียงไม่นานเขาก็มาถึงนอกเมืองแล้ว,ก่อนที่จะร่อนลง,อยู่ห่างออกจากเมืองหนึ่งกิโลเมตร,รอคอยแขกทั้งสามที่กำลังมาช้า ๆ.
ไม่รู้ว่าจะมาดีหรือร้าย,ยังไงซะก็ต้องดูท่าทีอีกฝ่ายก่อน.
หากต้องการมาขอเงินแล้วล่ะก็,คงต้องพูดกันด้วยคมดาบแล้ว.
อย่างไรก็ตามหนึ่งนาทีหลังจากนั้น,หยาซานและชวนก็ปรากฏขึ้นด้านหลังซูเห่า.
หยานซานที่แปลงร่างเป็นปิศาจกระดูกร่างยักษ์,ส่วนชวนเองก็กลายร่างเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างเหมือนกับค้างคาว,ทว่าโดยรวมแล้วก็ยังมองเห็นเป็นมนุษย์อยู่.
ซูเห่าส่งการ์ดอักขระกระดูกสองอันให้กับชวน“นี่คืออักขระ”ม่านพลังขั้นสอง“และอักขระ”สายฟ้าขั้นสอง“เอาไว้ป้องกันชีวิต,ระมัดระวังตัวให้ดี.”
ชวนตื่นเต้นมาก,แทบคุกเข่าลงบนพื้น,หยาซานที่ดึงอีกฝ่ายเอาไว้,เอ่ยเสียงต่ำ“ระวังหน่อย,รักษาภาพพจน์ด้วย,อย่าทำขายหน้า.”
ซวนที่กลับมายืนมั่นคงเอ่ยออกมาว่า“รับทราบพี่ใหญ่เหว่ย,พี่ใหญ่หยาซาน.”
ในเวลาเดียวกัน,กลุ่มคนที่รอคอยก็มาถึง.
นำมาโดยชายร่างยักษ์ที่มีหนวดเฟิ้ม,ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม,ทว่าดูแล้วกับดูน่าหวาดกลัว,ไม่สวมเสื้อมีกล้ามเนื้อที่แน่นปูดเป็นชั้น ๆ ดูเหนียวแน่นเหมือนกับโลหะ.
คนที่ตามมาเป็นชายหนึ่งและหญิงหนึ่งคน,ผู้ชายท่าทางดูเคร่งขรึม,ดวงตาเล็กยาว,แววตาดูเย็นชา,ส่วนสตรี ยังดูเป็นผู้เยาว์อยู่เลย,ทว่ากับดูกระตือรือร้นยิ้มแย้มแจ่มใส,เดินส่ายสะโพกตามหลังมา.
ชายที่ดูเคร่งขรึมเอ่ยเสียงดังทันที“โรส,พวกเราไม่ได้มาเที่ยว,รักษาภาพพจน์ด้วย.”
โรสเก็บใบหน้าที่ยิ้มแย้ม,กลายเป็นสตรีที่เย็นชาขึ้นมาทันที.
หลังจากนั้น,ชายกล้ามเนื้อหนวดเฟิ้มก็มาหยุดที่หน้าซูเห่า,จ้องมองออกไป.
แทบจะในทันที,บรรยากาศได้กลายเป็นจริงจัง,จนยากจะหายใจ,กลิ่นอายที่ทรงพลังต่างเข้าปะทะกัน,โดยไม่มีใครยอมใคร.
ท้ายที่สุดซูเห่าก็เป็นคนแรกที่เอ่ยตะโกนออกมา“ผู้มาเยือน,เอ่ยชื่อ,เพศ,อายุ,งานอดิเรก,ที่ทำงาน,เป็นคนแบบใหน,แจ้งให้ครบ,ไม่เช่นนั้นโปรดกลับไป,เมืองซือหลินของข้าไม่ต้อนรับ!”
ในเวลานั้นหนึ่งในกลุ่มที่มายังเมืองซือหลิน,สตรีงามเย็นชาโรสที่หลุดเผยยิ้ม,ก่อนที่จะชี้ไปด้านหน้า“เจ้าไม่ควรมาขวางพวกเรา,สุดหล่อน้อย!”
ซูเห่าเผยยิ้มพราย“เรียกสุดหล่อน้อยก็ไร้ประโยชน์,เวลาของข้ามีจำกัด,หากไม่เห็นด้วยกับที่ข้าเอ่ย โปรดกลับไปซะ!”
ชายกล้ามใหญ่หนวดเฟิ้มที่หัวเราะลั่นขึ้นมาทันที“พวกเจ้าสามคนคือมนุษย์กลายพันธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วรึ? สองปิศาจกระดูก,หนึ่งปิศาจรัตติกาล.”
กล่าวจบ,ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไป,เกราะของเขาที่เป็นเงาโลหะปกคลุมไปจนทั่ว,ร่างกายสูงถึงสี่เมตร,เป็นยักษ์โลหะ,พร้อมกับเอ่ยเสียงคำราม“ในเมื่อเจ้าต้องการตาย,ข้าก็จะสนองเอง!”
จากนั้น,ยักษ์โลหะก็พุ่งออกไป,พร้อมกับเหวี่ยงหมัดโลหะขนาดใหญ่,เคลื่อนที่เร็วอย่างน่าอัศจรรย์ใจ พุ่งเข้าหาซูเห่า,หมัดดังกล่าวกระแทกตรงไปยังหน้าอกซูเห่าทันที.
ซูเห่าที่ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ,ไม่หลบหลีก,ทว่ายืนถือดาบป้องกันด้านหน้า.
“เคร้ง!”
เสียงกังวานของโลหะปะทะกัน,ร่างกายของซูเห่าที่ถูกผลักออกไป,ส่วนหยาซานและชวนที่ก้าวหลบถอยห่างออกจากวิถีโจมตียักษ์โลหะทันที.
“ความแข็งแกร่งธรรมดา,ได้เปรียบเพียงรูปร่างที่ใหญ่กว่า,ทำให้ผลักข้าออกไปได้,ทว่าปัญหาไม่ได้ใหญ่นัก,สัมผัสจากแรงหมัด,ความแข็งแกร่งของโลหะบนร่าง,ไม่อาจเทียบได้กับเกราะกระดูกด้วยซ้ำ,หากใช้อักขระ”คมขั้นสอง“และ”เจาะเกราะขั้นสอง“ก็สามารถทะลวงผ่านได้ง่าย ๆ.”
คิดย้อนกลับไป“ราชาเกราะเหล็ก”ผู้นี้,ไม่รู้ว่าใช่คนที่ปิศาจรัตติกาลลีนเอ่ยถึงรึไม่? ราชาเกราะเหล็กอาบี.
พริบตาที่เริ่มต่อสู้,ซูเห่าก็สามารถวิเคราะห์ความแตกต่างของทั้งสองฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว.
ราชาเกราะเหล็กก็คือขั้นห้าของลำดับมนุษย์เกราะ,สำหรับซูเห่าที่มีขั้นสี่,ย่อมเกิดสะกดข่มทางสายเลือดด้วยเช่นกัน,ทว่าแรงกดดันเช่นนี้ต่อหน้าซูเห่าแล้ว,ไม่มีอะไรให้พูดถึงแม้แต่น้อย.
ราชาเกราะเกล็กที่ผลักซูเห่าออกไปก่อนที่จะปล่อยหนามโลหะปล่อยพุ่งไปยังด้านหน้าของซูเห่า.
หนามโลหะที่พุ่งมาด้วยความเร็วและมีจำนวนมากอีกด้วย.
ซูเห่าที่นำดาบกระดูกออกมา.
“เคร้ง ๆ ๆ ๆ!”
ดาบกระดูกที่ฟันหนามโลหะขาดครึ่งหล่นอันแล้วอันเล่า.
ราชาเกราะเหล็กที่จ้องเขม็งไปยังดาบกระดูกในมือซูเห่าด้วยความตกใจ“เจ้ามันปิศาจกระดูกไม่ใช่รึไง,ทำไมถึงได้สามารถตัดหนามโลหะของข้าได้?”
ซูเห่ายักไหล่เอ่ยออกมาเล็กน้อย“หนามโลหะของเจ้ามันอ่อนแอเกินไป,จึงสามารถตัดได้ง่าย ๆ.”
ราชาเกราะเหล็กไม่ได้โกรธ,พร้อมกับกล่าวแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ“ไม่ต้องเล่นลิ้น,เจ้าคงมีวิธีพิเศษ,ถือว่ามีความสามารถเล็กน้อย,ก่อนที่ข้าจะกระทืบเจ้า,ขอแนะนำตัวก่อน,ข้าคือหัวหน้าแก๊งเทียนซา,ราชาเกราะเหล็กอาบี! วันนี้จะมาเอาชีวิตเจ้า.”
ซูเห่าที่ไม่ได้ใส่ใจคำขู่อีกฝ่ายแม้แต่น้อย,ทว่าได้เอ่ยสอบถามจุดประสงค์อีกฝ่าย“เช่นนั้นราชาเกราะเหล็กอาบี,เจ้ามายังเมืองซือหลินของข้าเพื่อจุดประสงค์อะไร!”
ราชาเกราะเหล็กอาบีเผยยิ้ม“ข้าชอบทุบตีพวกกระจอกให้อยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายก่อน,จากนั้นค่อยพูดเบา ๆ กับมัน!”
ซูเห่าที่เผยแววตาเย็นชา“งั้นรึ? ข้าเองก็ชอบฆ่าฝ่ายตรงข้ามก่อน,จากนั้นก็ค่อยพูดเบา ๆ กับศพมัน!”