Chapter 119: Cas nine sought the subscription
Cas九求订阅
ซูเห่าที่ทำการวิจัยเปรียบเทียบมาตลอดหลายปีมานี้,บอกได้ว่าจูเห่าเหรินทั่วไปและมนุษย์กลายพันธ์นั้นมีกฎลำดับยีนเป็นของตัวเอง
หากทำการจัดเรียงยีนใหม่,เปรียบเทียบในแนวขนาน.
ทำให้ง่ายในการเปรียบเทียบระหว่างจูเห่าเหรินทั่วไปและมนุษย์กลายพันธ์ได้.
ซูเห่าได้ใช้แผนการดังกล่าว,พบความแตกต่างของมนุษย์กลายพันธ์ได้มากมาย.
ยีนของมนุษย์กลายพันธ์นั้นมีชิ้นส่วนมากกว่าคนทั่วไป,มีชิ้นส่วนยีนที่มีความยาวสั้นกว่าแทรกอยู่ทำให้มีการจัดเรียงในตำแหน่งที่แตกต่างออกไป.
นี่เป็นการเปรียบเทียบอย่างง่ายเท่านั้น.
เปรียบเทียบโดยใช้คำพูด,คนธรรมดาเอ่ยถึงยีน“ข้าจะกลับบ้านกินอาหาร!”
คำพูดดังกล่าวประกอบด้วยคำพูด“ประธาน+กริยา+กรรม” สามส่วน,ซึ่งถือว่าสมบูรณ์,ได้ใจความแล้ว.
จากนั้นหากเอ่ยเกี่ยวกับยีนของมนุษย์กลายพันธ์,จำเป็นต้องมีคำขยายเพิ่มเข้ามาด้วย,เพื่อให้ประโยชน์สมบูรณ์มากขึ้นกว่าเดิม,ทำให้สามารถเข้าใจอารมณ์ของคนเรียกในประโยคต่อมา.
เช่นประโยคที่เอ่ยว่า“แม่ของข้าตะโกนเรียกข้าให้กลับบ้านกินอาหาร.”
คำขยายประโยคที่เพิ่มเข้ามา,บอกถึงความรุนแรงของคำพูด,ซึ่งเทียบได้กับยีนขั้นหนึ่งของมนุษย์กลายพันธ์.
แล้วหากเพิ่มความหมายที่มากขึ้นเข้าไปอีกล่ะ เช่น“แม่ข้าตะโกนเรียกข้าให้กลับบ้านกินอาหารที่บ้านยาย.”
เป็นการเพิ่มความหมายของประโยค,ซึ่งหมายความว่ามียีนเพิ่มเข้ามา,เป็นขอบเขตของมนุษย์กลายพันธ์ขั้นที่สอง.
ดังนั้นการเพิ่มคำเข้ามาในประโยค,จะทำให้ความหมายของประโยคนั้นมีความหมายมากยิ่งขึ้น.
“แม่ของข้าตะโกนเรียกข้าให้นำแฟนสาวกลับบ้านกินอาหารที่บ้านยาย.”
ไม่ต้องสงสัยว่านี่คือขั้นสาม ซึ่งความหมายของประโยคซับซ้อนและเนื้อหามากขึ้น.
ซูเห่าที่เฝ้าสังเกตยีนดังกล่าว,กล่าวได้ว่ายีนของคนทั่วไปนั้นเป็นรากฐาน,จากนั้นก็แทรกชิ้นส่วนยีนพิเศษลงไปในยีนรากฐาน,ยิ่งมีชิ้นส่วนแทรกมากขึ้นเท่าไหร่,ก็จะยิ่งทำให้ระดับของยีนมีความสมบูรณ์มากขึ้น.
ซึ่งการแทรกของชิ้นส่วนยีนพิเศษในยีนของคนทั่วไป,นี้จะทำให้มนุษย์กลายพันธ์ได้รับพลังเพิ่มขึ้นมา.
เกี่ยวกับการวิวัฒนาการของยีนก็คือการแทรกเศษส่วนยีนพิเศษเข้าไปในยีนพื้นฐาน,ซึ่งเขาได้เปรียบเทียบและยืนยันจากยีนของหยาซานแล้ว.
ซูเห่ารู้ว่า,สิ่งมีชีวิตในโลกนี้,ครอบครองกฎเกณฑ์,มีวิธีในการแก้ไขดัดแปลงยีนที่เป็นไปตามหลักการที่แน่นอน.
“แล้วจะจะดัดแปลงยีนเหล่านี้ให้สมบูรณ์ได้อย่างไร?”
เกี่ยวกับประเด็นนี้,ซูเห่าพบกับคำตอบแล้วเช่นกัน.
เพราะคำตอบดังกล่าว,ทำให้เขาตื่นเต้นจนตัวสั่น,แม้แต่กระโดดไปมา,อย่างมีความสุข.
ซูเห่าพบกับอะไร?
เขาได้ใช้ยีนของคนทั่วไปของจูเห่าเหรินหลายคนทดสอบ,หลังจากปรับแต่งเปรียบเทียบ,เขาก็พบเข้ากับกุญแจสำคัญ.
ที่จริงไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อนแต่อย่างใด.
ยีนของจูเห่าเหรินนั้น,เหมือนกับยีนของแบคทีเรีย,มีโครงสร้างพื้นฐานแตกต่างจากสัตว์ขนาดใหญ่.
แล้วมันแตกต่างตรงใหน?
เพื่อที่จะเข้าใจความแตกต่างของสัตว์ทั้งสอง,จำเป็นต้องเข้าใจเกี่ยวกับยีนของแบคทีเรียและยีนของสัตว์ทั่วไป,แตกต่างกันตรงใหน.
แทบทุกคนที่มีความรู้พื้นฐานเหมือนกัน.
คนปรกติ,เมื่อมีไวรัสหรือแบคทีเรียบุกเข้ามาในร่าง,เซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกาย,จะทำการกำจัดแบคทีเรียดังกล่าวด้วยตัวมันเอง.
จากนั้นคือคำถาม.
ในทะเลมีแบคทีเรียมากมายหลากหลายสายพันธ์,ทุกครั้งที่น้ำท่วมก็จะมีแบคทีเรียเหล่านี้นับไม่ถ้วนเข้าสู่ร่างกายของพวกเราไม่หยุด.
อย่างไรก็ตามแบคทีเรียมากมายหลายชนิดขนาดนี้,เม็ดเลือดขาวต่อต้านการรุกรานของพวกมันได้อย่างไร?
คำตอบนั้นง่ายมาก.
มันอยู่ที่ DNA ของแบคทีเรีย.
แบคทีเรียกนั้นมี DNA พิเศษสองอย่าง.
DNA หรือ deoxyribonucleic acid เป็นกรดนิวคลีอิกที่มีคำสั่งพันธุกรรมในการพัฒนาและทำหน้าที่ของสิ่งมีชีวิต,สามารถเรียกได้ว่า ฐานข้อมูลยีนก็ได้.
ส่วนพิเศษของ DNA ส่วนจะทำการผลิตอาวุธ DNA ซึ่งสามารถเรียกว่าเป็นคลังแสงก็ได้.
หลังจากที่แบคทีเรียกบุกเข้ามาในเซลล์,สิ่งที่เรียกว่าคลังแสงนั้นจะสร้างกรรไกรออกมา,สามารถเรียกได้ว่าเป็นกรรไกรหมายเลขหนึ่งก็ได้.
กรรไกรหมายเลขหนึ่งนี้จะไปทำการตัด DNA ให้เป็นเศษชิ้นส่วน,ชิ้นส่วนเหล่านั้นก็จะบันทึกลงไปในฐานข้อมูล DNA”
ในเวลานั้น,คลังแสงก็จะผลิต กรรไกรหมายเลขสอง,เพื่อดึงข้อมูลจัดการ DNA ของแบคทีเรียออกมา.
จากนั้นก็นำข้อมูลแบคทีเรียจากกรรไกรหมายเลขสองเปลี่ยนให้มันเป็นอาวุธทำลายล้างที่เรียกว่า แคส9.
(แคส 9 (ภาษาพูด) เป็นเอนไซม์ (Enzyme) ตัดสายดีเอ็นเอ)
แคส 9 จะหา DNA ของแบคทีเรียที่บุกเข้ามา,เมื่อพบชิ้นส่วนของยีนแบคทีเรียกที่เข้าคู่กัน,จะทำการสับหั่นชิ้นส่วนแบคทีเรียดังกล่าวทันที.
นี่คือการเข้าโจมตีตรงเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบ.
เป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ.
ทว่าซูเห่าพบว่า,จูเห่าเหรินในโลกนี้,มีรูปแบบยีนคล้ายกับแบคทีเรียเป็นอย่างมาก.
เพราะยีนของจูเห่าเหรินนั้นมีฐานข้อมูล DNA มีคลังแสง,นอกจากนี้ยังมีสวิตช์พิเศษที่ดูเหมือนกับตัวควบคุมอีกด้วย.
กล่าวอีกอย่าง,ความลับในการวิวัฒนาการ,ที่จริงนั้นเป็นการแทรกลำดับของยีนพิเศษอย่างหนึ่งนั่นเอง.
เมื่อค้นพบเช่นนี้,ก็เท่ากับทำให้เขาสามารถเปิดประตูบานใหม่ของโลกใบนี้ขึ้นมาได้.
ด้วยการค้นพบดังกล่าว,ทำให้เขาสามารถแก้ไขปรับเปลี่ยนยีนได้ตามที่เขาต้องการ.
ขอเพียงแค่สามารถควบคุม ตัวควบคุมการสังเคราะห์ แคส 9 ได้ก็พอ.
แล้วแคส 9 สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้หรือไม่?
คำตอบคือ,ใช่!
สามารถสังเคราะห์แคส 9 ขึ้นมาได้,ทว่าด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีในเวลานี้,ไม่อนุญาตให้เขาทำได้.
อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้ทำให้เขาหมดกำลังใจ,เวลายังมี,ในอนาคตจะต้องสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน.
ทำไมแคส 9 ถึงสำคัญ?
แคส9 เทียบได้กับเคอร์เซอร์ของคอมพิวเตอร์,พวกเราบังคับเคอร์เซอร์นำทางเพื่อแก้ไขจัดการเอกสารตามใจ,สามารถเลือกตำแหน่งที่จะเพิ่มหรือลบได้เพียงแค่เลื่อนหาตำแหน่งที่ต้องการ.
กล่าวอีกอย่าง,หากไม่อาจควบคุมเคอร์เซอร์ได้,ก็ไม่มีวิธีเข้าถึงเอกสารได้นั่นเอง.
แน่นอนว่าสามารถที่จะทำลายเอกสารทั้งหมดแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ได้,ทว่าใครจะยืนยันได้ว่าเอกสารที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้น,จะสามารถอ่านได้อย่างราบรื่นอย่างงั้นรึ?
มีความเป็นไปได้ว่าข้อมูลที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้น อาจจะไม่อาจทำงานได้.
ยีน,หากมีแคส9 เป็นเคอร์เซอร์,ก็จะสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงในจุดต่าง ๆ ได้ตามต้องการ.
“ต้องการเผยความลับวิวัฒนาการโดยสมบูรณ์,จำเป็นต้องประสบการวิวัฒนาการด้วยตัวเอง,จากนั้นก็เก็บเกี่ยวข้อมูลอย่างระเอียดถึงจะถูกต้อง”ซูเห่าที่เตรียมการวิวัฒนาการ.
ทว่าเขาได้เลือกลำดับไว้แล้ว,เหมือนกับหยาซาน,ลำดับมนุษย์เกราะนั่นเอง.
เพราะลำดับดังกล่าวนี้สามารถใช้พลังของรูนอักขระได้เต็มประสิทธิภาพ.
แม้นว่าลำดับอื่นจะร้ายกาจมาก,ทว่ามันยังห่างไกลกับความกลมกลืนของรูนอักขระ ดั่งเช่นมนุษย์เกราะ.
ในอนาคตเขาต้องการความสามารถของลำดับอื่นหรือไม่?
แน่นอนว่าขอเพียงยังคงศึกษายีนต่อไป,การจะใช้ความสามารถของลำดับอื่นได้ย่อมไม่มีปัญหาในอนาคต.
......
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว,งานวิจัยของซูเห่าเองก็พัฒนาเป็นอย่างมาก.
หนึ่งปีผ่านมาแล้ว.
ซูเห่ามีอายุสิบขวบ!
เขาเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วเมืองที่สร้างขึ้นใหม่,ด้วยความยินดี.
ในเวลานี้ประชากรของเมืองซือหลินเพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ,มีคนที่มาจากเมืองอื่นอพยพมาอยู่ที่นี่ด้วย,เมื่อมาถึงเมืองซือหลิง,แต่ละคนล้วนแต่ชื่นชอบเมืองแห่งนี้.
ไม่มีสถานที่ใหน,อาศัยอยู่ได้อย่างสบายใจขนาดนี้ได้อีกแล้ว.
เรื่องทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ“แก๊งซือหลิน” ที่หยาซานดูแลบริหารมาตลอดหนึ่งปีกว่า.
ในเวลานี้แก๊งซือหลินได้พัฒนาเป็นกองกำลังยี่สิบกว่าคน,สมาชิกภายในมนุษย์กลายพันขั้นสองคอยจัดการข้อพิพาทของคนทั่วไปในเวลากลางวัน,ส่วนในเวลากลางคืนก็มีทีมคอยลาดตระเวนตรวจสอบเหล่ามนุษย์กลายพันธ์ที่ละเมิดกฏ,ทุบตีอย่างบ้าคลั่ง,แม้แต่ให้ท่องสองแก่นสามกฎให้จำขึ้นใจ.
สองแก่นสองกฎเวลานี้ไม่ง่ายเหมือนกับปีก่อนหน้านี้แล้ว,เพราะมีการเพิ่มคำเข้ามาอีกมากมาย.
เหล่ามนุษย์กลายพันธ์ทั้งหมดที่ท่องสองแก่นสามกฎ,ทำให้พวกเขาแทบกระอักโลหิตไปตาม ๆ กัน.
ไม่อาจสร้างปัญหาได้.
เวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ มีคนน้อยมากที่กล้าทำผิดกฎ.
ภายใต้การแนะนำของซูเห่า,หยาซานได้นำสโลแกนไปติดทั่วถนนหลัก ถนนรอง ตรอกซอกซอยทั่วเมือง,แค่ลืมตาอยู่,พวกเขาย่อมมองเห็นสโลแกนเหล่านี้ได้.
“สามัคคีพัฒนา ร่วมสร้างเมืองซือหลินให้น่าอยู่!”
“เมืองซือหลิน,สภาพบรรยากาศที่แม้แต่คนทั่วไปยังอาศัยอยู่ได้อย่างมีความสุข.”
......
แม้แต่คนทั่วไปที่เห็นสโลแกนดังกล่าวทุกวัน,ก็สามารถจดจำมันได้.
“พี่ใหญ่เหว่ย!”
“ทักทายพี่ใหญ่เหว่ย!”
“สวัสดีตอนเช้าพี่ใหญ่เหว่ย!”
ซูเห่าที่เดินผ่านไป จะมีคนมากมายเข้ามาทักทายเขา,ในตอนแรกจะมีเฉพาะมนุษย์กลายพันธ์เท่านั้น,ทว่าต่อมาแม้แต่คนทั่วไปก็ทำตาม,กล่าวได้ว่าซูเห่าคือพี่ใหญ่ของเมืองซือหลินจริง ๆ แล้ว.
ซูเห่าพยักหน้ารับเผยยิ้ม“ดี,ไม่เลวเลย!”