บทที่42
พันตรีคคนนั้นไม่ได้สนใจมองรอนด้วยซ้ำ เขาเพียงชำเลืองมองแล้วก็เลิกสนใจไป เขาได้ยกมือมอบหน้าที่จัดการรอนให้กับลูกน้องแทน
รอนถูกมองว่าเป็นลูกน้องตัวเล็ก ๆโดยไม่รู้ตัว
“ท่านพันตรี ถ้าคุณมาที่ภัตตาคารของเรา คุณก็คือลูกค้า แต่คนอื่น ๆเองก็เป็นลูกค้าเหมือนกันย หากคุณมาเพื่อสร้างปัญหา เราก็จะไม่มองคุณเป็นลูกค้าอีกต่อไป”
“โอ้? ไม่เห็นเป็นลูกค้า?” พันตรีหัวเราะเยาะ “นายต้องการเปิดภัตตาคารแห่งนี้ต่อ ได้ถามฉันแล้วหรือยัง? บอกตามตรง ถ้าวันนี้แกมีเรื่องกับเรา ก็อย่าหวังว่าจะได้เปิดที่นี่ต่อ หรือก็คือชีวิตของพวกแกอยู่ที่คำพูดของฉันเพียงคนเดียว”
“แก!” เซฟขาแดงเริ่มโกรธ มันยากที่จะซ่อนความโมโหนั้นไว้ ซันจิที่อยู่ข้าง ๆเขายิ่งโกรธกว่าและเขาพร้อมจะโจมตีทุกเมื่อ
“จะเอายังไง?” ทหารเรือคนนั้นแค่นยิ้ม “ฉันเป็นพันโทจากศูนย์บัญชาการกองทัพเรือสาขาอีสต์บลู แกยังต้องการฝ่าฝืนคำสั่งของฉันอยู่อีกเหรอ”
“ไอ้เวรนี่...” เซฟทำอะไรไม่ถูก แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าสามารถชนะกองทัพเรือนี่ได้ แต่ก็อย่างที่อีกฝ่ายพูด เขาเป็นถึงพันโทกองทัพเรือ ถ้ามีอะไรผิดพลาด ภัตตาคารของเขาจะเปิดไม่ได้อีกต่อไป
“มันน่ารังเกียจจัง!” คายะที่ยืนถัดจากรอนกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าขยะแขยง เธออดไม่ได้ที่จะถลุกขึ้นมาด่าพันโทที่กำลังหาเรื่องที่ร้านนี้่่อยู่ “คุณมันชั่วร้าย เป็นถึงพันโทกองทัพเรือแท้ ๆ กองทัพเรือมีแต่คนอย่างคุณหรือเปล่า?”
“ฮะ!” พันโทหันขวับทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น พอหันมาเจอคายะ เดิมทีเขาก็ว่าจะโกรธ แต่หลังจากเห็นใบหน้าสวยามและน่ารักของคายะเขชาก็เปลี่ยนใจ “อ้า... สาวน้อยน่ารัก ฮ่าฮ่า เราไปดินเนอร์ด้วยกันเถอะคนสวย”
“มันกำลังรนหาที่จริง ๆ” นามิเห็นแบบนี้ก็อดส่ายหัวไม่ได้ คายะคือสาวคนโปรดของรอน จีบคายะต่อหน้ารอน ผู้ชายคนนี้ไม่กลัวตายจริง ๆ ถึงรอนจะชั่วร้ายแต่ก็ยังดีกว่าพันโทนี้เป็นร้อยเท่า ดีกว่ากองทัพเรือตรงหน้าและเขาจะไม่ปล่อยให้คายะถูกแกล้งแบบนี้แน่นอน
แน่นอนว่าหลังจากได้ยินคำพูดของพันโท สีหน้าของรอนก็มืดครึ้ม เย็นชา เขาค่อย ๆยืนขึ้นและเดินไปยืนที่กลุ่มทหารเรือที่หน้าประตู
“พูดสิ่งที่พูดเมื่อครู่อีกสักรอบได้ไหม? ฉันสัญญาว่าจะไม่ฆ่านาย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นเซฟขาแดง ซันจิหรือกลุ่มทหารเรือที่อยู่รอบ ต่างก็มองรอนด้วยสายตาตกตะลึง
“หมอนี่... แกอยากจะตายแบบไหน?” จ่าคนเดิมที่ยืนเถียงกับเซฟหันมามองรอนด้วยสีหน้าชั่วร้าย “แกรู้ไหมว่านี่กำลังพูดกับใคร นี่คือพันโทดัมนะ”
“เป็นแค่พันโทก็หยิ่งแล้วเหรอ?” รอนไม่ได้รังเกียจเขา เขาทำเพียงแค่ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ “ทหารเรืออีสต์บลูนี่มีชีวิตชีวาจริง ๆ แค่ขยะแบบนี้ยังเป็นพันโทได้อีกเหรอ น่าสงสาร... เฮ้อ”
“แกอยากตายสินะ!” เมื่อพันโทดัมได้ยินแบบนั้นก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ดึงปืนพกออกมาจ่อไปที่รอน “ไอ้เด็กเวร แกต้องการตายสินะ ใช่ไหม? แกดูหมิ่นฉัน ฉันสามารถฆ่าแกได้นะ”
“อย่าชี้ของเล่นแบบนั้นมาที่หน้าฉัน” รอนพูดเสียงเฉยเมย “คนที่กำลังหาที่ตายคือนาย ถ้านายขอโทษคายะตอนนี้ล่ะก็ ฉันจะไว้ชีวิตนาย ไม่อย่างนั้น...”
“ไม่อย่างนั้นอะไร? ตอนนี้ฉันอยากให้แกตาย!” พันโทคนนั้นโกรธมาก เขาเหนี่ยวไกปืนและกำลังจำยิงรอน
“อย่านะ!” คายะตะโกนออกมาด้วยความกลัว
“หยุดก่อน!” ทาชิงิเองก็ร้องออกมาเช่นเดียวกัน แต่เธอไม่ได้ร้องเพราะกังวลว่ารอนจะถูกฆ่า แต่ทหารเรือพวกนี้ดันทำให้รอนโกรธและต้องการฆ่าตัวตายเอง อย่างไรก็ตาม มันก็สายเกินไปแล้ว
ในสายตาของเซฟและซันจิ รวมถึงคนที่ทานอาหารในที่แห่งนี้ พวกเขาเห็นรอนเอื้อมมือขวาไปจับกระสุนที่ยิงเข้ามาจากปืนพกของพันโทอย่างง่ายดาย ในดวงตาของเขาฉายแววต้องการสังหารแต่ใบหน้าของเขายังคงเยือกเย็น “ฉันไม่อยากมีเรื่อง แต่พวกแกกลับเข้ามาชนตออย่างฉันเอง ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกไปเสียจากฆ่าพวกนายให้ตาย!”
วิ้ง!
แสงสว่างของดาบกระพริบเพียงพริบตา พันโทและทหารเรือด้านหลังของเขาก็ถูกรอนสังหารทันที
“นี่มัน...”
เมื่อพวกเขาเห็นทหารเรือพวกนี้เสียชีวิตในทันที ซันจิก็หรี่ตาลงแต่ไม่ได้กล่าวอะไร เขาทำได้เพียงสูดหายใจลึก ๆและมองรอนอย่างระมัดระวัง ‘ผู้ชายคนนี้ทรงพลัง แข็งแกร่งจนน่ากลัว!’
เซฟมองหน้ารอน จากนั้นหัวใจเขาก็เต้นแรงแล้วเผลอกล่าวออกมาว่า “นายคือรอน กัปตันกลุ่มโจรสลัดดาบกุหลาบและนักดาบชั้นยอด!”
“อะไรนะ?”
“เขา... เขาคือรอนเหรอ?”
“เขาคือรอน โจรสลัดค่าหัวหนึ่งร้อยล้านเบรีคนนั้นน่ะนะ?”
“วิ่ง!!!”
บรรดาผู้ที่รับประทานอาหารกนอยู่สามารถนั่งมองดูเฉย ๆได้เมื่อเห็นกองทัพเรือเข้ามา แต่เมื่อพวกเขาได้ยินชื่อรอน ทันใดนั้นพวกเขาก็ตกใจและพากันหนีอย่างจ้าละหวั่น แต่ละคนต่างก็หวาดกลัวเหมือนเห็นภาพความนองเลือดของพวกเขาเอง