ตอนที่แล้วChapter 122 Wei eldest child is good
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 124 Bone armor

Chapter 123 【Bone demon】


【骨魔】

การสังเคราะห์แคส9 ด้วยวิธีปรกติ,วิธีการจะค่อนข้างซับซ้อน :

ออกแบบ SgRNA

บรรจุส่งต่อ SgRNA-Cas 9

ปรับเปลี่ยน SgRNA-Cas 9

...... อื่น ๆ.

ซูเห่าสามารถทำสำเร็จรึ?

คำตอบคือไม่!

เป็นเงื่อนไขที่ไม่อาจอนุญาตได้,หน้ำซ้ำในอนาคต หากไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่,การสังเคราะห์แคส 9 เช่นนี้,ไม่เหมาะกับเขาเลย.

เขาจำเป็นต้องหาวิธีที่ง่ายยิ่งกว่านั้น,วิธีที่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมา ที่ใหนก็ได้.

นอกจากนี้ความคิดที่อหังการนี้,ยังมีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จอีกด้วย.

วิธีการนั้นแยกออกเป็นหลายกระบวนการ.

กระบวนการแรก,ให้เสี่ยวกวงช่วยควบคุมจิงซี.

แม้ว่าเสี่ยวกวงจะไม่สามารถควบคุมสสารในร่างกายโดยตรง,ทว่าสามารถให้คำแนะนำและข้อมูลที่ถูกต้องกับซูเห่าได้ตลอดเวลา,ขอเพียงเขาต้องการเขาจะสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงในระดับเล็กแค่ใหนก็ได้.

วิธีการของเขานั้นง่ายมาก,ขอเพียงเขาควบคุมสัญญาณสมอง,บันทึก,เคลื่อนไหวสั่งการ,ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง,ก็จะสามารถตัดแต่งทุกสิ่งทุกอย่างควบคุมส่วนที่เล็กที่สุดในระดับโมเลกุลได้อย่างไม่มีปัญหา.

เมื่อซูเห่าดำเนินการใด ๆ,ก็สามารถมองเห็นภาพได้ทุกส่วน,เขาสามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง,จากสัญญาณจากสมองที่ทำการบันทึกไว้,ควบคุมกับการส่งสัญญาณในการควบคุมจิงซี,เป็นสัญญาณที่คล้ายกับการควบคุมจิงซี.

เมื่อจิงซีสามารถควบคุมในระดับโมเลกุลได้แล้ว,ซูเห่าก็จะสามารถทำการเปลี่ยนแปลง,ผลิตสัญญาสมองควบคู่กันไปได้ด้วย.

แม้นว่าจะดูเรียบง่าย,แต่ความจริงมันซับซ้อนมาก.

อย่างไรก็ตาม,ซูเห่ามั่นใจในการสร้างรหัสสัญญาณควบคุมจิงซีได้.

บางทีอาจจะใช้เวลาเพียง 3-5 ปี? ขอเพียงทำสำเร็จ,ในอนาคตก็สามารถเก็บเกี่ยวผลของมันอย่างมีความสุข.

กระบวนการที่สอง,เขาจะให้เสี่ยวกวงควบคุมพลังงานจิงซีในระดับโมเลกุล,ทำการสังเวยเนื้อของตัวเอง,ปรับแต่งยีนด้านใน.

เขาจะสามารถควบคุมชิ้นส่วนยีนได้ตามต้องการตัดแต่งผ่านหน้าจอฉายภาพ.

แน่นอน,มนุษย์มีลำดับยีน ATCG หลายล้าน,สามารถจับคู่กับชิ้นส่วนยีนที่เหมาะสมได้,ขอเพียงจับคู่ชิ้นส่วนยีนที่เขาวางผังเอาไว้,ก็จะสามารถฟื้นฟูมันคืนกลับมาให้สมบูรณ์,และได้รับชิ้นส่วนยีนเป้าหมายได้.

รวมทั้งแคส 9 ด้วย.

กระบวนการที่สาม,เขาจะใช้ร่างกายของตัวเองเป็นเหมือนกับอาหาร,ให้ชิ้นส่วนของยีนและแคส 9 เปลี่ยนแปลงร่างกายเชิงปริมาณ,ผลิตมันให้เพียงพอจนสามารถเปลี่ยนแปลงยีนทั้งหมดได้.

นี่คือหลักการที่ซูเห่าคิดเอาไว้ในใจ.

ส่วนรายระเอียดนั้นจำเป็นต้องค่อย ๆ ทำให้มันสำเร็จทีละน้อย ๆ.

ในเมื่อ มีเป้าหมายคร่าว ๆ แล้ว,ความสำเร็จจะยังอยู่ไกลอยู่อีกรึ?

......

“จากนี้ข้าจะวิวัฒนาการเป็นผู้บ้าบิ่น!”หลังจากนั้นซูเห่าก็บอกหยาซาน,จากนั้นก็กินเนื้อของผู้บ้าบิ่น,เข้าสู่การวิวัฒนาการ.

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง,ซูเห่าก็เปลี่ยนแปลงเป็นสถานะ 1 สำเร็จ.

ด้วยความคิดสั่งการ,ร่างกายสามารถกลายเป็นร่างสีดำขนาดใหญ่ขึ้น,เกราะหนาห่อหุ้มไปทั่วร่างได้.

กลายเป็นผู้บ้าบิ่น!

ซูเห่าที่ตรวจสอบสถานะ,เป็นไปตามคาด,ความหนาแน่นของจิงซีนั้นเพิ่มขึ้นมหาศาล,หลังจากที่สะสมจิงซีจนครบ,เกรงว่าเขาจะมีระดับเหนือขอบเขตบรรพชนยุทธ์ไปแล้ว.

นอกจากนี้ขอบเขตเรดาร์ของเขาก็ขยายออกไปกว้างกว่าเดิมด้วย.

นอกจากนี้เขายังสามารถวาดรูนอักขระบนเกราะได้ด้วย.

“ผู้บ้าบิ่น,มีทักษะที่ทรงพลังมาก,โดยเฉพาะพลังในการฟื้นฟู!”ซูเห่าที่ต้องการรับรู้ทักษะของผู้บ้าบิ่น,โดยเฉพาะความสามารถในการฟื้นฟูที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก.

“ดูเหมือนครั้งนี้จะต้องใช้มีดเฉือนตัวเองแล้ว!”ซูเห่าที่เอ่ยกับตัวเอง.

การใช้มีดกับตัวเองจะต้องสร้างความเจ็บปวดอย่างแน่นอน.

อย่างไรก็ตามซูเห่าจำต้องกลัวความเจ็บปวดด้วยรึ?

เว้นแต่จุดสำคัญตรงเป้า,ไม่เช่นนั้นทุกความเจ็บปวดไม่เคยแม้แต่ขมวดคิ้วด้วยซ้ำ.

อย่างไรก็ดีซูเห่าไม่คิดจะใช้มีดกับตัวเองทันที,แม้นว่า ทักษะฟื้นฟูจะสำคัญ,ทว่าการเปลี่ยนแปลงลำดับยีนต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า.

“ก่อนอื่นต้องเฝ้ามองกระบวนการเปลี่ยนแปลงยีนอย่างระเอียด!”

ซูเห่าเข้าไปในพื้นที่พินบอล,เหมือนกับก่อนหน้านี้เปรียบเทียบสังเกตุข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป,ความเปลี่ยนแปลงก่อนหน้าการวิวัฒนาการ,การเปลี่ยนแปลงระหว่างกระบวนการและการเปลี่ยนแปลงหลังวิวัฒนาการ.

ในสมองของเขาได้วางแผน การปรับปรุงยีนด้วยร่างกายตัวเอง,ดังนั้นการสังเกตุขั้นตอนการเปลี่ยนยีนอย่างระเอียดจึงเป็นสิ่งสำคัญ.

การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างโดยระเอียดถูกบันทึกเอาไว้ในพื้นที่พินบอลเรียบร้อยแล้ว.

เวลาเดินไปอย่างเร่งรีบ,สองเดือนผ่านไป.

ซูเห่าวิวัฒนาการสถานะสองของผู้บ้าบิ่นสำเร็จ,พร้อมจะยกระดับเป็นมนุษย์กลายพันธ์ชั้นสาม,อสูรหนามทะลวงเรียบร้อยแล้ว.

นับตั้งแต่ตัดสินใจวิวัฒนาการ,ซูเห่าก็ไม่ลังเลอีกต่อไป,เขากินเนื้อของอสูรหนามทะลวง,จากนั้นก็นอนบนเตียง,รอคอยให้ร่างกายวิวัฒนาการอัตโนมัติ.

เกี่ยวกับการวิวัฒนาการ,ซูเห่ารู้สึกคุ้นเคยกับมันดี.

เพียงไม่นาน,การวิวัฒนาการเป็นอสูรนามทะลวงก็สำเร็จ.

การทดลองทักษะของอสูรหนามทะลวงเป็นสิ่งที่เขาทำอย่างแรก.

ในเวลานี้ร่างกายของเขาปกคลุมด้วยเกราะกระดูกที่มีหนามชี้ชันดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก.

หนามเหล่านี้ไม่เพียงป้องกันการโจมตี,ทว่ายังใช้เป็นกระสุนยิงโจมตีศัตรูระยะไกลได้อีกด้วย.

นี่คือทักษะที่เรียกว่าหนามบิน.

การปล่อยหนามทะลวงนั้น,โจมตีได้ไกลมาก,มีพลังไม่ด้อยกว่าการยิงด้วยลูกธนูชั้นยอดเลย.

นอกจากนี้ความหนาแน่นของเกราะยังแข็งแกร่งมาก,แม้แต่มีทักษะฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง,แทบจะกลายเป็นไร้เทียมทาน,ขอเพียงไม่ถูกกุดศีรษะ,ก็จะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้เสมอ.

สิ่งสำคัญที่สุด,จิงซีของซูเห่าได้เพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน.

จิงซีมหึมาที่เขามี,มากมายจนไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไรหมด.

จิงซีที่มากมายนี้ เขารู้สึกว่าต่อให้สู้หนึ่งวันหนึ่งคืนไม่หยุดก็ยังไหว.

หลังจากเข้าใจหลักการรายระเอียดต่าง ๆ แล้ว,ซูเห่าก็เริ่มวิจัยและสรุปผลกับการเปลี่ยนแปลงของยีนต่อ.

ผ่านไปอีกหกเดือน,ซูเห่านำเนื้อออกมา,เตรียมวิวัฒนาการเป็นมนุษย์กลายพันธ์ขั้นสี่,ปิศาจกระดูก.

ใช่แล้ว,เขารู้สึกชื่นชอบเกราะกระดูกของปิศาจกระดูกมาก.

ไม่รู้ว่าเกราะกระดูกสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างตามที่เขาต้องการได้หรือไม่?

หลังจากพร้อมแล้ว,เขาก็กินเนื้อปิศาจกระดูกแล้วนอนลงบนเตียง.

เพียงไม่นาน,ซูเห่าก็กลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ขั้นสี่,ปิศาจกระดูก,เขาไม่อาจบอกได้ว่าในโลกนี้เขาคือคนที่วิวัฒนาการจาก มนุษย์ธรรมดาไปจนถึงขั้นสี่ได้เร็วที่สุดหรือไม่?

บางทีอาจมีบางคนเกิดมาแล้วเป็นขั้นสี่เลยใหม?

ถ้ามีเขาคงสู้ไม่ได้!

“ปิศาจกระดูก!”ซูเห่าที่ยื่นฝ่ามืออกไป,พร้อมกับกำหมันเข้ามา,รูปร่างของเขาที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น,เกราะหนาที่ปกคลุมทั่วร่างกาย,กระดูกสีขาวที่มีรูปลักษณ์เป็นเอกลักษณ์,มีเดือยกระดูกเรียงเป็นแถวที่เป็นระเบียบดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

ซูเห่าทำการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ,เกราะกระดูกของเขาไม่ได้ขัดขวางการเคลื่อนไหวของเขาเลย.

สมบูรณ์แบบ!”ซูเห่ารู้สึกพอใจกับเกราะใหม่ของเขามาก,มันดูงดงามไม่น้อยเลย.

นอกจากนี้ข้อต่อของร่างกายไม่ใช่จุดอ่อนอีกต่อไป.

ทำไมถึงไม่ใช่จุดอ่อน?

ซูเห่าที่นำดาบยาวออกมา.

“ฉั๊วะ!”

ดาบที่ฟันออกไป,ตัดแขนซ้ายของเขาหล่นลงพื้น.

ความเจ็บปวดที่แล่นพล่าน,โลหิตสาดกระจาย.

ซูเห่าก้าวเข้าไปเก็บแขน,ยกมันขึ้นมาจ่อตรงแขนที่ขาด.

“รักษา!”

ปรากฏหนามพุ่งออกมา,ก่อนจะเชื่อมต่อแขนกลับคืนมาอย่างคาดไม่ถึง,คืนกลับไปเป็นเหมือนกับเริ่มแรก,ความเจ็บปวดหายไปอย่างไร้ร่องรอย.

ซูเห่าที่ถอนหายใจ“ร้ายกาจ!”

“งั้นลองการเปลี่ยนแปลง!”

ซูเห่าคิด,จากนั้นเขาก็เก็บดาบยาวไป,ยื่นแขนขวาออกไป,ควบคุมให้กระดูกกลายเป็นดาบ....

“พรึด!”

หนามกระดูกที่พุ่งออกไปด้านหน้า.

“เปลี่ยนให้เป็นดาบอย่างไร?”

ซูเห่าเข้าใจแจ่มแจ้งเกี่ยวกับความสามารถของปิศาจกระดูกเต๋อลี่ที่ต่อสู้กับหยาซานก่อนหน้า.

ทำไมเขาใช้มันให้กลายเป็นดาบกระดูกไม่ได้ล่ะ?

ทักษะมีปัญหา?

“ลองอีกครั้ง!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด