Chapter 105: Chaotic
混乱
ซูเห่าไม่ได้ใช้จิงซี,อาศัยเพียงแค่พลังกาย,ฟันไปยังเกราะของหยาซาน.
“เคร้ง!”
เสียงดังกังวาน,คมดาบไม่อาจสร้างรอยให้กับเกราะบนแขนของหยาซานได้เลยแม้แต่น้อย.
“แข็งมาก!”ซูเห่าที่ตกใจ,ไม่คาดคิดว่าเกราะของหยาซานจะแข็งขนาดนี้,แม้นว่าจะไม่ใช่จิงซี,ทว่าความแข็งแกร่งของร่างกายเขาเวลานี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน.
คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจสร้างรอยอะไรได้เลย.
หยาซานที่เป็นหน้าประหลาดใจของซูเห่าก็เผยยิ้มอย่างพึงพอใจ.
ซูเห่าที่กระชับดาบสั้นรวมจิงซีถ่ายเทลงไปบนคมดาบ,ก่อนที่จะฟันอีกครั้ง.
“พรึด ซี่!”
เกราะที่ถูกเฉือนเข้าไปถึงกระดูกทันที.
„-”
“อ๊ากกกก”
หยาซานร้องโอดโอยใบหน้าบิดเบี้ยว“...พี่ใหญ่เหว่ย,เบา ๆ,เบาหน่อย! แขนข้ากำลังขาด....”
ซูเห่าที่ดึงดาบออก,พร้อมกับนำขวดใบเล็กมาใส่โลหิต,พยักหน้าพอใจ“ความแข็งแกร่งของกระดองเจ้ายอดเยี่ยม!”
หยาซาน“.......”
หยาซานที่เพ่งพิศ,ขณะจ้องมองไปยังบาดแผลบนแขนของเขา“บางที,แผลนี้,สามารถฟื้นฟูได้.”
ซูเห่าจ้องมองเขาด้วยความสงสัย.
หยาซานไม่ได้เอ่ยอะไร,ราวกับว่ากำลังควบคุมอะไรบางอย่าง.
เพียงไม่นาน,บาดแผลของเขาก็ฟื้นคืนกลับมา,โลหิตหยุด,แม้แต่เกราะก็เติบโตขึ้นมาปกปิดแผล.
เขาและซูเห่าที่จ้องมองหน้ากันและกัน.
หยาซานพึมพำ“พี่ใหญ่เหว่ย,ข้าอาจจะไร้เทียมทานจริง ๆ ก็ได้.”
ซูเห่าไม่ได้เอ่ยอะไร,พร้อมกับทดสอบต่อยไปยังร่างของหยาซานอีกครั้ง.
“ตูมมมม!”
หยาซานที่หายใจหอบทันที“ที่จริง,ไม่ได้ไร้เทียมทานหรอก!”
......
ไม่นานหลังจากนั้นครึ่งปีก็ผ่านไป,เมืองซือหลิน(วิหารป่า)ดูวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ.
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่,เวลากลางคืนไม่สงบเลย,มีเสียงระเบิดดังสนั่น,สิ่งก่อสร้างพังทลายอยู่เป็นระยะ ๆ,แม้แต่ถนนหนทางสวนหลายแห่งยังแตกเป็นทาง.
นับว่าโชคดี,ที่พักซูเห่าอยู่ชายขอบจึงไม่ได้รับผลของการต่อสู้.
อย่างไรก็ตามสภาพที่เป็นอยู่นี่ ไม่รู้ว่าจะคงอยู่นานขนาดใหน.
ในครึ่งปีมานี้,กระทั่งหยาซานผู้บ้าบิ่นยังได้รับบาดเจ็บกลับมาหลายครั้ง.
ในคืนหนึ่ง,หยาซานมาพบกับซูเห่าได้ส่งขวดเล็ก ๆ สองขวด“พี่ใหญ่เหว่ยนี่คือโลหิตของ【มนุษย์ปั่น】และนี่คือโลหิตขั้นสองของ【มนุษย์อ่อนช้อย】ที่เรียกว่า【ผู้พเนจร】,ข้าเสี่ยงภัยไปเก็บมาเลยนะ.”
ซูเห่าที่เผยยิ้มรับมาโลหิต【ผู้พเนจร】มา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่มี,ส่วนมนุษย์อ่อนช้อยแม้ว่าจะมี,ทว่าได้เพิ่มมาก็นับว่ามีประโยชน์เช่นกัน.
แม้นว่าจะมียีนที่คล้ายกัน,ทว่าก็มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างกัน,ต้องไม่ลืมผู้กลายพันธ์แต่ละคนมีความสมบูรณ์ของยีนที่แตกต่างกัน.
ซูเห่าเอ่ยถาม“ตอนนี้ในเมืองเป็นอย่างไรบ้าง?”
อาซานเอ่ย“เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวกระจายออกมาว่าแก๊งเสิ่นกวงและแก๊งเทียนเหมินกำลังทะเลาะกัน,ค่อนข้างรุนแรง.”
“ทะเลาะกัน?”
หยาซานพยักหน้าเอ่ยออกมาว่า”ได้ยินมาว่าข้อมูลสถานะของทั้งสองฝ่ายถูกเผยออกมา,ไม่รู้ว่าเป็นใครเผยข้อมูล,จากนั้นพวกเขาก็เริ่มไล่ล่าสังหารกัน.
หลังจากนั้นก็มีคนสองคนที่พิเศษจากทั้งสองฝั่งถูกสังหาร ได้ยินมาว่าเป็นบุตรของหัวหน้าแก๊ง,ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ที่รุนแรงจึงเกิดขึ้น.”
ซูเห่าพยักหน้าพอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด,หยาซานยังเล่าต่อไปอีกว่า”ตอนนี้ในเมืองวุ่นวายมาก,ไม่เพียงแค่การสู้กันของแก็งทั้งสอง,ยังมีการไล่ล่าจากพวกกลายพันธ์จากที่อื่นเข้ามาร่วมวงด้วย.
ตอนนี้แม้แต่เวลากลางวัน,ทุกคนยังระมัดระวังตัว,เพราะเกรงว่าจะมีใครแอบซ่อนอยู่แล้ว รับรู้สถานะเบื้องหลังของพวกเขา”
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ“ความวุ่นวายครั้งนี้,มากขึ้นเรื่อย ๆ,ดูเหมือนว่าเวลานี้ไม่อาจซ่อนตัวได้ดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว!”
ซูเห่าที่เผยยิ้ม“เมื่อไหร่ที่เรียกว่าเป็นการซ่อนตัวที่ดี? หากเจ้าแข็งแกร่งเท่าไหร่เมื่อนั้นทุกที่ล้วนแต่เป็นการซ่อนตัวที่ดี,เมื่อเจ้าอ่อนแอจะซ่อนที่ใหนก็เหมือน ๆ กัน.”
หยาซานที่ครุ่นคิด,ก่อนพยักหน้ารับ“มีเหตุผล! ข้าจะต้องพยายามสะสมความแข็งแกร่ง,ก้าวขึ้นสู่ขั้นสามให้เร็วที่สุด”
ซูเห่าเอ่ย“เจ้ารู้ผู้กลายพันธ์【อสูรหนามทะลวง】แล้วรึ? ว่าอยู่ที่ใหน”
หยาซานเผยท่าทางอักอ่วน“ยังไม่รู้เลย.”
ซูเห่าเอ่ย“ในเมื่อไม่มีเรื่องที่เจ้าสามารถจัดการได้,เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ,เวลานี้อยู่ในช่วงวุ่นวาย,ก่อนอื่นหาวิธีปกป้องตัวเองให้ดีก่อนก็แล้วกัน.”
หยาซานพยักหน้ารับ“ทราบแล้ว,พี่ใหญ่เหว่ย.”
ซูเห่ารู้ดีว่าหยาซานคิดอะไร,ทว่าเขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่ง,ในเมื่อเขาเตือนไปแล้ว,อีกฝ่ายจะฟังใหม,ก็ไม่เกี่ยวกับเขา.
ซูเห่าเก็บตัวอย่างโลหิต,จากนั้นก็กลับบ้านนอน.
“ใกล้จะเจ็ดปีแล้ว.”ซูเห่ามีลางสังหรณ์ว่า,การวิจัยยีนของเขา,กำลังจะก้าวสู่ขอบเขตใหม่ในเร็ว ๆ นี้.
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น.
คืนหนึ่งที่เงียบสงบ,ทว่านี่เป็นความเงียบเพียงผิวหน้า,ยังมีคลื่นใต้น้ำที่รุนแรงก่อตัวขึ้นภายใต้ความเงียบสงบนี้.
ผู้บ้าบิ่น,ฟอร์ดที่เคาะประตู,ก้าวเข้ามาในห้อง,ไปยืนอยู่ด้านหน้าอันเอ่ยออกมาว่า“หัวหน้า,แก๊งเสิ่นกวงรวมผู้คนทั้งหมดเตรียมเข้าปะทะกับแก๊งเทียนเหมินแล้ว,เกรงว่าคืนนี้คงต่อสู้ตัดสินกัน,กองกำลังอื่นเองต่างก็ออกมาเพื่อชมความสนุกรอคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แล้ว.”
ภายในห้อง, มี【ผู้พันรอบ】เซี่ยลี่, 【ผู้สืบเสาะ】อี้, 【ผู้ลำพัง】อาลัย อยู่ในห้องด้วย.
อันที่ลุกขึ้น,ร่างกายที่ผอมสูง,สองขาของเขากับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ,การก้าวย่างที่แปลกประหลาด,ทุกก้าวของเขาราวกับว่าทำให้ร่างของเขาพุ่งออกไป.
อันหยิบจดหมายออกจากอกของเขา,วางไว้บนโต๊ะ,พร้อมกับนำเทียนออกมาจุด,แล้วนำเชือกรัดพันจดหมาย,พร้อมกับนำไขออกมาผนึกจดหมาย.
หลังจากเสร็จสิ้น,เขาก็ก้าวออกไปยังทางออกเอ่ยออกมาว่า“พวกเราไปเถอะกลุ่มหลิวซิ่งจะไปเก็บเกี่ยวเต็มกระเป๋า,จากนั้นก็ออกจากเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ไป.”
ทุกคนก้าวตามไป.
อีกด้านหนึ่ง,หัวหน้ากลุ่มเสิ่นกวง,นำมาโดย【ปิศาจความเร็ว】นามเฟยหลุน,หลังจากที่ได้รับรายงานก็เผยยิ้ม,นำหน้ากากออกมาสวม,ร่างกายที่ใหญ่ยักษ์กับเคลื่อนที่รวดเร็ว,พริบตาเดียวก็มาอยู่ที่หน้าประตูแทบมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวเลย.
ปิศาจความเร็วเอ่ยด้วยแสงแหบ“มีใครบางคน ต้องการให้ข้ากับ 【ปิศาจกระดูก】ต่อสู้กันอย่างงั้นรึ? กำลังโลภในเนื้อของข้า? ฮึ! โชคดีที่ข้ามีเวลา,ข้าจะเล่นกับมันสักหน่อย,ข้าสงสัยจริง ๆ,ว่ามันเป็นใคร?”
พริบตานั้นร่างกายของเขาก็ออกจากประตูไปปรากฏบนหลังคา.
ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาของเขากำลังวิ่งตามหลังไป.
ปิศาจความเร็ว,เฟยหลุนที่เคลื่อนที่ไปยังชานเมือง,มีเจ็ดมนุษย์กลายพันธ์ของแก๊งเสิ่นกวง,ระดับต่ำสุดคือขั้นสองกำลังตามไป.
สองคนเป็นมนุษย์กลายพันธ์ขั้นสาม,คนแรกเป็นลำดับสามของมนุษย์จอมพลัง,ที่เรียกว่า【อสูรระเบิด】ส่วนอีกคนเป็นขั้นสามของลำดับมนุษย์ปั่นที่เรียกว่า【อสูรใบมีด】
ปรกติแล้วในหนึ่งแก๊ง,จะดึงดูดลำดับผู้กลายพันธ์ที่คล้าย ๆ กัน,ดังนั้นสมาชิกจึงมีไม่มากนัก.
ความแข็งแกร่งของแก๊งนั้นขึ้นอยู่กับพลังของหัวหน้ากลุ่มล้วน ๆ.
ดังนั้นปิศาจความเร็ว,ตราบเท่าที่เขายังคงเป็นหัวหน้า,ในการต่อสู้,ตราบเท่าที่เขายังไร้เทียมทาน,พวกแฝงตัวเข้ามาเก็บเกี่ยวจะมากเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์.
เฟยหลุนที่มาหยุดบนหลังคาแห่งหนึ่ง,โบกมือให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาเจ็ดคนให้กระจายไปสี่ทิศ,ซ่อนเร้นเตรียมลอบโจมตีในความมืด.
เขารอคอยปิศาจกระดูกมาถึง.