Chapter 132 Experiment
实验
ซูเห่าเข้าสู่พื้นที่พินบอล,จัดการเรียงลำดับลำดับยีนที่เหมาะสม,จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในห้องเลี้ยงหนูตัวอ้วน,จับหนูตัวหนึ่งแล้วเดินกลับมา.
สาวน้อยจูเห่าหรินที่สูงหนึ่งเมตรหกสิบก้าวมายืนด้านหน้าซูเห่า,เธอสวมชุดสีน้ำเงิน,ร่างกายสีขาวพร้อมกับใบหูเรียวที่เริ่มมีขนปุย,ผมหยิกเล็กน้อย,สยายทอดไปด้านหลัง,ดวงตาของเธอคลอด้วยน้ำตา,แลดูน่าสงสารมาก.
สาวน้อยผู้นี้ก็คือไท่นี่นั่นเอง,เวลานี้เธอมีอายุ 9 ขวบแล้ว,ยีนอันทรงพลังของจูเห่าเหรินทำให้เธอเติบโตสวยสะพรั่ง..
เธอที่เติบโตเร็วมาก,ดูเพรียวคล่องตัว,และงดงามเป็นเอกลักษณ์.
ไท่นี่มาขวางซูเห่า,เอ่ยทั้งน้ำตา“ลุงเหว่ย....ข้าไม่อยากเรียน! ข้าปวดหัว,ไม่อาจทนทรมานได้อีกแล้ว! เพียงแค่อาจารย์เอ่ยปาก,ข้าก็ง่วงนอนแล้ว.”
ซูเห่าที่เผยใบหน้าจริงจังเอ่ยออกมาว่า“ไท่นี,จิตใจเจ้าไม่ถูกต้อง,การเรียนจะทรมานได้อย่างไร? เจ้าควรจะเรียนรู้ด้วยความสนุกและมีความสุข”
ไท่นี่ที่โอดครวญ“เรียนรู้สนุกอย่างงั้นรึ? ลุงเหว่ย,ไท่นีไม่เห็นว่ามันจะสนุกตรงใหนเลย?”
ซูเห่าที่เผยท่าทางจริงจังพยักหน้า“การเรียนจะทำให้เจ้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี!”
ไท่นี่หายใจยาว,เห็นชัดเจนว่าเธอโตแล้ว,การเรียนเกี่ยวข้องกับการเติบโตด้วยรึ?
ซูเห่าเอ่ย“เช่นนั้น,เจ้าไม่ต้องการเรียนแล้วต้องการทำอะไร? เรียนรู้เป็นหัวหน้าแก๊งเหมือนหยาซานอย่างงั้นรึ?”
ไท่นี่ดวงตาเป็นประกาย“ใช่ ใช่! ข้าต้องการเรียนรู้จากพ่อ,ข้าต้องการเป็นหัวหน้าแก๊ง!”
ซูเห่าที่ปวดขมับ,ไม่สนใจเธออีกต่อไป,ก่อนที่จะก้าวออกไป.
ไท่นี่ร้อนรน,พร้อมกับกอดซูเห่าเอาไว้“ลุงเหว่ย...ขอร้อง,ข้าไม่อยากเรียนแล้ว! ข้าไม่อยากเรียน....”
ซูเห่าที่ไม่สนใจเธอและลากเธอเดินไปด้วย.
ไท่นี่เอ่ย“ลุงเหว่ย,ข้าพูดผิด,ข้าไม่ต้องการเป็นหัวหน้าแก็ง,ข้าอยากช่วยท่านเลี้ยงหนู...”
ซูเห่าที่หยุด,ก่อนเผยยิ้มอย่างพอใจ“ดี,ข้าจะให้หนังสือเจ้าไปอ่านสักสองสามเล่ม”วิธีจัดการเพิ่มผลผลิตในการเลี้ยงหนู“,”ทฤษฎีการสืบพันธ์ของหนู“,”วิเคราะห์พฤติกรรมเบื้องต้นของหนู“”โรคร้ายและการป้องกันโรค ในหนู“,เจ้ากลับไปอ่านศึกษาให้ดี.”
ไท่นี่“......”
“ปัง!”
ซูเห่าที่ปิดปรกตู,จากนั้นก็กลับเข้าห้องทดลอง.
ส่วนไทนี่ที่ทรุดลง,ราวกับว่าสูญเสียตัวตนไปแล้ว,เหมือนกับเด็กที่ผู้ปกครองไม่ซื้อของเล่นให้.
เมื่อไท่นี่เดินกลับมา,เสียงที่จริงจังก็ดังขึ้น“ไท่นี่,พักพอหรือยัง,พวกเรากลับมาเรียนต่อได้แล้ว!”
ไท่นีสั่นเทิ้มหันหน้ากลับไปมองชายชราผมสีเทา,ที่จ้องมองไท่นีด้วยท่าทางจริงจัง,แววตาที่ไม่ปกปิดความดีใจของเขาแม้แต่น้อย.
ไท่นี่ที่รวมความกล้าเอ่ยออกมาว่า“อาจารย์หมาน,พวกเราเรียนมาเยอะแล้ว,วันนี้เลิกก่อนเวลาได้ใหม!”
......
ซูเห่ากลับมายังห้องทดลอง,สลัดความคิดเกี่ยวกับไท่นีออกไป.
ไม่เรียนอย่างงั้นรึ? แน่นอนว่าไม่ได้! ไม่อาจให้ไท่นี่ใช้รูปร่างหน้าตาที่งดงามมาหลอกเขาได้,เขาไม่อาจสั่นไหวใด ๆ.
นอกจากนี้ในอนาคตหากเธอวิวัฒนาการเป็นปิศาจกระดูก,ยิ่งต้องเรียนรู้,เพื่อที่จะควบคุมพลังไม่ให้บ้าคลั่ง,ถึงเธอจะเป็นลูกพี่ใหญ่ของแก๊ง,ก็ยังต้องเรียนรู้.
ในความคิดของเขา,คนที่เรียนหนังสือเท่านั้นถึงจะเป็นหัวหน้าแก๊งที่ประสบความสำเร็จ,ไม่อาจให้ละเลยความรู้ได้.
เขาวางหนูตัวน้อยบนแท่นทดลอง,แล้วผูกมันเอาไว้ไม่ให้ขยับ.
จากนั้นก็ถ่ายจิงซีเข้าไปในร่างของหนูสีขาวช้า ๆ.
หนูตัวน้อยที่หวาดผวา,ดิ้นรนไปมา,หลังจากนั้นก็ร้องออกมาอย่างเบาสบาย“อี๊ด อี๊ด อี๊ด-!”
เหมือนกับว่าร่างกายของมันกำลังได้รับการนวดคลายปวดเมื่อยอยู่อย่างไรอย่างงั้น!
เป้าหมายของซูเห่าคือถ่ายจิงซีเข้าไปในร่างกายหนู,เพื่อทำการตัดต่อยีนให้เกิดการกลายพันธ์.
ด้วยวิธีการเหว่ยเฉา(ควบคุมระดับโมเลกุล),เป็นวิธีการที่เขาได้พัฒนาขึ้นมา,ไม่จำเป็นต้องกินเนื้ออีกต่อไป.
เพียงใช้จิงซีและเคลื่อนกระแสไฟฟ้าที่เหมาะสมก็จะสามารถกระตุ้นเซลล์ให้เกิดการกลายพันธ์ได้.
จิงซีเวลานี้,อยู่ในการควบคุมของซูเห่าในระดับที่ระเอียดเป็นอย่างมาก.
เพียงไม่นานหนูตัวน้อยที่อยู่ในสภาวะเบาสบายงมากขึ้นเรื่อย ๆ ,ซูเห่าทำการบันทึกข้อมูล.
เขาที่ดึงนิ้วกลับมา,หลังนั่งครุ่นคิด,ก็เข้าสู่พื้นที่พินบอล,ตรวจสอบลำดับยีนของหนูทดลอง.
ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวกวงทำให้สามารถดึงข้อมูลขึ้นมาเปรียบเทียบอย่างรวดเร็ว,พร้อมกับระบายสีลงไปในลำดับยีนเพื่อแยกแยะข้อมูล.
“จริง ๆ ด้วย,สิ่งมีชีวิตในโลกอื่นก็มี”ฐานข้อมูล“”แคส9“”ตัวควบคุม“เนื้อของหนูทดลองที่กลายพันธ์นี้,สามารถใช้วิวัฒนาการได้.”
แน่นอน,โอกาสล้มเหลวก็มีสูงเช่นกัน,เพราะหนูทดลองเหล่านี้,แม้นว่าจะเลี้ยงดูจนใหญ่,แต่ก็ขาดการออกกำลังกาย,ทำให้มีพลังงานจิงซีในร่างค่อนข้างต่ำ,ซึ่งบางครั้งก็ไม่อาจทนแบกรับการวิวัฒนาการจนสมบูรณ์ได้.
ยกเว้นเหตุผลดังกล่าว,คิดว่าไม่น่ามีปัญหา.
บางทีโลกนี้เมื่อนานมาแล้ว,มีสัตว์กลายพันธ์อยู่มากมาย,ต่างก็ไล่ล่าสังหารกันและกันเพื่อวิวัฒนาการและท้ายที่สุด,เผ่าพันธ์จูเห่าเหรินก็ชนะและได้กลายเป็นเจ้าของแผ่นดิน.
นอกจากนี้,ลำดับวิวัฒนาการ,ไม่ได้มีเพียงเก้าลำดับแน่,ทว่ามีมากกว่านั้น,ทว่าผู้ชนะคนสุดท้ายในปัจจุบันเหลือเพียงแค่เก้าลำดับที่เหลืออยู่.
บางทีในดินแดนรกร้าง,อาจจะยังมีสัตว์ร้ายแปลกประหลาดระดับสูง,เนื่องจากจูเหล่าเหรินไล่ล่าสังหารพวกมัน,จนมีจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ,ท้ายที่สุดเพื่อหลบเลี่ยงอันตราย,พวกมันก็ตัดสินใจซ่อนตัว.
ส่วนจูเหล่าเหรินเมื่อไม่อาจได้รับเนื้อจากสัตว์ร้ายด้านนอก,ดังนั้นเป้าหมายของพวกเขาจึงหันกลับมาล่ากันเอง.
นับตั้งแต่นั้นมา,ก็เกิดไล่ล่าสังหารกันและกันของพวกกลายพันธ์.
เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนเป็นอย่างมาก!
ซูเห่าที่ทำการคำนวณ,หากเป็นไปเช่นนี้ต่อไป,จูเห่าเหรินอาจจะสูญพันธ์ในอนาคต,แม้แต่เหล่ามนุษย์กลายพันธ์ทั้งหมดอาจจะหายไป.
เหตุผลนั้นง่ายมาก.
การไล่ล่าสังหารกันอย่างต่อเนื่อง,จำนวนประชากรของเผ่าพันธุ์จูเห่าเหรินย่อมลดลงอย่างต่อเนื่อง,นอกจากนี้เหล่ามนุษย์กลายพันธ์ที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ,บางคนก็เสียสติสูญเสียบุคลิกภาพของมนุษย์ไป,อาจจะเริ่มไล่ล่าสังหารคนธรรมดาไปด้วย.
ไม่รู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่หลังจากนี้.
ซูเห่าที่โยนความคิดฟุ้งซ่านออกไป,ก่อนที่จะเริ่มตรวจสอบลำดับกลายพันธ์ของหนูทดลอง.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,ซูเห่าก็เผยยิ้มออกมา“ก่อนอื่นต้องเลือกพื้นที่ถอดรหัสและพื้นที่ยังไม่ถอดรหัส,ตรวจสอบกลุ่มยีนเกล็ดเทียม,ดูว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด.”
ซูเห่าหลังฝั่งยีนลงไป,ก็เริ่มทดลองทันที.
ก่อนอื่นต้องเลือกส่วนที่เข้ากับแคส 9,และพื้นที่ยีนที่ได้ฝั่งชิ้นส่วนยีน“เกล็ดลงไปได้”
ปัญหากรรไกรยีนที่ทำการฝั่งชิ้นส่วนยีน“เกล็ด” เป็นปัญหาที่ยากจะจัดการเหมือนกัน.
ซูเห่าออกมาจากพื้นที่พินบอล,หลับตา,ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว.
“ก่อนอื่น,เลือกชิ้นส่วนเนื้อปลูกบนจานเพาะเซลล์,เลือก....ส่วนแขนซ้าย! จากนั้นก็เริ่มควบคุมจิงซี,ฝั่งชิ้นส่วน DNA! เสี่ยวกวง,ขั้นตอนนี้ต้องพึ่งแกแล้ว!”
“เสี่ยวกวงรับทราบ!”
จากนั้นกระบวนการฝั่งชิ้นส่วนยีนด้วยจิงซีระดับโมเลกุลก็เกิดขึ้น,เป็นขั้นตอนที่ง่ายดาย.
ด้วยผลการคำนวณที่แม่นยำของเสี่ยวกวง,สามารถสร้างสัญลักษณ์ภาพขยายออกมาให้ซูเห่าได้เห็นการดำเนิดการด้วย.
กระบวนการทั้งหมดไม่อาจละสมาธิได้เลย.
“......”
เพียงไม่นาน,เสี่ยวกวงก็ส่งสัญลักษณ์ข้อมูลออกมาเป็นชุด.
ซูเห่าที่ละทิ้งความคิดทั้งหมด,เฝ้ามองอย่างตั้งใจ.
นี่คือการใช้จิงซีในระดับโมเลกุล!