Chapter 13 Changes the intelligent method
变聪明的方法
สองวันหลังจากนั้น,ซู่เห่ากลับมาพบกับบิดาของเขา.
“จำได้แล้วรึ?”
“แน่นอน.”
แน่นอนว่าอู๋หยุนเทียนไม่เชื่อ.
ดังนั้นหลังจากที่ซูเห่าคืนตำราให้อีกฝ่าย,จากนั้นก็เริ่มท่องออกมาเป็นคำ,เวลาต่อมาอู๋หยินเทียนถึงกับอ้าปากหวอ,ในอดีตเขาต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กันในการท่องจำสิ่งเหล่านี้?
จากนั้นอู๋หยินเทียนก็นำซูเห่าไปยังสถานที่ไม่มีคน,และอธิบายเนื้อหาที่บันทึกในหนังสือโดยระเอียดให้กับซูเห่าเข้าใจอีกครั้ง.
ปราณโลหิตที่บันทึกไว้ในหนังสือ,หากไม่มีใครอธิบายให้เข้าใจอีกครั้ง,ฝึกฝนไปตามความคาดเดาของตัวเองก็จะเหมือนกับการลองผิดลองถูก,เพราะว่าเนื้อหาที่บันทึกเอาไว้นั้นดูง่ายจะอ่าน แต่ยากที่จะเข้าใจ,เหมือนกับคำพูดที่ว่า *“ถึงข้าหันกลับไปดู ชามก็ยังแตกอยู่ดี” หรือจะกล่าวได้ว่ามันง่ายที่จะเข้าใจ,แต่ยากที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้.
อย่างไรก็ตาม หากมีบางคนเข้าใจแล้ว,ก็จะเข้าใจความหมายว่า *“ทำไมชามของคุณตกแตกแล้ว แต่คุณไม่หันกลับไปมองดูซักหน่อยรึ?” คำถามนี้ไม่ใช่ว่าทำไมถึงไม่สนใจ? หากแต่การหันกลับไปดู ชามก็ยังแตกอยู่ดี เป็นการบอกเป็นนัยน์ว่าการมองเพียงแค่ผิวเผินไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร.
ดังนั้น,อู๋หยุนเทียนที่ให้ซูเห่ากลับไปท่อง,ส่วนความหมายที่อยู่ในนั้นไม่จำเป็นต้องคาดเดา,ทว่ารอให้บิดาของเขาอธิบาย,ต้องไม่ลืมว่าบิดาของเขานั้นเป็นจอมยุทธ์ขั้นสูง,ย่อมมีความเข้าใจที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก.
จากท้องฟ้าสว่างล่วงเลยจนมืดค่ำ,ความหมายในหนังสือก็ถูกอธิบายจนหมด,และซูเห่านั้นได้บันทึกคำพูดของอู๋หยุนเทียนทุกคำ ลงไปในเสี่ยวกวง,เพื่อให้สามารถทบทวนและศึกษาได้ตลอดเวลา.
“มีตรงใหนไม่เข้าใจ?”อู๋จิวเทียนเอ่ยถาม.
“ไม่มีแล้ว.”หลังจากล่าวจบ,ซูเห่าก็กล่าวชม“ท่านพ่อ,ท่านร้ายกาจจริง ๆ,สามารถอธิบายความซับซ้อนลึกล้ำที่อยู่ในหนังสือได้อย่างละเอียด,น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นครูฝึก.”
อู๋หยุนเทียนที่ได้ยินก็หัวเราะเป็นครั้งแรก,เอ่ยอย่างมีความสุข,“แน่นอน,เจ้าคิดว่าครึ่งปีนี้ข้า...”
กล่าวถึงตรงนี้,เขาก็กลายเป็นเงียบ,ก่อนที่จเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง“หากไม่มีคำถาม,ก็กลับบ้าน,หากมีตรงใหนไม่เข้าใจค่อยถาม.”
“ตกลง.”ซูเห่าที่ก้าวตามหลังอีกฝ่ายไป.
เช้าวันถัดมา,ซูเห่ามาพบกับบิดาอีกครั้ง“ท่านพ่อ,ข้าเข้าใจเนื้อหาในตำราหมดแล้ว.”
อู๋หยินเทียนที่กล่าวชมบุตรชายอีกครั้ง,เขารู้ดีว่าซูเห่าสามารถทำความเข้าใจตำรายุทธ์ได้เร็ว,ทว่าไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเร็วขนาดนี้.
หลังจากทดสอบความเข้าใจซูเห่าแล้ว,อู๋หยุนเทียนก็เอ่ยออกมาว่า“เช่นนั้นวันนี้พวกเรา จะมาเรียนเรื่องสำคัญ,การค้นหาปราณโลหิต.”
“หาปราณโลหิต? หาอย่างไร.”
อู๋หยุนเทียนที่เผยยิ้มลึกล้ำ,“เจ้าต้องวิ่งออกกำลังกายทุกอย่าง,เคลื่อนไหวใช้พลังไปจนหมด,จากนั้นก็กิน,กินเสร็จ,ก็หาสถานที่สงบนั่งสมาธิ,สัมผัสถึงกระบวนการความเปลี่ยนแปลงพลังงานในร่างกาย,เมื่อเวลาผ่านไป,เจ้าจะสามารถสัมผัสได้ถึงปราณโลหิต.”
“แค่นี้รึ?”
“ใช่,แค่นี้ล่ะ.”
ซูเห่าที่นึกถึงสโลแกนที่ว่า : เรียบง่าย,เชื่อมั่น,ถูกต้อง,สำเร็จ.
......
เช้าวันถัดมา,ซูเห่าที่ออกมาวิ่งรอบ ๆ หุบเขา.
พฤติกรรมของเขาได้ดึงดูดสหายน้อยของเขาอย่างรวดเร็ว.
เหอชิงชิงยังคงถักเปียหางม้าสองข้าง,ดูน่ารักเช่นเดิม,นำสองลูกน้องเข้ามาหาซูเห่า,นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย“เซี่ยงหวู่,เจ้ากำลังทำอะไร?”
ซูเห่าที่กรอกตามองบน“วิ่ง.”
“ทำไมถึงวิ่ง?”
ซูเห่าแสร้งเป็นไม่ได้ยิน,ยังคงวิ่งไปรอบ ๆ,หลังจากวนกลับมาที่เดิม,เหอชิง ๆ ยังคงถามออกไปอีกครั้ง“ทำไมถึงวิ่ง? ไม่ต้องวิ่ง,ไปจับหนูภูเขากับพวกเราดีกว่า!”
ซูเห่าไม่ตอบ,ยังคงวิ่งต่อ.
รอบที่สาม,เหอชิงชิงที่โกรธเกรี้ยว,เอ่ยตะโกนเสียงดัง“เซี่ยงหวู่,วันนี้เจ้าต้องไปจับหนูภูเขากับพวกเรา.”
ซูเห่าที่หายใจหอบ,ไม่มีต้องการที่จะตอบ.
อย่างไรก็ตามเห็นเหอชิงชิงที่กำลังบ้าคลั่งจนเปียหางม้าของเธอชี้ชัน,เกรงว่าจะสร้างปัญหาจึงเอ่ยออกไปว่า“เหอชิงชิง,ข้าบอกเจ้าแล้ว,ข้าไม่เล่นกับคนโง่.”เหอชิงชิงที่เห็นอีกฝ่ายพูดเรื่องนี้อีกแล้ว,ก็เอ่ยตอบออกไปอย่างบ้าคลั่ง“เซี่ยงหวู่,ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ใช่คนโง่,มาเล่นกับข้าซะ!”
ซูเห่าที่ชะลอและเอ่ยออกมาว่า“ปัญหาวันนั้นเจ้าตอบได้รึยัง?”
เหอชิงชิงที่เอ่ยออกมาทันที“ตอบได้แล้ว,คำตอบคือคนตาย,คนตายใช่ใหม?”
ซูเห่าส่ายหน้าไปมา“ไม่ใช่.”
เหอชิงชิงที่กล่าวโต้แย้งทันที“เป็นไปไม่ได้,พ่อข้าบอกว่าคนตายไม่จำเป็นต้องไปหาหมอ,ไม่ผิดอย่างแน่นอน,จะไม่ใช่ได้อย่างไร.”
ซูเห่าที่ส่ายหน้าไปมา“ไม่ใช่,ข้าถามว่าใครที่ป่วยแล้วไม่อาจไปหาหมอ,คนตายไม่ป่วย,จะถูกนับได้อย่างไร?”
เหอชิงชิงไม่อาจยอมรับได้,จึงถามกลับ“แล้วใครล่ะ?”
“คนตาบอดไง.”
“อะไรนะ?”
ซูเห่าที่ตอบอีกครั้ง“คนตาบอด! เพราะตาบอดมองไม่เห็นทาง,จึงไปหาหมอเองไม่ได้.”
เหอชิงชิงที่อ้าปากหวอ,ปากน้อย ๆ ของนางที่เผยท่าทางคาดไม่ถึง ดูน่ารักเล็กน้อย.
ในเวลานั้นน้ำมูกเทาเอ่ยสอบถามเจ้าอ้วนชุน“เจ้าอ้วน,เจ้ารู้ใหมทำไมถึงเป็นคนตาบอด?”
เจ้าอ้วนที่โบกมือไปมาทันที,เอ่ยพึมพำ“ข้าไม่ต้องการพูดกับคนโง่.”
น้ำมูกเทาเอ่ยออกมาทันที“เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ไม่! ไม่มีอะไร! น้ำมูกเทา,หลังจากนี้หากเจ้าไม่เช็ดน้ำมูก ก็อย่ามาเข้าใกล้ข้า.”
น้ำมูกเทาที่ยกมือขึ้นปาดน้ำมูกเอ่ยออกมาว่า“ทำไม! ของดี,ทำไมต้องเช็ด,แม่ข้าบอกว่าเด็กที่มีน้ำมูกคือคนที่มีสุขภาพดี.”
“ไสหัวไปซะ!”
เหอชิงชิงที่ครุ่นคิด,เธอพบว่าคำตอบของซูเห่านั้น ไม่อาจโต้เถียงได้เลย,ต้องการเอ่ยโต้เถียงแต่ก็พูดไม่ออก.
ทำอย่างไรดี,เธอเริ่มสงสัยแล้วว่า,เธออาจจะโง่จริง ๆ,ทำไมคำตอบง่าย ๆ เช่นนี้ ถึงตอบไม่ได้กัน? ในเมื่อเป็นเช่นนี้,เธอก็ไม่อาจนำซูเห่ามาเป็นลูกน้องได้,และซูเห่าก็จะไม่มาเล่นกับเธออีกด้วย.
ขณะที่เห็นซูเห่าวิ่งไปไกล,เธอก็วิ่งตามซูเห่าไปในทันที.
ซูเห่าที่เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก,ทันใดนั้นเหอชิงชิงก็กระโดดคว้าร่างของเขา,ทำให้ทั้งสองฝ่ายล้มกลิ้งไปบนพื้นด้วยกันทันที.
“เจ้าทำอะไร?”ซูเห่าที่พยายามลุกขึ้น,จ้องเขม็งไปยังเหอชิงชิง,ทว่าเขาไม่ต้องการโกรธแต่อย่างใด,เพราะเด็กเหล่นี้มักจะไร้เหตุผลเสมอ.
เหอชิงชิงที่คว้ากุมซูเห่าไว้แน่น,เกรงว่าซูเห่าจะหนีไป,ใบหน้าน้อย ๆ เอ่ยอย่างจริงจัง“เซี่ยงอู๋,วันนี้เจ้าต้องไปเล่นกับพวกเรา,เจ้าพูดอะไร ก็ไม่มีประโยชน์,หากเจ้าไม่เล่นกับพวกเรา,ข้าจะให้เจ้าน้ำมูกเทาและเจ้าอ้วนชุน,ทุบตีเจ้าแน่.”
ซูเห่าถึงกับพูดไม่ออก,เบื่อหน่ายกับความไร้เหตุผลของเด็กเหล่านี้ซะจริง,เขาจ้องมองเจ้าน้ำมูกเทาและเจ้าอ้วนชุนก้าวเข้ามาแล้ว,คล้ายกับตื่นเต้นต้องการทุบตีเขาให้ได้.
ไม่ได้! หนึ่งต่อสอง,เวลานี้ยังเสียเปรียบ,วิ่งหนีเข้าไปในภูเขาใหม? เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์.
หลังจากนั้นซูเห่าก็สูดหายใจลึก,ลุกขึ้นปัดดินออกจากร่างกาย.
“เจ้าตกลงแล้วใช่ใหม?”เหอชิงชิงที่คิดว่าซูเห่ายอมแล้ว,จึงได้ยิ้มออกมาทันที.
ซูเห่าไม่ตอบ,เอ่ยถามกลับไป“ชิงชิง,เจ้าถามข้าก่อนหน้านี้,ว่าวิ่งทำไม?”
“ใช่แล้ว!”ชิงชิงตอบ.
“งั้นถามข้าอีกครั้ง.”
เหอชิงชิงไม่คิดอะไร,ถามออกมาทันที“ทำไมเจ้าถึงวิ่ง?”
ซูเห่าได้กล่าวชมเธอทันที“ชิงชิง,เจ้าถามได้ดี,นี่คือปัญหา,ชิงชิงข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง,เจ้ารู้ใหมทำไมข้าถึงฉลาด?”
เหอชิงชิงที่ดวงตาเป็นประกาย,นางเองก็ต้องการรู้ความลับข้อนี้เช่นกัน“ทำไม?”
น้ำมูกเทาและอ้วนชุน เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจทันที.
“เพราะวิ่งไง!”
“วิ่งอย่างงั้นรึ?”ทั้งสามที่เอ่ยออกมาพร้อมกัน.
ซูเห่าที่ตอบอย่างใจเย็น“ใช่แล้ว! แค่วิ่ง.”
“จริงรึ? วิ่งแล้วฉลาด,ฉลาดเหมือนเจ้าอย่างงั้นรึ?”
“แน่นอน,นี่คือความลับที่ข้าเพิ่งค้นพบ,พวกเจ้าไม่อาจบอกคนอื่นได้.”
“อืม ๆ!”ทั้งสามที่พยักหน้าพร้อมกัน.
“งั้นรออะไรล่ะ? วิ่งสิ!”
“!”
*****************
當下
แปลเป็นไทย :
ปัจจุบัน
ชายชราที่ขายเครื่องลายครามแบกคานไม้หาบเดินไปบนถนน ทันใดนั้นชามเครื่องลายครามอันหนึ่งหล่นลงไปบนพื้นแตกเป็นชิ้นเล็กๆ แต่ชายชราไม่หันหัวกลับไปมอง ยังคงเดินต่อไปข้างหน้า
คนบนถนนรู้สึกแปลกใจ จึงถามขึ้นว่า " ทำไมชามของคุณตกแตกแล้ว แต่คุณไม่มองดูซักหน่อยรึ?" ชายชราตอบว่า “ถึงฉันหันกลับไปดู ชามก็ยังแตกอยู่ดี”
ฉันเข้าใจแล้ว!
สนใจแต่เพียงปัจจุบัน ไม่ต้องเสียใจกับอดีตที่ผ่านไป
และไม่ต้องกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ความสุขย่อมอยู่กับกับปัจจุบันที่วางอยู่เบื้องหน้า
คัดลอกจาก ~ 人间福报
สินชัย ผู้แปล
๓ เมษายน ๒๕๖๓
ขอขอบคุณคติธรรมคำสอนภาษาจีน/ รูปภาพจากเพจ Kitty Ws 佛光人