Chapter 125 secure
安
พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว,ซูเห่ามีอายุ 11 ขวบแล้ว.
ซูเห่าที่ทุ่มเทใจในการศึกษาวิจัยยีนเพื่อก้าวผ่านขอบเขตใหม่.
ไม่ใช่แค่การศึกษาแคส9 แล้ว,ทว่าเป็นชิ้นส่วนของยีน.
ซูเห่าที่ทำการเปรียบเทียบชิ้นส่วนยีนที่แตกต่างเป็นจำนวนมาก.
ชิ้นส่วนยีนเหล่านี้,เป็นชิ้นส่วนยีนที่มีความสามารถพิเศษ,ถูกเก็บแยกใส่รหัสเอาไว้แยกออกมาต่างหาก.
ชิ้นส่วนยีนพิเศษเหล่านี้ประกอบด้วย,ลำดับยีนเริ่มต้น,ลำดับยีนสิ้นสุด,โมเลกุลผิวหนัง,โมเลกุลเนื้อ,โมเลกุลกระดูก,โมเลกุลกล้ามเนื้อ,โมเลกุลไฟเบอร์,โมเลกุลการถอดรหัส,โมเลกุลเศษชิ้นส่วน,โมเลกุลควบคุม,โมเลกุลสัญญาณ อีกมากมาย ซูเห่าที่รวมรวมชิ้นส่วนยีนหลายชิ้นส่วนมารวมไว้ด้วยกัน.
การวิจัยที่คืบหน้าทุกวัน,ชิ้นส่วนพิเศษเหล่านี้ก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ.
ฟังก์ชันชิ้นส่วนยีนเหล่านี้,เปรียบได้เหมือนกับรูนอักขระธรรมดา,ให้ประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน,เพียงแค่นำชิ้นส่วนยีนเหล่านี้ใส่เข้าไปในลำดับยีนพื้นฐาน,ก็จะทำให้สามารถปรับแต่งส่วนต่าง ๆ ของร่างกายของสิ่งมีชีวิตตลอดจนได้รับความสามารถพิเศษต่าง ๆ มา.
ชิ้นส่วนยีนเหล่านี้,ในอนาคตจะเป็นหัวข้อในการวิจัยหลักของซูเห่า.
กล่าวง่าย ๆ,ขอเพียงเขาวิจัยชิ้นส่วนยีนพิเศษเหล่านี้สมบูรณ์,เขาสามารถแทรกชิ้นส่วนยีน,เปลี่ยนรูปลักษณ์และรับความสามารถของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ได้.
ต้องการสิ่งใด,ก็ได้สิ่งนั้น.
ด้วยข้อมูลชิ้นส่วนยีนเหล่านี้,สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ร่างกายตามต้องการ บวกกับรูนอักขระที่เขามี ความรู้ทั้งสองผสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ,บางทีอาจจะไม่มีใครเป็นคู่มือของเขาได้อีกต่อไปก็ได้.
“ที่น่าเสียดาย,ไม่อาจหาลำดับมนุษย์ทำนาย,มนุษย์กลายพันธ์ลำดับดังกล่าวราวกับว่าไม่มีอยู่,หรืออาจจะซ่อนตัวได้อย่างยอดเยี่ยม...”
......
ซูเห่าที่ผลักประตูก้าวออกจากห้องทดลอง,เห็นไท่นี่กำลังเล่นกับหนูตัวอ้วนอยู่,ก็เอ่ยออกมาว่า“หยาซาน! หยาซานล่ะ?”
“อยู่นี่! มาแล้ว,พี่ใหญ่เหว่ยมีเรื่องอะไรรึ?”หยาซานที่วิ่งเข้ามา,มือถือตาหลิว,สวมชุดหัวหน้าพ่อครัว.
ซูเห่าที่จ้องมองชุดที่หยาซานสวมแล้วถึงกับพูดไม่ออก“เจ้าเตรียมอาหารด้วยตัวเองงั้นรึ? ไม่จ้างพ่อครัวแม่ครัวทำล่ะ?”
หยาซานเผยยิ้ม“ไม่ได้ ๆ,อาหารที่คนอื่นทำจะถูกปากที่ใหญ่เหว่ยได้อย่างไร,การเตรียมอาหารนี้ข้า ฟังมาจากท่านสอนด้วยตัวเอง,และทดลองหลายครั้งแล้ว,เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดที่ไม่เคยมีมา,จะให้คนอื่นทำอาหารขยะมาได้อย่างไร! นอกจากนี้,ข้าไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามาที่นี่,จะรู้ได้อย่างไรว่ามีคนที่มีเจตนาร้ายซ่อนอยู่หรือไม่?”
ซูเห่าเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ“ทำตามที่เจ้าชอบ! เอาล่ะ,เจ้าไปเตรียมอาหารก่อน! เสร็จแล้วค่อยมาหาข้า.”
ผ่านไปไม่นานอาหารก็ถูกจัดเตรียมเต็มโต๊ะ,นอกจากนี้ยังเป็นการจัดโต๊ะที่ประณีต,แม้แต่ไท่นี่ยังดวงตาเบิกกว้าง,ทว่าหากลุงไม่เอ่ย,เธอก็ไม่กล้าเข้าไปนั่ง.
เวลานี้เธอไม่รู้ว่าหนูตัวน้อยกี่ตัวแล้วที่ถูกเธอมัดรัดตรึงกับเสาเอาไว้.
อาหารเตรียมเสร็จแล้ว.
ซูเห่าเอ่ย“หยาซาน,ไท่นีอายุ 7-8 ขวบแล้ว,เจ้าไม่คิดที่จะให้เธอเรียนหนังสืองั้นรึ?”
หยาซานเผยความสงสัย“ไม่ต้องฝึกฝนวิชายุทธ์หรอกรึ?”
ซูเห่าเอ่ย“ผู้ไม่รู้หนังสือจะเรียนได้อย่างไร! หากไม่รู้หนังสือก็ไม่อาจทำงานอะไรได้!”
“???”หยาซานและไท่นีเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม.
ไม่รู้หนังสือไม่อาจทำงานได้!!
หยาซานที่จำตัวอักษรได้หลายตัว,ทว่ามันทำให้เขาตาลายปวดขมับ,จึงไม่สนใจเท่าไหร่นัก,และไม่มีความคิดในการฝึกฝนเรื่องดังกล่าวให้ชำนาญมากกว่านี้ด้วย.
เรื่องนี้จะต้องเรียนรู้เป็นพิเศษด้วยรึ? ไม่ใช่ว่าสามารถเข้าใจได้ตามธรรมชาติหรอกรึ?
สองสามปีหลังจากนี้,ไท่นีย่อมสามารถจำได้หลายตัว ซึ่งเพียงพอให้ใช้งานก็น่าจะพอแล้ว.
ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อ่านเขียนเป็นพิเศษ,มีเพียงแค่บางคนในเมืองใหญ่เท่านั้นที่ต้องเรียนรู้เป็นพิเศษ.
ซูเห่าที่ถอนหายใจยาว,โลกนี้...นับว่าอยู่ในยุคโบราณจริง ๆ!
ซูเห่าที่นวดขมับเอ่ยออกมาว่า”หยาซาน,เจ้าฟังข้า,พรุ่งนี้เจ้าเข้าไปในเมืองหาคนที่รู้หนังสือมาสอนไท่นี,ให้มาสอนตอนบ่ายวันล่ะสามชั่วโมง.
ให้ไท่นีอ่านเขียน ให้เป็นเร็วที่สุด,จากนั้นข้าจะหาวิธีซื้อตำรามาให้ไท่นีเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง!”
หยาซานที่เอ่ยตอบรับ“รับทราบพี่ใหญ่เหว่ย!”
ส่วนไท่นีที่กำลังกัดขาไก่อยู่,ไม่รู้ว่าจากนี้เธอจะได้พบกับนรกอันใด.
หลังจากเสร็จสิ้นกินอาหาร,ซูเห่าก็ออกมาเดินเล่นที่ถนนหลักและถนนรอง ตรอกซอกซอยสำรวจเมือง.
“สวัสดีพี่ใหญ่เหว่ย!”
“สวัสดีตอนบ่ายพี่ใหญ่เหว่ย!”
“พี่ใหญ่เหว่ยยอดเยี่ยมที่สุด!”
......
ซูเห่าที่เผยยิ้มเล็กน้อย,ไม่ได้เอ่ยอะไร,ก่อนเดินไปบนถนนอย่างสบายใจ.
ก่อนหน้านี้,เขายุ่งวุ่นวายกับการยกระดับและการวิจัย,ทำให้ละเลยรายระเอียดมากมายของเมืองแห่งนี้ไป.
ตอนนี้เขาได้พบเข้าแล้วว่า,เมืองซือหลิน,ไม่มีโรงเรียนเลย,การอ่านเขียนส่วนมากจะเป็นการสอนจากผู้ใหญ่ให้เด็ก,จำให้ได้มากที่สุด,เป็นการเรียนรู้ตามยถากรรม.
อารยะธรรมเช่นนี้,ไม่มีอนาคตแม้แต่น้อย.
การวิวัฒนาการของยีนของคนในโลกนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทรงพลังมาก,ทว่าหากขาดความรู้สติในการควบคุมตัวเอง,แม้นว่าจะทรงพลังอย่างไร,อาศัยใช้เพียงสันชาติญาณ ไร้ซึ่งความรู้และเชาว์ปัญญาก็ไม่ต่างจากคนเถื่อน.
คนธรรมดาในโลกนี้,ใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณ,ไล่ตามความสุขตามสัญชาตญาณ,ที่จริงก็นับเป็นเรื่องดี,ซูเห่าไม่ได้ต้องการเปลี่ยนอะไรมากนัก.
อย่างไรก็ตามบางคนที่ไล่ตามวิวัฒนาการ,หากรู้เพียงแค่การฆ่า,ไล่ล่าเพื่อกินเนื้อ,ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น,ก็จะยิ่งดุร้ายไม่ต่างจากสัตว์...
หากแข็งแกร่งขึ้นแต่ไร้เหตุผล,ท้ายที่สุดก็ต้องตกตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.
มนุษย์กลายพันธ์ที่เดินไปบนเส้นทางวิวัฒนาการ,ไม่รู้จักการควบคุมความแข็งแกร่งตัวเอง,คนรอบข้าง,ก็จะได้รับหายนะไปด้วย.
เส้นทางมนุษย์กลายพันธ์ที่ซูเห่ามีข้อมูลในเวลานี้ 【มนุษย์】 【ผู้】 【อสูร】 【ปิศาจ】 【ราชา】อีกสองขั้นซูเห่ายังไม่รู้.
อย่างไรก็ตามเมื่อวิวัฒนาการไปถึงขั้นสาม【อสูร】,จิตใจของมนุษย์จะเริ่มได้รับผลกระทบจากยีน,และไปถึงขั้นสี่【ปิศาจ】ก็ยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้น,หากไม่อาจควบคุมตัวเอง,สติจะถูกกัดกร่อนทำให้กลายเป็นบ้า,ท้ายที่สุดก็ถูกคนอื่นสังหารไป.
ทำไมหยาซานเปลี่ยนเป็นมาชื่นชอบการทำอาหาร?
ซูเห่าพอจะคาดเดาได้ว่านี่คือวิธีที่หยาซานค้นพบในการระงับอารมณ์พลุ้งพล่านบ้าคลั่งของเขา.
สำหรับซูเห่า,ความรู้ของผู้คนยิ่งมากเท่าไหร่,ประสบการณ์ก็มากขึ้นเท่านั้น,ซึ่งยิ่งมีความรู้มากมายก็จะทำให้สามารถระงับความรู้สึกอารมณ์ต่าง ๆ กระทั่งสะกดสัญชาตญาณของมนุษย์ได้.
ในเวลานี้,ถึงเขาจะวิวัฒนาการเป็นขั้นสี่【ปิศาจ】แล้ว,ทว่าก็ยังสามารถควบคุมความคิดและความแข็งแกร่งของตัวเองได้อย่างง่ายดาย.
ดังนั้นหากต้องการให้ไท่นีเป็นมนุษย์กลายพันธ์ในอนาคต,สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเรียนรู้.
แน่นอนว่าการทำดังกล่าวยังทำให้ซูเห่าได้ยืนยันสมมติฐานของเขาได้ด้วย.
“หืม?”
ขณะที่ซูเห่าครุ่นคิด,เรดาร์ของเขาก็จับสัมผัสบางอย่างนอกเมืองได้.
กลุ่มสี่คน,ไม่ควรค่าให้พูดถึงแต่อย่างใด,เพราะว่ามีคนภายนอกที่เดินทางมายังเมืองนี่มากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นปรกติ,แม้ว่าจะมนุษย์กลายพันธ์ที่แข็งแกร่งหลายคน,ตราบเท่าที่พวกเขาทำตามกฎเกณฑ์ของเมืองซือหลิน,ก็ไม่มีใครสนใจพวกเขา.
อย่างไรก็ตามที่ซูเห่าจับจ้องเพราะว่าพวกเขาทั้งสี่นั้นมีบันทึกในระบบของซูเห่าอยู่แล้ว.
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง,ทั้งสี่คือคนคุ้นเคยนั่นเอง.
นอกจากนี้,คนเหล่านี้ซูเห่ายังลงรายระเอียดเอาไว้ด้วย.
......
บุรุษผู้นำคนทั้งสี่เป็นบุรุษที่ผอมสูง,ส่วนสามคนก้าวตามมาด้านหลัง.
ความหนาแน่นจิงซีของพวกเขาค่อนข้างสูง,คนแรกเป็นขั้นสี่มนุษย์กลายพันธ์【ปิศาจความเร็ว】อัน ,ต่อมาเป็นขั้นสามมนุษย์กลายพันธ์【อสูรหนามทะลวง】ฟอร์ด,อีกคนเป็นขั้นสามของลำดับมนุษย์พิษ 【อสูรกัดกร่อน】อาลัย,และสุดท้ายขั้นสามของมนุษย์ท่องรัตติกาล【อสูรซ่อนเร้น】อี.
ทั้งสี่ที่เห็นเมืองซือหลินแล้ว.
ฟอร์ดเอ่ยพึมพำ“สี่ปีแล้ว! พวกเราได้กลับมาอีกครั้ง!”
อสูรกัดกร่อนอาลัยและอสูรซ่อนเร้นอีเผยยิ้มออกมาเช่นกัน,เห็นชัดเจนว่ารู้สึกดีใจที่ได้กลับมา.
ฟอร์ดเอ่ย“หัวหน้า พวกเราสังหารกลุ่มอิทธิพลใหญ่ในเมืองซือหลินไปเลยใหม?,จากนั้นก็พักอยู่ที่นี่สักสองสามปี,เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งให้ดีขึ้น”
อันสูดหายใจลึกก่อนเอ่ยออกมาว่า“ก็นับว่าเป็นความคิดที่ดี,ทว่าพวกเรามาครั้งนี้,ไม่ได้มีแผนที่จะอยู่นาน,การจะอยู่ที่นี่เลยเป็นไปไม่ได้,เป้าหมายของพวกเรามีสองข้อ,อย่างแรกคือสังหารและรับเนื้อของปิศาจกระดูก,เพื่อให้เจ้าฟอร์ด ยกระดับ,อีกข้อคือหาเซี่ยลี่,หลายปีมานี้ไม่ได้ข่าวเลย,ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าสะสมพลังเพียงพอที่จะวิวัฒนาการได้รึยัง?.”
อันก้าวเข้ามา,ครุ่นคิดเล็กน้อยเอ่ยเพิ่ม“แม้นว่าพวกเราตอนนี้จะไม่อ่อนแอ,ทว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้,จะต้องทำตัวค้อมต่ำเข้าไว้,เขาไปในเมืองอย่าได้สร้างปัญหาอะไร,ทำตามแผน,หากไม่มีปัญหาอะไร,ค่อยแสดงอำนาจก็ยังไม่สาย.”
“ทราบแล้ว,หัวหน้าอัน!”