Chapter 102 Running amuck
横行者
เมื่อคิดว่าคืนนี้จะได้ยกระดับเป็นผู้บ้าบิ่น,หยาซานรู้สึกตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่น.
นี่คือวันที่เขาฝันมานานแล้ว,เขาได้พยายามเป็นอย่างมาก,หลายครั้งที่เขาเกือบตาย,บุตรของเขาที่น่ารัก,เกือบไม่มีพ่อแล้ว.
ขอเพียงเขายกระดับสำเร็จ,เขาก็จะได้รับความสามารถใหม่,ส่วนความสามารถอะไรนั้น,เขาไม่รู้,อย่างไรก็ตามมันจะต้องทำให้เขามีพลังในการเอาชีวิตรอดได้มากขึ้นกว่าเดิมแน่.
หยาซานเชื่อว่าผู้บ้าบิ่น,ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเขา,เขาสามารถวิวัฒนาการไปได้อีก,กลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ที่ทรงพลังที่สุด,กระทั่งกลายเป็นขอบเขตพระเจ้า,กลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานในแผ่นดินนี้ได้.
ด้วยความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่เหว่ยจะทำให้เขาได้รับเนื้อของผู้บ้าบิ่นมาอย่างแน่นอน,เขาไม่เคยสงสัยเลยว่าพี่ใหญ่เหว่ยทรงพลังได้อย่างไร,มันเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจจริง ๆ.
เขาคาดเดาว่าพี่ใหญ่เหว่ยนั้นคงจะเป็นลำดับ【มนุษย์ทำนาย】ที่ลึกลับ,นอกจากนี้ยังอยู่ในขั้นสูงด้วย.
ที่จริงเขาอาจถูกพี่ใหญ่เหว่ยสังหารได้,กระนั้นหยาซานก็ไม่กังวล,เขารู้ขีดจำกัดตัวเองดี,ขอเพียงเชื่อฟังอีกฝ่าย,สร้างคุณค่ามีประโยชน์ต่อพี่ใหญ่เหว่ย,เขาก็จะมีชีวิตที่ดี.
นอกจากนี้,พวกกลายพันธ์ขั้นสูงนั้นสนใจเพียงคนระดับสูงขึ้นไปเท่านั้น,เพราะมีเพียงกินเนื้อของคนที่มีระดับสูงขึ้นไปถึงจะได้รับความสามารถใหม่ขึ้นมาได้.
ส่วนมนุษย์กลายพันธ์ระดับต่ำกว่า,เหล่ามนุษย์กลายพันธ์ขั้นสูงหากไม่ขวางหูขวางตาก็คร้านจะลงมือ.
“เฮ้,หยาซาน! คิดอะไรกัน! นำทางไปได้แล้ว.”ซูเห่าที่ถีบหยาซานไปด้านหน้า.
หยาซานที่ได้สติเอ่ยออกมาทันที“ได้เลย,พี่ใหญ่เหว่ย.”
เขานำหมวกที่ปกปคลุมใบหน้ามาสวม,แล้วเดินทางเข้าไปในเมืองทันที.
ทั้งสองที่ระมัดระวังในการเข้าไปในเมืองเป็นอย่างมาก,หลายครั้งที่ซูเห่ายื่นมือคว้าหยาซานเอาไว้,พร้อมกับซ่อนตัว,แล้วอ้อมเส้นทางไป.
หยาซานที่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก,แม้แต่เชื่อว่าซูเห่าคือ【มนุษย์ทำนาย】เป็นมนุษย์กลายพันธ์ที่มีขั้นสูงอย่างแน่นอน.
ทั้งสองมาถึงที่พักส่วนตัวขนาดใหญ่,หยาซานเอ่ยอย่างอักอ่วน“น่าจะที่นี่? บางทีอีกฝ่ายคงหนีไปแล้ว.”
ซูเห่าที่พูดไม่ออก“ไปแล้ว,แล้วเจ้านำข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”
หยาซานยกมือขึ้นเกาศีรษะ,เอ่ยออกมาด้วยท่าทางหวาดหวั่น“เรื่องนี้...ก่อนนั้นเขาอยู่ที่นี่,ไม่คาดคิดว่าจะจากไปแล้ว,ข้าคิดว่าพี่ใหญ่เหว่ยอาจมีวิธีหาพวกเขา,พี่ใหญ่เหว่ย,แล้วพวกเราควรทำอย่างไรดี?”
ซูเห่าถึงกับมองบน,เขามีชีวิตมาจนถึงเวลานี้ได้อย่างไร? ถึงกับแต่งงานมีภรรยาได้ด้วยรึ? ไม่น่าจะปัญญาอ่อนแบบนี้.
หยาซานเห็นสายตาซูเห่าก็รู้สึกว่า แย่แล้ว,ดังนั้นจึงไม่กล้าเอ่ยอะไร.
ซูเห่าเอ่ย“คืนนั้น ผู้บ้าบิ่นและผู้บิดเบือนสู้กันที่นี่อย่างงั้นรึ?”
หยาซานที่พยักหน้าและชี้ไปยังร่องรอย“ใช่ผู้บิดเบือดถูกผู้บ้าบิ่นทำร้ายบาดเจ็บ,ข้าได้ยินเสียงจึงมาเห็นเข้าโดยบังเอิญ.”
ซูเห่าครุ่นคิด,ก่อนที่จะยื่นมือออกไปวาดรูนอักขระบนร่างหยาซาน.
“ดูดซับแสง!”
ในเวลาต่อมา,ร่างของหยาซานที่กลายเป็นมืดมิด,กลมกลืนไปกับความมืด,ราวกับว่าร่างกายเลือนหายซ่อนอยู่ในความมืดไปแล้ว.
หยาซานที่ดวงตาเบิกกว้าง,ไม่เคยพบเคยเห็นเรื่องนี้มาก่อน,เขาเอ่ยด้วยความประหลาดใจ“พี่ใหญ่เหว่ย,นี่คือสามารถของลำดับท่านรึ? ลึกล้ำไปแล้ว!”
ซูเห่าไม่ตอบ,หลังจากมั่นใจว่าอักขระ“ดูดซับแสง”ทำงานไม่มีปัญหา,เขาก็สั่งให้เสี่ยวกวง,เก็บข้อมูลรอยเท้าพื้นที่รอบ ๆ ทันที.
จากนั้นก็ใช้อักขระสว่างจ้าเป็นระยะ ๆ เพื่อหาร่องรอยการต่อสู้.
“เก็บข้อมูลรอยเท้าสำเร็จ,พบ 35 คู่รอยเท้า.”
“ไป,มีคนกำลังมา,ไปจากที่นี่ก่อน.”ซูเห่าที่ไม่สนหยาซานที่ราวกับคนตาบอดนำเขาออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว.
สัมผัสของเขาจิงซี ของคนผู้นี้เทียบเท่ากับขอบเขตปรมาจารย์,และยังเคลื่อนที่เร็วมาก.
แม้นว่าเขาจะไม่กลัว,ทว่าเขามีเป้าหมายคืนนี้แล้ว,ไม่ควรสร้างปัญหาให้ยุ่งยาก.
หยาซานที่ดวงตาเบิกกว้าง,ในครรลองสายตาของเขานั้นทุกอย่างมืดมิด,สัมผัสได้แค่เสียงฝีเท้าของซูเห่าเท่านั้น.
ซูเห่านำเขาออกมาแล้วเอ่ยถาม“หยาซาน,เจ้าเห็นผู้บ้าบิ่น,มีความสูงราว ๆ เท่าไหร่?”
หยาซานเอ่ย“ไม่ใหญ่นัก,ไม่ได้มากมายกว่ามนุษย์จอมพลังก่อนหน้านี้,แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย.”
ง่ายที่จะแยกแยะ,เพราะว่ารอยเท้านั้นมีเพียงแค่สองคนเท่านั้น,ทว่าหนึ่งในนั้นไม่สวมรองเท้า.
ซูเห่าเห่าเอ่ยถาม“เจ้าจำได้ใหมว่าเขาสวมรองเท้าหรือไม่?”
หยาซานเอ่ยตอบทันที“ไม่ได้สวม.”
ซูเห่าพยักหน้ารับ,ผ่านไปไม่นาน,หลังจากภายในเรดาร์,มนุษย์กลายพันธ์ขอบเขตปรมาจารย์จากไปแล้ว,เขาก็หันหลังกลับทางเดิม“ไป,พวกเรากลับไปที่เดิม.”
แม้นว่าหยาซานไม่รู้ว่าทำไมซูเห่า ให้กลับไปที่เดิม,ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยถาม,ยังคงตามไปด้านหลังอย่างเชื่อฟัง,เขาจ้องมองไปรอบ ๆ ที่มืดมิดไปหมด,เร่งรีบตามหลังอย่างใกล้ชิดกลัวว่าจะหลง.
ทั้งสองกลับมาที่เดิมอย่างรวดเร็ว,ซูเห่ากำลังหาร่องรอย,รอยเท้า,ทว่ากับพบว่ารอยเท้ามนุษย์กลายพันธ์ที่ปรากฏขึ้นเมื่อสักครู่เป็นรอยเท้าที่เขาตามหาอยู่.
ซูเห่าที่เผยยิ้มทันที,ช่างเป็นอะไรที่บังเอิญ,ไม่จำเป็นต้องหารอยเท้าเก่า,ไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นผู้บ้าบิ่น!
“ไป,พบเป้าหมายแล้ว!”ซูเห่าที่ตรงไปยังทิศทางของผู้บ้าบิ่นทันที.
“อะไรนะ? เจอแล้ว?”หยาซานกลายเป็นงงงวย,ควรค่าเป็นลำดับมนุษย์ทำนายจริง ๆ,ร้ายกาจมาก.
หยาซานที่เสียดายเล็กน้อยที่เลือกมนุษย์เกราะ,บางที่เส้นทางมนุษย์ทำนาย,ยอดเยี่ยมที่สุดหรือไม่?
เพียงไม่นาน,ซูเห่าและหยาซานก็ไปขวางหน้ามนุษย์กลายพันธ์ขอบเขตปรมาจารย์.
ซูเห่าเอ่ยถาม“เป็นเขา?”
หยาซานพยักหน้ารับ,เอ่ยอย่างลังเล“พี่ใหญ่เหว่ย,ต้องการให้ข้าช่วยใหม? ข้าสามารถช่วยจับขาเขาได้!”
หยาซานที่เห็นผู้บ้าบิน,ก็พอบอกได้ว่านี่คือขั้นสอง【ผู้บ้าบิ่น】อย่างแน่นอน.
ในลำดับเดียวกันนั้นมันมีสันชาติญาณกดขี่อยู่,เมื่อเขาเห็นผู้บ้าบิ่นก็รู้สึกแข้งขาสั่นโดยไม่ตั้งใจ,คล้ายกับว่าถูกสะกดข่มจนทำให้รู้สึกกลัว.
ซูเห่าที่เห็นสภาพหยาซานที่กำลังหวาดกลัว,ก็เผยความสนใจขึ้นมา,เขาส่ายหน้าไปมาเอ่ยออกไปว่า“ไม่จำเป็น,เจ้ารอดูอยู่ข้าง ๆ พอ.”
หยาซานที่ผ่อนคลายขึ้นมาทันที.
ซูเห่าเอ่ยสอบถาม“เจ้ากลัวเขามากอย่างงั้นรึ?”
หยาซานพยักหน้ารับทันที“กลัว,ไม่กล้าเข้าใกล้เลย.”
ในเวลานั้นชายร่างใหญ่【ผู้บ้าบิ่น】ได้ยินทั้งสองพูดคุยกัน,ก็เอ่ยเสียงดัง“เจ้าทั้งสอง,กำลังแส่หาความตายอยู่งั้นรึ?”
【ผู้บ้าบิ่น】ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเกล็ดมากมายเต็มไปทั่วร่าง,เรียงซ้อนเป็นข้อปล้องดำเงาเหมือนเต่าทอง,แม้แต่ใบหน้ายังเป็นของแข็ง,ราวกับว่าร่างของเขาทั้งหมดนั้นปกคลุมไปด้วยชุดเกราะ.
มือทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยปุ่มเหมือนกับสวมถุงมือหนามเอาไว้,เพียงแค่มองก็ดูน่าหวาดกลัว,ไม่ต้องบอกเลยว่าหมัดของอีกฝ่ายจะทรงพลังขนาดใหน.
【ผู้บ้าบิ่น】ที่มีความอหังการเป็นของตัวเอง,เมื่อเห็นร่างสองร่างปรากฏขึ้น,หนำซ้ำยังไม่สนใจเขาด้วย.
จากสัมผัสเขาบอกได้ว่าชายร่างสูงนั้นเป็นขั้นหนึ่งลำดับเดียวกับเขา,ส่วนคนตัวเตี้ยนั้นกับไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพวกกลายพันธ์,เป็นคนธรรมดาทั่วไปโดยสมบูรณ์.
การพบกับคู่หูที่แปลกประหลาด,ทำให้เขางงงวยไปเหมือนกัน หนำซ้ำคนทั้งสองยังกลมกลืนกับความมืดจนเขาไม่อาจจับสัมผัสได้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามเขาพบว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้กลัวเขาเลย,ไม่เช่นนั้นคงไม่โผล่ออกมาต่อหน้าเขาเช่นนี้.
ซูเห่าเอ่ยออกมาตามตรง”เจ้าคือ【ผู้บ้าบิ่น】อย่างงั้นรึ?
【ผู้บ้าบิ่น】ชะงัก,เห็นชัดเจนว่าทั้งสองเตรียมการมาแล้ว,จึงเตรียมป้องกัน.
ซูเห่าที่ไม่เห็นอีกฝ่ายตอบจึงเอ่ยออกไปอีกว่า“หากเจ้าไม่ว่าอะไร,โปรดมอบเนื้อสองชิ้นให้กับข้า,หาไม่แล้ว,ข้าจะลงมือด้วยตัวเอง,โปรดเลือกมา!”
【ผู้บ้าบิ่น】ที่ดวงตาหรี่เล็ก,มุมปากยกยิ้มเหยียดหยัน“ลำพังเจ้านะรึ?”
เอ่ยจบเขาก็กระทืบเท้าบนพื้นเสียงดัง.
“ตูมมมมมมม!”
พื้นดินด้านหน้าของเขาบุบยุบลงสามส่วน,ฝุ่นผงที่ลอยคลุ้ง.
ซูเห่าที่เข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ยอมให้ความร่วมมือแน่.
เขาไม่พูดอะไรให้มากความต่อไป,ดาบสั้นในมือที่เปิดใช้งานรูนอักขระทันที.
“แข็ง” “เจาะทะลวง” “คม” “สั่นสะเทือน” “กัดกร่อน”....
ฝ่ายตรงข้ามที่เต็มไปด้วยเกราะหนา,ยากจะทะลวงการป้องกันได้,ดังนั้นจึงต้องเพิ่มพลังกระตุ้นรูนจำนวนมาก.