Chapter 138 2 levels of rune/symbol writing
2级符文
แผ่นรูนรุ่นที่สี่ก่อนได้รับอัพเดตนั้นแผ่นจานค่อนข้างเล็กขนาดเล็กสุดเท่ากับลูกเทนนิส,ใหญ่สุดเท่ากับขนาดแผ่นดิสก์.
กล่าวโดยรวม,แผ่นจานค่อนข้างเล็ก,เพราะมันมีขีดจำกัดด้านพลังงานนั่นเอง.
เมื่ออักขระมีพลังสนับสนุนไม่เพียงพอ,ประสิทธิภาพย่อมมีจำกัดไปด้วยเป็นเรื่องธรรมดา.
แผ่นรูนอักขระรุ่นที่ห้าที่ซูเห่าพัฒนาขึ้นมาใหม่,ได้เพิ่มพื้นที่รูนอักขระขึ้นอีกและยังแก้ปัญหาเรื่องพลังงานให้มีตำแหน่งสะสมพลังงานเฉพาะด้วย.
เมื่อพื้นที่แผ่นรูนอักขระเพิ่มขึ้น,ย่อมทำให้พลังอักขระแข็งแกร่งขึ้นเป็นธรรมดา,อย่างไรก็ตามรูนอักขระที่ต้องใช้พลังมากขึ้น,ความเร็วในการเปิดใช้งานกับลดลง,หรือกล่าวได้ว่าประสิทธิภาพของเกราะและอาวุธจะลดลงไปด้วย.
อย่างไรก็ตามเทียบผลที่ได้ก็ยังนับว่าได้มากกว่าผลที่เสีย.
นอกจากนี้ซูเห่าได้วางแผนแก้ปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมการถ่ายเทจิงซีให้มีประสิทธิภาพมาทดแทน,ด้วยการเพิ่มลายอักขระทางเดินจิงซีให้มากขึ้น.
ยกตัวอย่างรูนอักขระ ม่านพลังอย่างง่าย.
ระบบของม่านพลัง,หลักการของมันคือเมื่ออักขระถูกกระตุ้นมันจะสร้างของสสารอย่างหนึ่งที่มีสีแดงผลิตออกมาจำนวนมากปกคลุมไปทั่วร่างกาย,เมื่อถูกโจมตี,สสารดังกล่าวจะจับตัวกันแน่น,เพิ่มพลังป้องกันในทันที,เป็นการก่อรูปม่านพลังปกป้องที่ยอดเยี่ยม.
แม้นว่าม่านพลังจะมีประสิทธิภาพที่ดี,ทว่าก็มีขีดจำกัดเช่นกัน,ยกตัวอย่างไม่อาจป้องกันพลังโจมตีที่เกินขีดจำกัดของมันได้,เมื่อพลังโจมตีเหนือกว่าขีดจำกัด,ม่านพลังป้องกันดังกล่าวแทบจะไม่ต่างจากกระดาษเปล่า.
การต่อสู้ของซูเห่านับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ,ประสิทธิภาพของม่านพลังเวลานี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาปลอดภัยได้แล้ว.
ในชาติที่แล้ว,การต่อสู้เหรินหวัง,เขาที่คงสภาพอักขระม่านพลังไว้ตลอดเวลา,ทว่าท้ายที่สุด ก็ไม่อาจต้านดาบของเหรินหวังเอาไว้ได้.
ไม่เพียงแค่อักขระม่านพลังยังไม่เป็นที่พอใจในการต่อสู้,อักขระโจมตีอื่น ๆ เองก็ยังมีพลังไม่เพียงพอในการต่อสู้เช่นกัน...ไม่,ควรจะเอ่ยว่าทั้งโจมตีและป้องกันนั้นยังไม่เป็นที่พอใจในการต่อสู้ที่รุนแรงหนักหน่วงต่างหาก.
ซูเห่าปรกติแล้วไม่ชอบที่จะเริ่มต้นออกไปต่อสู้ด้วยตัวเอง,ทว่าหากต้องต่อสู้เขาก็พร้อมที่จะต่อสู้เช่นกัน.
การต่อสู้,เป็นหนึ่งวิธีในการก้าวสู่เป้าหมายที่ต้องการ,ทว่ายิ่งวิธีการต่อสู้แข็งแกร่งเท่าไหร่การก้าวสู่เป้าหมายก็จะราบรื่นยิ่งขึ้น.
ดังนั้นซูเห่าจำเป็นต้องมั่นใจในพลังต่อสู้ของตัวเองก่อน,ก่อนที่จะออกไปจัดการเรื่องราวต่าง ๆ,ไม่ใช่ออกไปให้อีกฝ่ายทุบตีแทน.
ดั่งคำพูดที่ว่า,อำนาจความยุติธรรมมาพร้อมกับความแข็งแกร่ง,นั่นถึงจะเรียกว่าความยุติธรรม.
เมื่อพบเป้าหมายของความต้องการ,เขาก็มุ่งเป้ายังทิศทางดังกล่าวทันที.
ม่านพลังแบบใหม่จะต้องทรงพลังไม่พังทลายง่าย ๆ,และจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ตามพลังศัตรูที่ต้องรับมือด้วย.
ด้วยเหตุนี้,อักขระแบบใหม่นี้เขาจึงเรียกมันว่า“ม่านพลังขั้นสอง”
อักขระ“กระแสไฟฟ้า” ที่ปล่อยสายฟ้าเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามชามึน,หลังจากปรับปรุงเขาเรียกมันว่า“สายฟ้าขั้นสอง.”
หากสามารถยกระดับให้แข็งแกร่งขึ้นอีกในอนาคต,เขาย่อมสามารถเรียกว่าเป็นขั้นสาม,ขั้นสี่,ขั้นห้า ขึ้นไปเรื่อย ๆ ได้.
หลังจากที่กำหนดเป้าหมายไว้แล้ว,ซูเห่าก็จมจ่อมอยู่ในโลกส่วนตัวไปในทันที.
“ปัญหาแรกที่ต้องแก้,ไม่ใช่ว่าใส่จิงซีเข้าไปมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีเท่านั้น,ทว่าสามารถเปลี่ยนเป็นการผสานจิงซีเข้าไปสองเส้นทางเพื่อสนับสนุนพลังในโครงสร้างรูนได้”
การอัดพลังจิงซีลงไปจำนวนมาก,จำเป็นต้องทำให้โครงสร้างรูนอักขระให้แข็งแกร่งไปด้วย,ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งรองรับพลังได้มากขึ้นเท่านั้น.
ส่วนอักขระใหนที่ให้ประสิทธิผลอย่างง่าย,ก็สามารถทำให้โครงสร้างบางลง,เพียงแค่ให้พลังงานจิงซีไหลผ่านและทำงานได้อย่างสะดวกก็พอแล้ว.
ในชาติก่อนเขามีเพียงหนอนขนเป็นวัตถุดิบเป็นตัวช่วย,ซึ่งด้วยขนาดร่างกายของมันไม่ได้ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก,ทำให้ขีดจำกัดของอักขระมีขีดจำกัดตามไปด้วย,ถึงเวลาพัฒนาส่วนนี้แล้ว.
การปรับปรุงในส่วนรายระเอียดของรูนอักขระนั้น,แม้นว่าจะเพียงเล็กน้อยทว่าก็เพิ่มประสิทธิภาพของมันขึ้นมาหลายเท่าในทันที.
กล่าวได้ว่าระดับของรูนอักขระได้เพิ่มขึ้นมาก,เพียงแค่ความหนาเส้นเชื่อมวงจรมีขนาดใหญ่ขึ้น,นอกจากนี้ขนาดของรูนอักขระยังสมดุลและควบคุมได้ดีกว่าก่อนมาก.
......
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น,ซูเห่าได้เสร็จสิ้นการยกระดับรูนอักขระ.
ในเวลานี้เขาเริ่มทดสอบพลังของมันในห้องทดลองแล้ว.
“”ม่านพลังขั้นสอง“นั้นประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาก,แม้แต่ข้าในเวลานี้,โจมตีอย่างรุนแรงสองครั้ง,ยังไม่อาจทะลวงม่านพลังได้,ส่วนอักขระ”แข็งขั้นสอง“ประสิทธิภาพเท่ากับพลังของเหรินหวัง,ดาบที่เปิดใช้งานอักขระขั้นหนึ่ง”ทะลวง“แหลมคม” “กัดกร่อน” ไม่อาจทะลุทะลวงอักขระ“แข็ง”ขั้นสองได้.”
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้เขาพอใจที่สุด นั่นก็คืออักขระ “สั่นสะเทือนขั้นสอง” ดาบที่สลักอักขระสั่นสะเทือนขั้นสอง,มีพลังตัดที่มากกว่าเดิมสามเท่า
เวลานี้ทั้งพลังป้องกันและโจมตียกระดับขึ้นมาก,ตอนนี้เขาไม่ต้องกลัวต่อมนุษย์กลายพันธ์ขั้นห้าขอบเขตราชาอีกต่อไป,ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะทำอะไรเขาได้แม้แต่เส้นขน.
การยกระดับในครั้งนี้,ซูเห่ารู้สึกแข็งแกร่งขึ้นมาก,รู้สึกราวกับว่าอายุขัยของเขาได้เพิ่มขึ้นมากมาย,ไร้คู่ต่อสู้ไปแล้ว.
นอกจากนี้,ซูเห่ายังยกระดับรูนอักขระเกี่ยวกับการโจมตีอีกหลายตัวให้ดีขึ้นด้วย.
ยกตัวอย่าง“เจาะเกราะขั้นสอง” “ม่านพลังขั้นสอง” “คมขั้นสอง” “แข็งขั้นสอง” “ผสานงานขั้นสอง” “สั่นสะเทือนขั้นสอง” “กัดกร่อนขั้นสอง” “หมุนวนขั้นสอง”
ส่วนกระแสไฟฟ้า,เพราะว่ามันยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ซูเห่าได้เปลี่ยนชื่อมันเป็น“สายฟ้าขั้นสอง”
กล่าวสรุปแล้ว,ทั้งรูนอักขระโจมตีและอักขระป้องกันล้วนแต่ถูกยกระดับได้ทั้งหมด.
สำหรับซูเห่า,นี่ยังไม่ได้ทำให้เขาพอใจที่สุด,เขาต้องการพลังป้องกันที่มากกว่านี้,ต้องการอยู่ในขอบเขตไร้เทียมทานฆ่าไม่ตาย.
นอกจากนี้,ซูเห่าที่ได้แรงบันดาลใจจากสว่านเจาะตัวตุ่นครั้งก่อน,ทำให้เขาได้ประดิษฐ์บางสิ่งขึ้นมา.
มันถูกเรียกว่า“ระเบิดติดตาม” หรือจะเรียกว่ามิสไซร์นำวิถีก็ได้,มันสามารถติดตามเป้าหมายได้ด้วยตัวเอง,ทำให้มีความแม่นยำในการโจมตีสูงมาก,นอกจากนี้ซูเห่ายังสามารถควบคุมทิศทางของมันได้ด้วยตัวเองด้วย.
นอกจากนี้ยังได้สร้างบอลสายฟ้าขั้นสอง,บอลสายฟ้าแต่ละลูกจะสลักอักขระสายฟ้าขั้นสองเอาไว้,ซึ่งจะทำให้มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง,ทุกหนแห่งที่มันเคลื่อนที่ผ่านจะเต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าแล่นพล่านเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่.
ต่อหน้าการโจมตีที่ไร้เทียมทานเช่นนี้,ต่อให้เร็วแค่ใหนก็ไร้ประโยชน์,หนีเร็วอย่างงั้นรึ? เช่นนั้นก็วางข่ายสายฟ้าปกคลุมท้องฟ้าไปเลย.
เมื่อซูเห่าก้าวออกจากห้องทดลอง,หยาซานก็เตรียมอาหารเอาไว้แล้ว.
บนโต๊ะนั้น,ซูเห่าเอ่ยกับหยาซาน“หยาซาน,ข้าได้พัฒนารูนอักขระขึ้นมาใหม่,ประสิทธิภาพดีกว่าก่อนมาก,หลังจากกินอาหารเสร็จ,ข้าจะสลักบนเกราะกระดูกให้เจ้าใหม่.”
หยาซานดวงตาเป็นประกาย,เผยใบหน้ามีความสุข“ขอบคุณพี่ใหญ่เหว่ย.”
จากนั้นหยาซานก็เอ่ยออกมาว่า“พี่ใหญ่เหว่ย,ข้าพบว่าข้าที่มีทักษะรูนอักขระ,ในหมู่ขั้นสี่ขอบเขตปิศาจ,ข้าถือว่าข้าได้เป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานไปแล้ว!”
ซูเห่าเผยยิ้ม“ทำไมเจ้าคิดแบบนั้น?”
อาซานเอ่ย“ก่อนหน้านี้เจ้าหนูชวนได้พัฒนาเป็นปิศาจรัตติกาล,ข้าได้ทดสอบประลองกับเขาไปแล้ว,เจ้าหนูชวนไม่ใช่คู่มือข้าเลย,ทำได้แค่รับการโจมตีข้าอย่างเดียว,จนทำให้เจ้านั่นต้องหนีลงบนพื้นหรือบินขึ้นท้องฟ้าไปเท่านั้น.”
ซูเห่าเอ่ย“รูนอักขระมากมาย,ล้วนแต่มอบทักษะที่ทรงพลังหลากหลายให้กับเจ้า,จากนี้หลังจากเจ้าได้รับการยกระดับรูนอักขระใหม่,เจ้าจะรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเทพเจ้า,ข้าบอกได้เลยว่ามนุษย์กลายพันธ์ขั้นห้าก็ไม่ใช่คู่มือเจ้าอีกต่อไป.”
หยาซานที่พยักหน้ารับอย่างจริงจัง,จากนั้นก็เอ่ยเสียงอ่อย,“ทว่าพี่ใหญ่เหว่ย,ข้ามีคำถาม,ปิศาจรัตติการมีความสามารถดำดินและบินขึ้นสู่ท้องฟ้า,พวกเราเป็นปิศาจกระดูก,ควรจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร? ไม่ให้พวกเขาหนีไปได้!”
ซูเห่าเอ่ยถาม“เจ้าได้รับทักษะ”ควบคุมกระดูก“รึยัง?”
หยาซานที่เกาศีรษะไปมา,เอ่ยด้วยน้ำเสียงอักอ่วน“มันยากเกินไปพี่ใหญ่เหว่ย,ข้าไม่อาจควบคุมได้เลย,นอกจากการสร้างเดือยกระดูกแล้ว,ข้าก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก!”
จากนั้นหยาซานก็เอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง“พี่ใหญ่เหว่ย,ข้าหมายถึง,นอกจากทักษะควบคุมกระดูกแล้ว,ยังมีวิธีการอื่นหรือไม่,อะไรก็ได้ที่ทำให้ข้ารับมือกับคนพวกนี้ได้.”
ซูเห่าที่ครุ่นคิด,คำพูดของหยาซานมีเหตุผล,เขาควรจะเพิ่มวิธีการโจมตีแบบอื่นด้วย.
คิดอยู่ชั่วขณะ,ซูเห่าก็เอ่ยออกมาว่า“เช่นนั้นข้าจะลองสร้างปืนซุ่มยิงให้กับเจ้า,เพื่อเพิ่มวิธีการโจมตีให้,อย่างไรก็ตามข้าไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จใหม,ต้องคอยดูไปก่อน,อย่าได้คาดหวังให้มากนัก.”
หยาซานที่กลายเป็นงง ๆ,เอ่ยกล่าวในใจ“ปืนซุ่มยิง? คืออะไรกัน,ฟังแล้วไม่ค่อยจะร้ายกาจเลยแฮะ!”