Chapter 128 Bone armor first battle
骨铠首战
หยาซานที่เปลี่ยนร่างเป็นปิศาจกระดูก,พร้อมกับยกมือที่ใหญ่ยักษ์คว้าคอของฟอร์ด.
อสูรนามทะลวงที่บีรัดคออีกฝ่าย,กระดูกของหยาซานที่ถูกปักเข้าไป.
อสูรหนามทะลวง,ฟอร์ดที่ดิ้นรน,รวบรวมเสียงตะโกน“อัน..แคก!”
ด้วยพลังของหยาซานที่เพิ่มขึ้น,บีบคออีกฝ่ายแน่น,จนพูดออกมาได้แค่ครึ่งคำ.
หยาซานที่ทำลายเกราะส่วนบนของฟอร์ดแล้วใช้หินฟาดลงบนศีรษะของอสูรหนามทะลวงฟอร์ด.
“ตูมมมม!”
หัวของอสูรหนามทะลวง,ฟอร์ดแข็งเป็นอย่างมาก.
คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายยังไม่หมดสติ.
หยาซานที่ใช้มือหนึ่งที่อุ้มอสูรซ่อนเร้นอีวางเอาไว้,หยิบก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้น.
“แข็ง!”
กระตุ้นอักขระก่อนฟาดไปยังศีรษะของฟอร์ดซ้ำอีกครั้งและกีอีกครั้ง.
“ตูมมมม ตูมมม ตูมมม!”
หลังจากนั้น,ฟอร์ดก็หมดสติไป.
หยาซานที่โยนก้อนหินทิ้ง,ปากบ่นพึมพำ“พี่ใหญ่เหว่ยลงมือได้อย่างแม่นยำมากครั้งเดียวก็เกินพอแต่ข้า..,ควรค่าแล้วที่เป็นพี่ใหญ่!”
จากนั้นก็อุ้มอสูรซ่อนเร้น,อีและอสูรหนามทะลวงฟอร์ดวิ่งออกจากเมือง,ทว่าขณะวิ่ง,เขาได้วิ่งผ่านสวนกับอสูรกัดกร่อนอาลัยด้วย,เป้าหมายก็เพื่อให้อาลัยไปแจ้งปิศาจความเร็ว,อัน.
จากนั้นเขาก็วิ่งหน้าตาตื่นหนีออกนอกเมืองไป.
เป็นไปตามคาด,อสูรกัดกร่อนอาลัยเร่งรีบไปแจ้งอันทันที.
อันได้รับข่าว,ในเวลานั้นเขาบอกได้ว่านี่คือแผนการ,มีใครกำลังล่อเขาออกไปโดยจงใจ.
“ควรจะเป็นคนของแก๊งซือหลิน,พวกเขาพบพวกเราแล้ว,แล้วพบได้อย่างไร?”
เขาที่ยืนนิ่งอยู่กับที่,ไม่เร่งรีบใจร้อน,เวลานี้กำลังครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว.
“สิ่งสำคัญที่สุด,ฟอร์ดและอีต้องได้รับการช่วยเหลือ,ไม่ไป,ทั้งสองตายแน่,หากไป,ข้าก็อาจจะตาย,เช่นนั้นจะไปหรือไม่ไป?”
ในเวลานี้เขากำลังลังเล,เค้นสมองคิดมากมาย.
การใช้ความคิดครั้งนี้,ไม่ใช้ปัญหาคณิตศาสตร์ที่มีคำตอบแน่นอนอยู่แล้ว,การตัดสินใจครั้งนี้จึงใช้พลังสมองเป็นจำนวนมาก.
ตัดสินใจถูก,สถานการณ์เลวร้ายก็จะกลายเป็นเป็นดี,หากตัดสินใจผิด,สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม.
หลังจากนั้นสองลมหายใจ,อันก็ตัดสินใจจะลอง,หากล้มเหลว,ก็จะหนีทันที,จากนั้นค่อยวางแผนใหม่อีกครั้ง.
อันพ่นลมหายใจ คิดเงียบ ๆ“ไม่อาจประมาทได้! นอกจากนี้,ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาพบพวกเราได้อย่างไร,กล่าวได้ว่าหลายวันมานี้,พวกเราระมัดระวังตัวมาโดยตลอด,หากไม่เผยพลังของมนุษย์กลายพันธ์,พวกเราก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป,ลองคิดดูแล้วไม่พบช่องโหว่เลย,จนกว่าจะเข้าใจปัญหาเรื่องนี้,ไม่อาจใจร้อนได้.”
จากนั้นอันก็หันไปพูดกับอสูรกัดกร่อนอาลัย“อาลัย,ที่นี่อันตรายมาก,เจ้าออกจากที่นี่เลย,ไปรอข้าที่เมืองหลินหยวน.”
ใบหน้าที่งดงามของอาลัย,พยักหน้ารับ.
จากนั้นอันก็หายไปทันที,อยู่ในสภาวะล่องหน.
อาลัยไม่ได้ถามอะไรอีก,เพราะรู้ว่าอันออกไปไกลแล้ว.
อาลัยที่ออกจากเมืองไปได้ไม่ไกล,มนุษย์กลายพันธ์ขั้นสามก็ได้มาขวางเธอเอาไว้.
ใบหน้าของอาลัยกลายเป็นเย็นยะเยือบ,ผิวของเธอกลายเป็นสีน้ำตาลอมฟ้า,ใบหน้าถูกปกคลุมไปด้วยปุ่มมากมาย,เหมือนกับคางคกพิษ,ดูน่าหวาดกลัว,ใบหน้างามพริบตาเดียวกลายเป็นสยดสยองไปในทันที.
จากนั้นทั่วร่างของเธอที่พ่นก๊าซสีเหลืองออกมา,กระจายไปทั่วพื้นที่บริเวณ,ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบ ๆ ถูกกัดกร่อนเปื่อยยุ่ยขึ้นมาทันที.
แก๊งซือหลินที่รับผิดชอบมาขวางเธอ,แยกย้ายกันออกไปทันที“อสูรกัดกร่อน,ระวังด้วย,อย่าได้สัมผัสกับหมอกพิษของเธอ,ไม่เช่นนั้นเป็นปัญหาแน่.”
ไม่อาจเข้าใกล้,พวกเราจะต่อสู้กับเธออย่างไร!”
“เป็นปัญหาแล้ว!”
ในเวลานั้น,ใครบางคนที่เอ่ยออกมา“เก็บหินขึ้นมาทุบเธอ!”
ทุกคนที่จ้องมองกันและกัน,คล้ายจะเข้าใจความหมายได้!
......
ความเร็วของอันนั้นไม่ธรรมดา,พริบตาเดียวก็ไล่ทันหยาซานที่วิ่งออกมาไกลแล้ว.
“วีด ตูมมมม!”
สายลมที่พัดผ่านกระแทกไปยังกระดูกต้นคอของหยาซานระเบิด,เศษกระดูกฟุ้งกระจาย.
อันที่ลงมือกับหยาซานแล้ว,ทว่าอีกฝ่ายกับแสดงท่าทางไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ.
เศษกระดูกที่ลอยฟุ้ง,เขาคิดแค่ว่ามีสายลมพัดผ่านไปเท่านั้น.
หยาซานมือซ้ายและมือขวาที่อุ้มคนไปด้วยฝั่งละคน,วิ่งไม่หยุดด้วยพลังเต็มที่,เขาที่จำคำพูดของพี่ใหญ่เหว่ยได้ดี,วิ่งออกไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดี.
อันไม่ได้เผยร่างของเขาออกมา,เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง,ในมือมีดาบคู่,ที่โจมตีอีกฝ่ายหลายครั้ง,ภายในใจที่รู้สึกผิดปรกติ“เกราะกระดูกนี่มันแปลกมาก,ด้านนอกมีชั้นแสงสีแดงขวางกั้นการโจมตี,และยังมีชั้นกระดูกปกป้องดาบเป็นชั้นที่สองอีก,แข็งแกร่งเกินจะจินตนาการได้.”
ไม่ใช่ว่าอันอวดโอ่อะไร,แม้นทักษะดาบคู่ของเขาจะไม่อาจกุดหัวของปิศาจกระดูกทั่วไปได้ทันที,ทว่าการโจมตีควรจะไปถึงชั้นเนื้อด้านในอย่างไม่มีปัญหา,ปิศาจกระดูกธรรมดาทั่วไปยังไงซะก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน.
อย่างไรก็ตามปิศาจกระดูกด้านหน้าเขานั้น,ไม่ว่าเขาจะโจมตีอย่างไร,ก็ไม่อาจผ่านชั้นกระดูกด้านหน้าไปได้ด้วยซ้ำ.
หากโลกนี้มีปิศาจกระดูกเช่นนี้,เกรงว่าปิศาจความเร็วคงไม่ได้เกิดแน่.
ดวงตาของอันสั่นส่ายไปมา“ลองอีกครั้ง!”
“ฉีกกระชาก!”
ดาบคู่ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง“วูซซซซ”
อันที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว,ปรากฏด้านข้างหยาซาน,เขาต้องการโจมตีไปยังแขนของหยาซาน,เป้าหมายคือตัดแขนอีกฝ่ายเพื่อช่วยคนของเขา.
“วีด ตูมมมม!”
ไม่ได้ผล,ดาบที่ฟันเข้าไปเปิดเป็นรอยเล็กน้อย,พริบตาเดียวก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปรกติแล้ว.
“ไม่ได้การแล้ว!”อันที่เผยท่าทางลังเล.
ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนที่เร็วขนาดใหน,ก็ไม่อาจทะลวงเกราะของอีกฝ่ายได้!นอกจากนี้,ฝ่ายตรงข้ามต้องการทำอะไร,ล่อข้าไปสังหารอย่างงั้นรึ?
อันขมวดคิ้วไปมา.
ในเวลานี้,แม้นว่าเขายังคงไล่ตาม,ทว่ารู้สึกไม่ยินดีเป็นอย่างมาก! เริ่มแรกเขาก็เพียงแค่ทดสอบ,หากสถานการณ์ไม่ดีก็จะจากไป,ใครจะคิดล่ะ ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นกลับเอาแต่วิ่งไม่แม้แต่สวนการโจมตีเขาเลย.
......
ส่วนซูเห่า,ตั้งแต่หยาซานออกนอกเมือง,เขาก็ก้าวออกจากสวน.
แปลงร่างเป็นปิศาจกระดูก.
กระดูกที่ขาวบริสุทธ์,เกราะไหล่ที่ยกขึ้น,หน้าอกและส่วนท้องที่ส่องแสงสีขาว,ที่ด้านหลังมีปีกกระดูกสองข้างยื่นออกมา...
“แก๊ก แก๊ก แก๊ก....”
เสียงของกระดูกจับตัวกันส่งเสียงดังกึกกัก,ปีกที่มีส่วนโค้งเว้าได้รูป.
มือขวาของซูเห่าที่ยื่นออก,กลายเป็นดาบยาว,จากนั้นก็เปลี่ยนรูปส่องประกายแสงเย็นยะเยือบ.
ลวดลายอักขระที่กระจายไปทั่วเกราะกระดูก,กระทั่งสลักบนดาบกระดูกด้วย.
เมื่อก้าวออกมาถึงกลางสวน,ร่างกายก็เปลี่ยนรูปลักษณ์โดยสมบูรณ์แล้ว.
Su squatted vast leaps, jumped up hundred meters upper air, the under foot explosion shock, the whole person was similar to the shell, flew to the city.
ซูเห่าที่กระโดดออกไป,สูงขึ้นบนท้องฟ้าร้อยเมตร,ใต้เท้าเกิดการปะทุเหมือนไอพ่น,บินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที.
“ซูมมมม!”
“เปรี้ยง!”
ซูเห่าที่ไม่ได้ซ่อนตัวตน,ทว่าบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเมืองซือหลินตรง ๆ ไล่ตามอันไป.
อันจะรวดเร็วขนาดใหน?
เร็วมาก!
หากไล่ล่าบนพื้นซูเห่าไม่มีความมั่นใจไล่ทันอีกฝ่ายอย่างแน่นอน.
อย่างไรก็ตามในพื้นที่ราบอันไม่ได้วิ่งเป็นเส้นตรง,เขาต้องวิ่งหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางต่าง ๆ บนพื้นไปด้วย,ทำให้ระยะทางต่อความเร็วของเขานั้นลดลง.
ความเร็วของปิศาจความเร็วนั้นไร้เทียมทาน,หลายปีก่อนปิศาจความเร็วเฟยหลุนหากไม่เพราะตกอยู่ในแผนการของอัน,เป็นไปไม่ได้เลยที่ซือเข่อจะสังหารเขาได้.
อย่างไรก็ตาม,แม้นว่าอันจะเร็วมาก,ทว่าก็ไม่ได้เร็วเท่าความเร็วในการบินของซูเห่า.
บนพื้น,อันมีความเร็วไร้คู่เปรียบ,ทว่าบนอากาศที่ไร้สิ่งกีดขวางระยะทางต่อความเร็วของซูเห่าย่อมเหนือกว่าอีกฝ่ายมาก.
กล่าวอีกอย่างหนึ่งเมื่อทั้งคู่ใช้ความเร็วเท่ากัน,ซูเห่าที่บินทางตรงย่อมเร็วกว่าอันที่ต้องวิ่งซิกแซกหลบสิ่งกีดขวางบนพื้น.
นอกจากนี้ไม่ว่าอันจะวิ่งเร็วเท่าไหร่,ตราบเท่าที่ยังอยู่ในรัศมีเรดาร์ของซูเห่า,ก็ไม่มีทางหนีไปใหนพ้น.
ระยะตรวจจับเรดาร์ของซูเห่าเวลานี้กว้างเท่าไหร?
หกกิโลเมตร!
ไม่ว่าอันจะวิ่งไปที่ใหน,ขอเพียงไม่หายไปจากหน้าจอเรดาร์,ไม่ช้าก็เร็ว,ซูเห่าย่อมไล่ทันอย่างไม่ต้องสงสัย.
เมื่อซูเห่าออกบิน,ผลลัพธ์สุดท้ายแทบจะถูกกำหนดไว้แล้ว.
ซูเห่าบินอยู่บนอากาศไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง,เพียงไม่นานก็ไล่ทันแล้ว.