Chapter 110 Yashan carapace rune/symbol writing
亚山牌甲壳符文
มนุษย์กลายพันธ์มีเก้าลำดับ แต่ละลำดับมีเจ็ดขั้น
• ขั้นหนึ่ง มนุษย์...
• ขั้นสอง ผู้...
• ขั้นสาม อสูร....
• ขั้นสี่ ปิศาจ...
• ขั้นห้า ราชา..
สองวันถัดมา,อักขระรูนตัวแรกได้สลักลงบนเกราะของหยาซาน,เมื่อกระตุ้นจิงซี,อักขระดังกล่าวก็ส่องสว่าง,แทบทำให้หยาซานตาบอด.
“พี่ใหญ่เหว่ย,นี่คืออะไร?”หยาซานที่ตาพร่ามัว,เอ่ยสอบถามด้วยความตะลึง.
ซูเห่าเอ่ย“นี่คือพลัง!”
จากนั้นเขาก็เอ่ย“หยาซาน,ข้าจะสอนเจ้าควบคุมจิงซีก่อน!”
หยาซานเอ่ยงง ๆ“จิงซี? มันคืออะไร?”
ซูเห่าเอ่ย“คือพลังงานที่สะสมในร่างกาย,ในร่างของเจ้ามีอยู่จำนวนมาก,เจ้าเพียงแค่ใช้สัญชาติญาณของผู้บ้าบิ่นเปิดใช้งาน,อย่างไรก็ตามจิงซีไม่ได้ใช้ได้แค่นั้น,ดังนั้นเจ้าต้องการเอาชนะมนุษย์กระดูก,ก่อนอื่นต้องเรียนรู้ควบคุมร่างกายและพลังงานของเจ้าก่อน.”
หยาซานเอ่ยอย่างจริงจัง“ตกลงพี่ใหญ่เหว่ย.”
ซูเห่าพยักหน้ารับ.
การสอนหยาซานเรียนรู้การควบคุมจิงซี,มีประโยชน์ต่อซูเห่าสามอย่าง.
อย่างแรก,ซูเห่าสามารถยืนยันได้ว่าจิงซีก็คือพลังที่ใช้ในการวิวัฒนาการ,หากสามารถควบคุมจิงซีได้,ก็สามารถวิวัฒนาการเวลาใหนก็ได้,ไม่จำเป็นต้องรอหรือหาเนื้อพวกกลายพันธ์เพื่อสะสมพลังหรือกังวลว่าจะไม่มีพลังงานเพียงพอขณะวิวัฒนาการ.
อย่างที่สอง,หลังจากที่หยาซานควบคุมจิงซีได้,จะสะสมจิงซีได้ด้วยความเร็วสูง,จะสามารถเตรียมการวิวัฒนาการ เป็นการเป็นอสูรหนามทะลวงได้เร็วปรกติและยังช่วยประหยัดเวลาให้ซูเห่าได้ศึกษาอีกด้วย.
อย่างที่สาม,ซูเห่าสามารถวาดสลักรูนอักขระบนร่างหยาซานได้ตามเท่าที่ต้องการ,ทดสอบการสลักลงบนเกราะและบนกระดูก,รูนอักขระมากมายจะได้ทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้ในโลกใบนี้,กระทั่งสามารถกระตุ้นใช้ได้ทุกเวลาตามความต้องการ.
......
หนึ่งปีหลังจากนั้น,ซูเห่ามีอายุแปดปี.
ตลอดทั้งปี,ซูเห่าได้ตะเวนไปทั่วเมืองซือหลินทุกคืน,เก็บเกี่ยวโลหิตของขั้นหนึ่งและขั้นสองของมนุษย์กลายพันธ์,และได้รับขั้นสามมาบ้าง.
ตอนนี้ฐานข้อมูลในพื้นที่พินบอลนั้นมีอยู่มากมาย.
ทว่ายกเว้นมนุษย์ทำนาย,ยีนของลำดับอื่น ๆ ล้วนแต่ได้มาครบเกือบหมดแล้ว.
นอกจากนี้เขายังได้ถอดรหัสยีนทั่วไปเป็นจำนวนมาก.
ดังนั้นเขาจึงได้สังเวยหนูตัวน้อยเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน.
กล่าวตามตรง,ซูเห่าเวลานี้พัฒนาไปอย่างราบรื่น.
ทว่าก็มีสิ่งที่เรียกว่าไม่ราบรื่นอยู่ในปีนี้ด้วยเช่นกัน,เมืองซือหลินมียอดฝีมือที่ป่วยจิต,ซูเห่าจำได้ว่า มันคือปิศาจเส้นด้ายที่สังหารปิศาจความเร็วไปในวันนั้นนั่นเอง.
แทบทุกคืน,ปิศาจเส้นด้ายจะตะเวนไปทั่วเมือง,พร้อมกับคำรามลั่น ค้นหาปิศาจรัตติกาล,แม้แต่คำรามท้าทายปิศาจรัตติกาลไม่หยุดหย่อน,ทำให้เมืองซือหลินกลายเป็นวุ่นวาย,คนทั่วไปไม่กล้าออกมาขากที่ซ่อนกระทั่งซ่อนมิดชิดในบ้านด้วย.
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดปิศาจเส้นด้ายแทบไม่แยกแยะ,เขาจิตใจบิดเบี้ยว คิดว่าทุกคนที่เห็นเป็นปิศาจรัตติกาลไปหมด,แม้แต่พุ่งเข้าสังหารแทบจะในทันทีอีกด้วย.
เขาได้กลายเป็นปิศาจร้ายที่น่ากลัวที่สุดในเมืองนี้ไปแล้ว!
หากไม่เพราะว่าซูเห่ายังไม่พร้อม,เขาคงลงมือศึกษาโครงสร้างร่างกายของปิศาจเส้นด้ายไปแล้ว.
ซึ่งเขาเองก็ต้องการจัดปิศาจร้ายตัวนี้ไปเป็นอย่างมาก.
ปิศาจเส้นด้ายทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย,เหล่ามนุษย์กลายพันธ์กลัวปิศาจเส้นด้าย,จึงไม่ออกมาเวลากลางคืน,แต่ละคนต่างก็หลับอยู่ในบ้าน,ทำให้การเก็บเกี่ยวของซูเห่าเป็นไปอย่างยากลำบาก.
นับว่าโชคดีที่ยีนมนุษย์กลายพันธ์ขั้นหนึ่งและขั้นสองสามารถถอดรหัสสำเร็จไม่น้อย.
ซูเห่าเวลานี้กำลังวางแผน,หากทุกอย่างพร้อม,เขาจะลงมือกับปิศาจเส้นด้ายแน่นอน,ฝ่ายตรงข้ามบ้าคลั่งเกินไป,ทำให้เมืองซือหลินไม่สงบ,การเก็บเกี่ยวของเขาไม่เป็นไปตามแผนเลย.
ตามความเห็นของคนทั่วไป เมื่อหาปิศาจรัตติกาลไม่พบ,ไม่ใช่ว่าควรหยุดหรือไม่?
ส่วนหยาซานเวลานี้สามารถครอบครองการเปลี่ยนปราณโลหิต,และได้รับวิธีเปลี่ยนเป็นจิงซีเรียบร้อยแล้ว,การควบคุมของเขานับว่าเชี่ยวชาญระดับหนึ่ง.
ส่วนวิธีการใช้รูนสลักบนเกราะของหยาซานเองก็เป็นไปอย่างราบรื่นเช่นกัน.
การสลักรูนอักขระบนเกราะของหยาซาน,ทำให้หยาซานเปลี่ยนไปมาก,ร่างกายของเขาสามารถฟื้นฟูเองอัตโนมัติ,รักษาแผลเอง,ไม่จำเป็นต้องทำการกระตุ้นเองแต่อย่างใด.
นอกจากนี้,ซูเห่ายังคิดวิธีการใหม่,ด้วยการสักลายลงไปอีกด้วย!
ด้วยการสักลายลงผิวหนังหยาซานโดยตรง,เมี่ออีกฝ่ายแปลงร่างเป็นผู้บ้าบิ่น,ก็จะกลายเป็นลายอักขระปรากฏบนเกราะของหยาซานพร้อมใช้งานทันที.
ความคิดดังกล่าวที่ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก,เมื่อหยาซานแปลงร่าง,ลวดลายของรูนอักขระก็ยังคงอยู่.
ทว่าอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น,ลวดลายอักขระนั้นจำเป็นต้องปรับสภาพให้เข้ากับร่างกายก่อนถึงจะใช้งานได้.
ปัญหานี้แก้ไขได้ไม่ยากนัก,จำเป็นต้องหาวัตถุดิบในการสัก,เป็นวัตถุดิบที่ผสานเข้ากับหนังและเกราะของเขาได้และมีความยืดหยุ่นขณะถูกกระตุ้นด้วยจิงซี.
เมื่อหยาซานแปลงร่างเป็นผู้บ้าบิ่น,ลวดลายอักขระนั้นจะมีจิงซีไหลเวียนอย่างรวดเร็ว,นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นการทำงานได้บนเกราะเมื่อแปลงร่าง.
หลังจากได้รับความสามารถใหม่,หยาซานก็สนุกเป็นอย่างมาก,ราวกับได้ของเล่นใหม่,ทว่าซูเห่าเข้าใจดี,แม้นว่าใบหน้าจะยิ้มแย้ม,ทว่าในใจนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังไม่จางหาย.
ซูเห่าทำการสลักลายลงบนร่างของหยาซานสิบอักขระรูนด้วยกัน.
“แข็ง” “ม่านพลัง” “โก่งโค้ง” “เจาะเกราะ” “คม” “กัดกร่อน” “ปะทุสองเท่า” “สว่างจ้า” “วงแหวนเพลิง” “กระแสไฟฟ้า” “ทุบ” “ผสานงาน” “ดูดซับแสง”
หยาซานฝึกฝนวิธีใช้รูนอักขระแต่ละตัวทั้งกลางวันกลางคืน,แม้แต่ฝึกฝนนำมาใช้ในการต่อสู้ด้วย.
สำหรับซูเห่าแล้ว,การมอบอักขระเหล่านี้ให้กับหยาซานหาได้มีอะไร,หยาซานที่รู้เพียงวิธีใช้,ไม่รู้หลักการ,หรือวิธีสร้างแต่อย่างใด.
นอกจากนี้,ซูเห่ายังเตรียมแผนการเผื่อเอาไว้,หากหยาซานทรยศ,อักขระเหล่านี้เขาสามารถเก็บมันกลับคืนได้ทุกเวลา.
สิ่งสำคัญที่สุด,ลำดับมนุษย์เกราะ,ดูเหมือนว่าจะเหมาะกับเขาจริง ๆ.
ไม่รู้ว่าหลังจากวิวัฒนาการเป็นอสูรหนามทะลวง,และปิศาจกระดูกหลังจากนี้,จะได้รับความสามารถใดมา.
ในวันหนึ่ง,หยาซานมาพบกับซูเห่า,เอ่ยอย่างสงบ“พี่ใหญ่เหว่ย,ข้าวางแผนลงมือกับอสูรหนามทะลวงคืนนี้”
ซูเห่าพยักหน้ารับ“ต้องการให้ช่วยใหม?”
หยาซานส่ายหน้าไปมา“ไม่จำเป็น,ข้าต้องการใช้พลังที่มีอยู่เวลานี้,รับมือกับคนที่มีขั้นสูงกว่าด้วยตัวเอง,อย่างไรก็ตามพี่ใหญ่เหว่ย,โปรดคอยสนับสนุนข้าด้วย,หากข้าพลาดพลั้ง,ได้โปรดลงมือช่วยด้วย!”
ซูเห่าพยักหน้ารับ“ตกลง.”
ซูเห่าไม่ยอมให้หยาซานตายไปอย่างไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน.
ในเวลานั้นเด็กสาวตัวน้อยที่เหมือนกับตุ๊กตาดินเผาห้าขวบยื่นหัวออกมา,เอ่ยถาม“พ่อ,ลุง,ท่านจะไปใหนรึ?นำไท่นีไปด้วย!”
ซูเห่าเอ่ย“เรียกพี่ชาย......”
ไท่นีเอ่ยอย่างเหนียมอาย“พี่ชาย..”
อย่างไรก็ตามซูเห่ารู้ดี พูดไปก็ไร้ประโยชน์,วันถัดมาสาวน้อยก็เปลี่ยนมาเรียกเขาว่า“ลุง”เช่นเดิม.
หยาซานเห็นไท่นี่ต้องการไปด้วย,ก็เผยยิ้มเหยเก,ปิดปาก,ไม่เอ่ยอะไรอีกต่อไป.
ซูเห่าก้าวไปด้านหน้าลูบศีรษะอีกฝ่าย,เอ่ยออกมาทันที“เจ้าต้องอยู่ดูแลบ้าน,พี่ชายจะให้เจ้าเลือกหนูตัวน้อยที่เจ้าชอบวันนี้,อยู่เป็นเพื่อนของเจ้า.”
ไท่นีดวงตาเบิกกว้าง,เอ่ยด้วยความดีใจ“จริงรึ?ข้าต้องการหนูตัวสีขาว.”
หนูเหล่านี้คือหนูที่ซูเห่าใช้ทดลอง,แต่ละตัวอ้วนปุก,ดูน่ารักน่าชังซึ่งไท่นีต้องการมานานแล้ว ต้องการเล่นกับมัน,ทว่าซูเห่าปฏิเสธมาตลอด,วันนี้อารมณ์ดี,จึงตอบสนองความต้องการของเธอ.
ซูเห่าเอ่ย“จะมอบให้กับเจ้าเวลานี้ล่ะ.”
ไท่นีที่คว้ามือของซูเห่า,ดึงไปในทันที“ไปเร็วเข้า.”
จากนั้นเธอก็ชี้ไปยังหนูอ้วนตัวหนึ่ง“ลุง,ข้าต้องการตัวนั้น.”
ซูเห่าที่พูดไม่ออก“เรียกพี่ชาย!”
ไท่นีหัวเราะคิคิ“พี่ชาย,ข้าต้องการตัวใหญ่ตัวนั้น!”
ซูเห่าที่จับหนูตัวโต,ส่งให้กับไท่นีเอ่ยออกมาว่า“นำมันไปเล่น! จะต้องดูแลให้ดีอย่าให้หนีได้.”
“รู้แล้ว!”ไท่นีกอดหนูตัวอ้วนแล้ววิ่งออกไปทันที.
ในเวลานั้นหยาซานที่ยิ้มออกมาได้,พร้อมกับถอนหายใจยาว,พร้อมกับกล่าวชมซูเห่า,“พี่ใหญ่เหว่ยท่านร้ายกาจมาก,สามารถจัดการเด็กได้อย่างง่ายดาย!”
ซูเห่าที่ยิ้มมุมปาก“แน่นอน!”
ไม่รู้ว่าเขาเกิดเป็นเด็กมากี่ชาติแล้ว,การรับมือกับเด็กนั้น,สบายมาก.
ทว่าก็ได้แต่ถอนหายใจยาวคร่ำครวญเหมือนกัน“เฮ้อ....ข้าก็ไม่อยากเป็นเด็ก,ต้องการโตให้เร็วเช่นกัน!”
กลางคืนมาถึงอย่างรวดเร็ว,การล่าเริ่มขึ้น,ภายในความเงียบและมืดมิด,การล่าเหยื่อเริ่มแล้ว.
ซูเห่าและหยาซานได้เตรียมพร้อม
จากนี้,ใครคือเหยื่อ?