Chapter 115 Big stone
大石头
“หยาซาน! ทำได้ดีมาก!”ซูเห่าที่ก้าวเดินเข้าไป,ยกมือขึ้นตบบ่าของหยาซาน,กระทบเกราะของเขาที่ดังกังวาน,“ก๊อง ก๊อง”
หยาซานที่สูดหายใจเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง,ดวงตาว่างเปล่าจ้องมองซูเห่า“พี่ใหญ่เหว่ย,ข้า.....ข้าสังหารปิศาจกระดูก? ข้าแก้แค้นแล้วรึ?”
ซูเห่าเอ่ยออกมาทันที“แน่นอน! ดาบก่อนหน้านี้,ทำให้มันเกือบตายแล้ว.”
หยาซานเอ่ยอย่างลังเล“ก่อนหน้านี้...”
ซูเห่าที่ยกมือขึ้นขวาง“อะไรกัน....ศีรษะนั่นเจ้าตัดมันลงด้วยตัวเอง! หากไม่ใช้เจ้า,มันจะล่วงหล่นลงมาได้อย่างไร.”
หยาซานพยักหน้าช้า ๆ.
รอสองปีเพื่อแก้แค้น,หลังจากแก้แค้นแล้วหัวใจของเขากลับว่างเปล่า,พลังทั่วร่างที่มีมากมายไม่รู้ว่าจะใช้มันอย่างไรต่อไป.
หากเป็นไปได้,เขายินดีที่จะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดแลกเปลี่ยนภรรยาและบุตรชายกลับมา,หลังจากนั้น เขาจะรักษาหวงแหนวันเวลาที่ใช้กับภรรยาและบุตรชายทุกวัน.
ตอนนี้,เขาต้องการได้ยินเสียงกรนและเสียงบ่นของภรรยา.....
อย่างไรก็ตาม,ไม่มีอีกแล้ว!
หยาซานต้องการร้องไห้ออกมาหลายครั้ง,ทว่าก็อดกลั้นเอาไว้.
สะกดเอาไว้อยู่ชั่วขณะ,หยาซานก็เงยหน้าคำรามออกมาทันที“อ๊ากกก!”
เสียงคำรามของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย,ดังก้องท่ามกลางความมืดมิด.
หลังจากนั้น,ซูเห่าก็เอ่ยขึ้น“หยาซาน,ไปได้แล้ว!”
หยาซานที่ได้สติ,ก่อนคุกเข่าลงทันที,น้ำตาที่อาบแก้มเอ่ยต่อซูเห่า“พี่ใหญ่เหว่ย,ขอบคุณ,ขอบคุณจริง ๆ! ข้าไม่รู้จะเอ่ยเช่นไร,ข้ารู้เพียงว่า,หากไม่มีท่าน...”
ซูเห่าถอนหายใจ“กลับไปค่อยพูด! พวกเราไปก่อน!”
ซูเห่าคิดว่าคืนนี้ไม่ค่อยเหมาะจะลงมือต่อ!
หยาซานลุกขึ้นเอ่ยอกมาว่า“รับทราบพี่ใหญ่เหว่ย!”
o his body.”
ซูเห่ายกเท้าขึ้นเตะปิศาจกระดูก,เอ่ยออกมาว่า“นำศพนี้กลับไปด้วย,ข้าจะใช้ศึกษา,ข้าสงสัยในร่างกายของเขาเป็นอย่างมาก.”
“รับทราบพี่ใหญ่เหว่ย!”
ซูเหาที่ก้าวเดินออกไป“เนื้อของปิศาจกระดูก,เจ้าสามารถใช้มันยกระดับเป็นขั้นสี่ได้!”
เสียงฝีเท้าจากที่ไกลออกไปจากทั่วสารทิศกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ช้า ๆแล้ว.
สำหรับหยาซานหลังจากเขาเป็นปิศาจกระดูก,เขาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่,ยังจะให้ความสำคัญต่อซูเห่าอีกใหม?
นั่นหาใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ,หากอีกฝ่ายกล้าเป็นปฏิปักษ์กับเขา,เขาสามารถจัดการหยาซานได้โดยตรง.
หลังจากที่หยาซานได้ยิน,ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที.
เขารังเกียจเมืองเล็กแห่งนี้มาก,มนุษย์กลายพันธ์มากมายอาศัยเพียงความแข็งแกร่ง,ลงมือโดยไม่สนคนทั่วไป,ด้วยเหตุนี้ภรรยาและบุตรชายของเขาจึงต้องตายลง.
อย่างไรก็ตามเมืองเล็กแห่งนี้เป็นสถานที่เขาเกิดและเติบโต,ถึงเขาเกลียดก็ยังรักมันด้วยเช่นกัน.
หลังจากคืนนี้,เขาจะกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ที่แข็งแกร่งอันดับสองของเมืองนี้ไปแล้ว.
บางที,เขาอาจจะใช้ความแข็งแกร่งที่มี,เปลี่ยนเมืองเล็กแห่งนี้ได้.
คิดได้ดังนั้น,หยาซานก็เอ่ยออกมาต่อซูเห่า,“พี่ใหญ่เหว่ย,ข้าต้องการจัดการเมืองนี้ให้ดี,ฟื้นฟูให้มันกลายเป็นเมืองที่สงบ,พวกกลายพันธ์จำเป็นต้องถูกจัดระเบียบ,ไม่ว่าอย่างไร,ข้าก็ไม่ต้องการให้พวกเขาทำให้คนทั่วไปได้รับบาดเจ็บถูกลูกหลงจากการต่อสู้ของพวกเขา,ท่านคิดว่าอย่างไร?”
ซูเห่าพยักหน้ารับ“ดีมาก!”
หยาซานที่ราวกับพบเป้าหมายใหม่,เขาที่กำหมัด,ภายในใจที่ครุ่นคิดเงียบ ๆ “ข้าต้องการสร้างบ้านที่สงบและปลอดภัย! ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข,มีบ้านที่มั่นคงไร้กังวล!”
......
เช้าวันถัดมา,ซูเห่าที่เก็บเกี่ยวข้อมูลของหยาซานที่พัฒนาเป็นขั้นสี่,ปิศาจกระดูกได้สำเร็จ.
เส้นทางวิวัฒนาการของหยาซานนั้น,เหนือกว่าคนอื่น ๆ,เขาที่อยู่ในขอบเขตสูงสุด.
ความแข็งแกร่งของมนุษย์กลายพันธ์ขั้นสี่,ในเมืองเล็กแห่งนี้,กล่าวได้ว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว.
ส่วนซูเห่าที่ได้ศึกษายีนของลำดับต่าง ๆ,เขาพบว่าลำดับมนุษย์เกราะเหมาะสมสำหรับเขาที่สุดแล้ว.
เพราะการแปลงร่างของลำดับดังกล่าว,สามารถสร้างเกราะปกคลุมปกปิดตัวตนของเขาได้.
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะวิวัฒนาการ,ต้องทำสิ่งหนึ่งให้เสร็จก่อน.
เมืองซือหลินนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมาก,เขาไม่อาจอยู่ศึกษาวิจัยอย่างสงบได้.
ดังนั้น,เขาจึงต้องจัดระเบียบมนุษย์กลายพันธ์ทั้งหมด,สั่งสอนพวกเขา,ให้ทำตามกฎเกณฑ์,กำจัดขยะเหม็ดเน่าให้หมดเกลี้ยง.
คืนหนึ่ง,ซูเห่าและหยาซานปรากฏขึ้นใจกลางเมือง.
การรับรู้ของซูเห่าที่ปกคลุมรัศมี 3500 เมตรปกคลุมทั่วเมืองซือหลินแล้ว,ทุกการกระทำทุกการเคลื่อนไหวของมนุษย์กลายพันธ์,ล้วนแต่อยู่ในการจับตาของซูเห่า.
นับตั้งแต่ปิศาจเส้นด้ายและปิศาจกระดูกตาย,พวกกลายพันธ์ระดับต่ำก็ออกมาสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน,พวกเขาต่างต้องการเพิ่มพลัง,ต้องการเนื้อเพื่อวิวัฒนาการ.
การกระทำของพวกเขา,นั้นไร้ความคิดไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นเลย.
ซูเห่าที่สั่งหยาซาน“คืนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องลงมือ,ตามข้ามาก็พอ,ข้าจะทำให้พวกเขาหมดสติ,เจ้าเพียงแค่แบกคนเหล่านี้ตามมาเท่านั้น.”
หยาซานเอ่ยรับ“รับทราบพี่ใหญ่เหว่ย.”
ซูเห่าเอ่ย“ไป,รีบจัดการให้เร็วที่สุด.”
เรดาร์ของซูเห่าที่จับจ้องเหยื่อที่ต้องการลงมือทันที.
“เริ่มงาน!”
ซูเห่าตะเวนไปทุกที่,ในมือมีศิลาก้อนใหญ่.
มนุษย์กลายพันธ์คนแรกก็คือลำดับมนุษย์อ่อนช้อย,ขั้นสองก็คือผู้พเนจร,นี่คือลำดับที่เคลื่อนที่รวดเร็ว,ราวกับว่ากลมกลืนหายไปกับสภาพแวดล้อม,ไปมารวดเร็วคล้ายล่องหน,มนุษย์กลายพันธ์สตรีที่สวมกระโปรง,กำลังเคลื่อนที่หายไปในความมืด,ดูผิดปรกติเป็นอย่างมาก.
ผู้พเนจรเป็นจู่เห่าเหริน,สวมชุดเข้ารูปสีดำ,สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าที่งดงามของเธอเอาไว้.
ผู้พเนจรที่เวลานี้เคลื่อนที่ไปมากลมกลืนในความมืดอย่างมีความสุข,กำลังตะเวนหาเนื้อกิน,ทว่าในเวลานั้นเธอต้องสะดุ้งจู่ ๆ ด้านหน้าปรากฏผู้เยาว์คนหนึ่งด้านหน้า,กำลังเผยยิ้มให้เธอ.
“ตั้งแต่เมื่อไหร่....”
อย่างไรก็ตามไม่รอให้เธอได้เอ่ยถาม,ศิลาก้อนใหญ่ก็ฟาดลงมาแล้ว.
“ตูมมมม!”
ผู้พเนจร,หญิงที่ดวงตาเหลือกขาว,ล้มลงบนพื้น,หมดสติโดยไม่ทันตั้งตัว.
ซูเห่าพอใจกับผลงานเปิดม่านของเขาเป็นอย่างมาก!
เห็นมีคาบโลหิตติดอยู่ที่ก้อนศิลา,ภายในใจก็ได้แต่คิด,บางทีก็ไม่อาจควบคุมพลังได้,ไม่รู้หนักเบา,บางครั้งก็ทะลุหนังเข้าไป.
“หยาซาน,เก็บ! ต่อไป!”
“รับทราบ!”หยาซานที่แบกสาวน้อย ผู้พเนจรขึ้นบ่า,ไล่ตามหลังซูเห่าไป.
“หืม~มีขั้นสองของมนุษย์ท่องรัตติกาล 【ผู้สืบเสาะ】,มีร่างเป็นเหมือนค้างคาว,คาดไม่ถึงว่าจะมาซ่อนตัวอยู่นี่,ซ่อนตัวรึ? คิดว่าข้าไม่เห็นรึไง!”
ผู้สืบเสาะเหมือนกับค้างคาว,กำลังไล่ล่าลำดับสองของมนุษย์พิษ【ผู้ลำพัง】ที่เป็นสตรีคนหนึ่ง,โดยที่ ผู้ลำพังไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังถูกสะกดรอยตาม.
ใช่แล้วผู้สืบเสาะกำลังรอโอกาสอยู่,เมื่อได้โอกาสก็จะลงมือสังหารผู้ลำพักสตรีคนดังกล่าวทันที,ทว่าทันใดนั้นศิลาก้อนใหญ่ก็ปรากฏขึ้นด้านข้าง,ไม่ทันให้เขาได้ตอบสนอง,ก็ถูกฟาดลงไปแล้ว.
“ตูมมมม!”
ผู้สืบเสาะล้มคว่ำลงทันที,ได้ยินเพียงเสียงดังหวึ่ง ๆ ในหัว,ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น,พยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง.
“เบาไปสินะ!”ซูเห่ายกก้อนศิลาฟาดลงไปยังศีรษะมนุษย์กลายพันธ์ผู้สืบเสาะที่มืนงงซ้ำอีกครั้ง
“ตูมมมม!”
ผู้สืบเสาะไม่อาจลุกขึ้นได้อีก,ล้มตึงบนพื้น,หมดสติไป.
ส่วนผู้ลำพังหญิงที่ตอบสนองตอบโต้,ร่างกายของเธอสั่นไปมา,พ่นแก๊สสีเหลืองและของเหลวสีดำออกมาทันที.
ชั่วขณะหนึ่งเมื่อเธอตรวจสอบเป้าหมาย,ก็เห็นศิลาก้อนหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้ว.
“ตูมมมมม!”
อย่างไรก็ตามซูเห่าที่ทำให้ผู้ลำพังสลบ,รู้สึกดีใจขึ้นมา,ที่หลบของเหลวสีดำนั่นทัน,ทว่าแก๊สสีเหลืองนั่นเขาได้สูดไปเล็กน้อย.
กลิ่นของมันรุนแรงชวนอ๊วกมาก,แทบทำให้เขาพ่นอาหารที่กินไปทั้งหมดวันนี้ออกมา.
ในเวลานั้นหยาซานก้าวเข้ามา,ได้กลิ่นแปลก ๆ,ทันใดนั้นก็ถอยกรูด,อดไม่ได้ต้องคำรามลั่น“มารดาเถอะ,กลิ่นนี่...อ๊วกกกก!”
ซูเห่าที่ถอยออกมาใกล้,จากนั้นก็ใช้รูนอักขระสะกดประสาทปรับสภาพ,การอ๊วกของเขาทันที.
ขณะเห็นหยาซานเองอ๊วกออกมาไม่หยุด ก็ก้าวเข้าไปหา
พร้อมกับวาดสลักอักขระสะกดประสาท,รักษาเขา.
ซูเห่าเผยยิ้มเอ่ยออกมาว่า“เก็บ!”
หยาซานที่จ้องมองผู้ลำพังที่นอนบนพื้นด้วยแววตาหวั่นเกรง,จากนั้นก็พยักหน้ารับช้า ๆ.