ตอนที่แล้วChapter 9 1.5 million years
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 11 Kids

Chapter 10 Studies the military


学武

“มีอะไรรึ? เซี่ยงหวู่?”

ชายร่างใหญ่ที่ได้ยินซูเห่าเอ่ยพึมพำก็เอ่ยถาม.

“....”ซูเห่าไม่ได้ตอบอะไร.

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการตอบ,ทว่าเขาเพิ่งมาถึงโลกนี้,ยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดอะไร,จากพฤติกรรมเขาพอบอกได้ว่าชายคนนี้คงจะเป็นบิดาของเขา.

นี่คือสิ่งที่ทำให้ซูเห่าเป็นกังวลที่สุด,ยกเว้นประเทศที่คล้ายครึงกันในชาติที่แล้ว,การเกิดใหม่แต่ละครั้ง,เขาจะต้องเรียนภาษาและการเขียนของต่างโลกทุกครั้ง.

นับว่าโชคดีหน่อย,แม้นว่าร่างกายจะมีอายุเพียงสองขวบ,ทว่าก็มีพื้นฐานที่ดี,ขอเพียงมีเวลาสักหน่อย,ก็สามารถปรับตัวรับความทรงจำจากร่างต้นที่ทิ้งเอาไว้,ผสานกลมกลืนให้เข้ากับตัวเองได้.

เห็นซูเห่าไม่ตอบ,ชายร่างใหญ่ก็ไม่เอ่ยอะไรอีกต่อไป,ทว่าเร่งรีบเดินทางเดินทาง,และกระตุ้นการระวังภัยพื้นที่รอบ ๆ อย่างจริงจัง,ราวกับว่า กังวลจะมีอะไรโจมตีเข้ามาทันที.

“ถึงแล้ว!”ชายร่างใหญ่ที่เดินทางไม่หยุด,จนมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของพวกเขา,ซึ่งมีกำแพงศิลาปิดล้อม,มีชายร่างใหญ่สองคนกำลังเฝ้ายามอยู่,หนึ่งในนั้นเมื่อมองเห็นเด็กตัวน้อยที่นั่งอยู่บนคอชายผู้หนึ่ง,ก็เผยท่าทางเบาใจ.

“โย่~ พี่สามกลับมาแล้ว,วันนี้ได้อะไรกลับมาบ้าง?”บุรุษด้านซ้ายที่มีแผลเป็นขนาดใหญ่,เอ่ยทักทาย.

“เฮ้อ,วันนี้โชคไม่ดีเลย!”ชายร่างใหญ่ที่พยักหน้า,ก่อนที่จะเดินมาถึงกำแพงด้านหน้า.

ขณะที่ซูเห่ากำลังคาดเดาว่า,พวกเขาพูดอะไรกัน,ชายร่างใหญ่ด้านล่างก็เร่งความเร็วขึ้นทันที.

ซูเห่าที่ตกใจกอดศีรษะอีกฝ่ายไว้แน่น,หลังจากที่ชายคนดังกล่าววิ่งออกไปได้สามก้าว,ทันใดนั้นเท้าของเขาก็ก้าวทะยานพุ่งขึ้นสู่บนกำแพงสูง.

ซูเห่าถึงกับอ้าปากกว้าง.

กำแพงสูง 8-9 เมตร,ปรมาจารย์ยุทธ์ยังไม่กล้าทำเช่นนี้.

“เป็นไปได้ว่าบิดาของข้า คือปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์อย่างงั้นรึ?”ซูเห่าที่ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที,ชาตินี้ล่ะบิดาจะเรียนวิทยายุทธ์ให้ได้

......

เด็กชาย ที่ซูเห่าเข้าครอบครองมีนามว่า อู๋เซี่ยงหวู่,บุรุษร่างใหญ่ที่ให้เขาขี่คอมาเป็นบิดามีนามว่าอู๋หยุนเทียน เป็นจอมยุทธ์ชั้นสูง,และเป็นทหารยามรักษาด่านประตูซาซาน,นอกเมืองหลิงหยุน,สองปีก่อนเขาเพิ่งได้รับหน้าที่ยามรักษาการณ์ป้อมปราการแห่งนี้,และจะต้องรักษาด่านจำนวน 15 ปี,ดังนั้นเขาจึงได้นำภรรยาและบุตรมายังประตูซาซานเพื่ออาศัยอยู่ที่นี่.

แน่นอนว่าประตูซาซานนั้นไม่ได้มีแค่อู๋หยุนเทียน,ยังมีทหารอีกหลายคน,รวมแล้วมากกว่าสามสิบคน,พวกเขาทุกคนต่างก็นำภรรยาและบุตรมาอาศัยอยู่ที่นี่,กล่าวได้ว่าทหารรักษาการประตูซาซานนั้นมีน้อยคนนักที่จะเป็นโสด,ดังนั้นเมื่อทุกคนนำครอบครัวมารวมตัวกัน,จึงกำเนิดหมู่บ้านเล็ก ๆ ขึ้น,เป็นหมู่บ้านที่มีคนถึง 120 คน.

ตำแหน่งของอู๋หยุนเทียนในประตูซาซานนั้นค่อนข้างสูง,เขามีตำแหน่งลำดับสามของป้อม,ดังนั้นทุกคนจะเรียกเขาว่าพี่สาม,ทหารยามทุกคนล้วนแต่เคารพและเชื่อฟังคำสั่งของเขา.

สำหรับมารดาของซูเห่าในโลกนี้,ได้จากไปเมื่อปีที่แล้ว ด้วยเหตุการณ์สัตว์ร้ายโจมตีหมู่บ้าน,เพื่อปกป้องเซี่ยงหวู่,นางได้ใช้ร่างกายขวางการโจมตีของสัตว์ร้าย,ดังนั้นเรื่องนี้ทำให้อู๋หยุนเทียนตำหนิตัวเองมาโดยตลอด,แม้แต่บางครั้งก็แอบโทษบุตรชายของตัวเองอีกด้วย,หากไม่มีอู๋เซี่ยงหวู่,ภรรยาของเขาย่อมหนีรอดได้อย่างแน่นอน.

อย่างไรก็ตามอู๋หยุนเทียนย่อมรู้ว่าเด็กนั้นบริสุทธิ์,เขาไม่อาจถามหาความรับผิดชอบจากบุตรชายที่ปกป้องตัวเองไม่ได้,ทว่าบางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะเผยความขุ่นข้องใจออกมา,จากนั้นเขาก็มักจะจมอยู่ในความขัดแย้ง,และบางครั้งก็กลับมาโทษตัวเอง ที่อ่อนแอเกินไป,จนไม่อาจปกป้องภรรยาและบุตรชายได้.

ดังนั้นตัวตนที่ขัดแย้งของเขาทำให้ไม่เคยยิ้มให้กับเซี่ยงหวู่บุตรชายของเลย,เขารับหน้าที่เป็นบิดา,ปกป้องเลี้ยงดูตามธรรมชาติ,ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากกว่านัก.

ซูเห่าที่ค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับตัวตนใหม่ที่ขาดความรักจากบิดา.

......

หนึ่งปีหลังจากนั้น,ซูเห่ามีอายุสามปี.

ตลอดหนึ่งปี,เขาได้ศึกษาภาษาพูดของโลกใบนี้,และยังได้อ่านหนังสือของโลกใบนี้ด้วย,จนเข้าใจเรื่องราวคร่าว ๆ ของโลกใบนี้แล้ว.

ผู้คนเรียกแผ่นดินนี้ว่า ทวีปหยงเหอ,มนุษย์ไม่ใช่ผู้ปกครองของทวีปหยงเหอ,ในหมู่บ้านหรือเมืองต่าง ๆ มักจะเกิดปรากฏการสัตว์ร้ายจำนวนมากโจมตีอยู่เป็นระยะ ๆ.

สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์,โลกนี้อันตรายเป็นอย่างมาก,ต้องเผชิญความเป็นความตาย,แม้แต่เกิดปรากฏการเมืองแตกถูกสัตว์ร้ายสังหารผู้คนจำนวนมากเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ดังนั้นจึงมีการก่อตั้งทหารรักษาการจำนวนมากนอกเมืองเพื่อเตือนภัยล่วงหน้า รับมือการเกิดการโจมตีของคลื่นสัตว์ร้าย.

อย่างไรก็ตามการเกิดคลื่นสัตว์ร้ายนั้นไม่ได้เกิดบ่อย,ในเวลาปรกติจะมีเพียงแค่สัตว์ร้าย เพียงไม่กี่ตัวปรากฏ แค่ทหารยามรักษาการณ์ก็เพียงพอที่จะสังหารแล้ว,แต่หากเกิดคลื่นสัตว์ร้ายขึ้นจริง ๆ ก็คงทำได้แค่ เอ่ยว่าโชคร้ายเท่านั้น.

ระบบพลังผู้ฝึกยุทธ์ในโลกใบนี้ประกอบด้วย,ผู้ฝึกยุทธ์(ผูถง),จอมยุทธ์(หยิงหวู่),ปรมาจารย์ยุทธ์(จงซี),บรรพจารย์ยุทธ์(ไท่ซือ),บรรพชนยุทธ์(จงจู่)

เขาไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งแต่ละระดับนั้นทรงพลังขนาดใหน,บิดาของเขา อู๋หยุนเทียนนั้นเป็นจอมยุทธ์ระดับสูง,ในมุมมองของซูเห่า,ก็นับว่าทรงพลังพอแล้ว,ควรจะเรียกว่านักรบชั้นหนึ่งก็ว่าได้,แล้วตัวตนระดับปรมาจารย์ยุทธ์,บรรพจารย์ยุทธ์หรือบรรพชนยุทธ์ล่ะ?

พลังโจมตีของมนุษย์เทียบเท่ากับระเบิดนิวเคลียร์หรือไม่?

ปัญหานี้ซูเห่าใส่ใจเป็นอย่างมาก,เขาสามารถเรียนรู้ก้าวไปจนถึงจุดนั้นได้ใหม?

เย็นวันหนึ่ง,อาหารมื้อนี้ เป็นสัตว์ร้าย,หนูขนเหลือ,เนื้อที่นุ่ม,มีไขมันแทรก,ยิ่งนำไปปิ้งแล้วจะได้ยินเสียงซี่ ๆ,สุกเหลืองได้ที่,โรยเกลือสักหน่อย,กล่าวได้ว่าเป็นรสชาติเลิศหรูระดับโลกเลย.

ซูเห่ารู้สึกเพลิดเพลินกับเนื้อย่างเป็นอย่างมาก,ทั้งสองที่นั่งตรงข้ามกินอาหารเงียบ ๆ,เวลาต่อมา ซูเห่าได้เอ่ยออกมาว่า“ท่านพ่อ,ข้าต้องการเรียนวิชายุทธ์,ท่านสอนข้าเรียนวิชายุทธ์ได้ใหม?!”

อู่หยุนเทียนที่เงยหน้าขึ้นคราหนึ่ง,เอ่ยออกมาเล็กน้อย“เจ้ายังเด็ก,ไว้อายุหกขวบก่อน,แล้วข้าจะสอนเจ้า.”

ซูเห่าได้ยิน,ก็รู้สึกหัวใจเย็นยะเยือบ,จากประสบการณ์ชาติก่อน ๆ เขาแทบจะไม่อาจผ่านอายุ 5 ขวบไปได้เลย,หากรอถึง 6 ขวบค่อยเรียน,เกรงว่าจะต้องรอไปอีกหลายล้านปีหลังจากนี้ เป็นแน่.

ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องหาวิธี ที่จะได้เรียนล่วงหน้าให้ได้.

ซูเห่าเอ่ยสอบถามออกไป“ทำไมต้องอายุหกขวบ ถึงจะสอนได้?”

“ไม่รู้,ข้าเรียนวิชายุทธ์เมื่ออายุหกขวบ,คนอื่น ๆ เองก็เรียนตอนอายุหกขวบกันทั้งนั้น.”

“ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล.”

“ไม่สมเหตุสมผลอย่างไร?”

“แนวทางการฝึกยุทธ์ควรจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล,พ่อบอกว่าควรเรียนตอนอายุหกขวบ,นั่นอาจจะเป็นอายุที่เหมาะสมสำหรับคนส่วนใหญ่,แต่ไม่จำเป็นต้องเหมาะสมกับข้า,บางทีข้าอาจจะเหมาะที่จะฝีกฝนเมื่อ ตอนอายุสามขวบก็ได้? หากข้าพลาดโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการฝึก,ข้ากลัวว่าจะไม่อาจเป็นคนที่แข็งแกร่งได้.”

อู๋หยุนเทียน,ที่ราวกับว่าเพิ่งรู้จักบุตรชายเป็นครั้งแรก,เขารู้จักพูดจาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เขารู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเหมาะที่จะฝึกฝนตอนอายุสามขวบ? ทำให้เขารู้สึกสนใจขึ้นมา.

“เจ้าอย่ามาเล่นลิ้น,รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเหมาะที่จะฝึกฝนยุทธ์?”

“จะเรียกว่าเล่นลิ้นได้อย่างไร? ข้ายกตัวอย่าง,หากเป็นเด็กคนอื่นตอนนี้ยังฉี่รดที่นอนอยู่เลย,แต่ข้ายังฉี่รดที่นอนอยู่หรือไม่?”

อู๋หยุนเทียนที่เงียบ,รู้สึกราวกับว่าเจ้าเด็กนี่มีปัญหา,ทว่าก็ไม่รู้ว่าปัญหานั้นอยู่ตรงใหน.

ซูเห่าที่เฝ้าสังเกตุอู๋หยุนเทียน,จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า“อยากรู้ว่าข้าเหมาะสมจะฝึกยุทธ์เมื่อไหร่,ไม่ใช่ว่าง่ายนิดเดียวหรอกรึ? ก็แค่ลองดู ก็จะรู้ทันทีหรือไม่?”

ดูเหมือนว่าจะสมเหตุสมผลเช่นกัน,ทว่าอู๋หยุนเทียนยังคงลังเลใจอยู่.

ซูเห่าที่เพิ่มเชื้อไฟเติมน้ำมันลงกองไฟสักหน่อย“ข้ารู้ว่าเด็กทุกคนนั้นเหมาะจะฝึกฝนยุทธ์เมื่ออายุหกขวบ,นั่นเพราะว่าเด็กที่อายุน้อยกว่าหกขวบนั้น ยังไม่เติบโตและการตระหนักรู้ไม่เพียงพอ,ดังนั้นจึงไม่ง่ายที่จะฝึกฝน!”

ซูเห่าที่ยกมือขึ้นตบหน้าอก“ข้านั้นแตกต่าง! ท่านพ่อ,ท่านไม่มั่นใจในบุตรชายตัวเองอย่างงั้นรึ?”

หลังจากนั้นชั่วขณะ,อู๋หยุนเทียนก็พยักหน้ารับ“ตกลง,งั้นก็ลองดู.”

หากแต่ซูเห่าไม่มีเวลาให้ได้ดีใจแม้แต่น้อย,อู๋หยุนเทียนเอ่ยเพิ่ม“ตอนนี้เจ้ายังเล็กเกินไป,ไว้เจ้าโตขึ้นอีกหน่อย,หกเดือนหลังจากนี้ข้าจะสอนเจ้าอย่างเป็นทางการ.”

ซูเห่าที่ได้แต่ยอมรับโดยดี,ครึ่งปียังพอรอได้.

ขณะรอเวลาครึ่งปี,เขาก็เข้าไปในพื้นที่พินบอล,เพื่อค้นหาความรู้ในการพัฒนาร่างกาย.

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด