ตอนที่ 72 วางกับดักล่าจระเข้
ตอนที่ 72 วางกับดักล่าจระเข้
เรนขับรถตามเส้นทางกลับไปยังหมู่บ้านอวาลอนของพวกเขา แต่ว่าตอนนั้นเองเรนก็เหลือบไปเห็นคนสองคนพากันวิ่งออกมาจากถนนข้างทาง ตอนแรกเรนนึกว่าเป็นคนอื่น ๆ แต่พอสังเกตดี ๆ ก็พบว่านั้นคือผู้กองเชนที่พยุงเฮนรี่ออกมาจากป่าข้างทาง
“เกิดอะไรขึ้น” เรนที่ขับมอเตอร์ไซต์จอดรถข้างทางเข้าไปสอบถามทันที
“จระเข้ยักษ์” ผู้กองเชนกล่าวบอกด้วยเสียงหอบหายใจเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยเฮนรี่ลง เพื่อพักหายใจ
“สัตว์กลายพันธุ์” เรนกล่าวถาม
“ใช่” ผู้กองเชนพยักหน้า
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง กลับไปที่บ้านอวาลอนกันก่อน ไม่รู้ว่ามันจะตามมาอีกไหม” ผู้กองเชนหันกลับไปมองทางด้านหลังอย่างระแวง
“เฮนรี่”
เบ็นที่ขับรถตามหลังมาเห็นสถานการณ์ก็รีบจอดรถลงมาสอบถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมสภาพของลูกชายเขาถึงเป็นแบบนี้
เฮนรี่ไม่ทันตอบก็อ้วกออกมาจนหมดไส้หมดพุง
“กลับกันก่อน ค่อยคุย” เรนกล่าวย้ำคำของผู้กองเชน
ทุกคนจึงขึ้นรถและขับกลับไปที่อวาลอน
...
หลังจากกลับมาฐานก็ไม่มีใครมาสนใจเรื่องของที่ขนมากัน แต่ทุกคนกำลังหันความสนใจไปที่สิ่งที่ผู้กองเชนและเฮนรี่ไปเจอมานั้นก็คือ จระเข้ยักษ์
ผู้กองเชนเล่าถึงสิ่งที่เจออย่างละเอียด ทำให้ทุกรู้สึกถึงภัยคุกคามจากจระเข้ยักษ์ตัวนั้นได้ในทันที เพราะบานของพวกเขาดันอยู่ใกล้กับบ้านที่จระเข้ยักษ์เลือก
ถ้าเกิดวันไหนมันหิวจัด ๆ ขึ้นมาคงจะบุกเข้ามาไล่กันพวกเขาแน่ กำแพงไม้เหล่านี้มันไม่มีทางต้านเจ้าตัวใหญ่ที่ยาว 20 กว่าเมตรได้
“เราต้องกำจัดมัน” ไอรากล่าวขึ้นมาเป็นคนแรก
“ใช่เราต้องกำจัดมัน” ลีก็กล่าวสาม คนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วยตาม ๆ กัน
“เราจะจัดการปัญญานี้ก่อนค่ำ” เรนกล่าวตัดสินใจ ซึ่งคำพูดของเรนเป็นตัวตัดสิ้นอย่างเด็ดขาดแล้ว
“แล้วพวกนายเจออะไรบ้างที่ถนนนั้น” ผู้กองเชนถาม
เรนและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน
“พวกนายไปเจออะไร” ผู้กองเชนเหมือนจะรู้ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นยังสถานที่เรนและพวกไปค้นหาของต่อแน่นอน
“เราเจอกลุ่มโจร” เรนเล่าเรื่องของกลุ่มโจรที่แอบดังซุ่มโจมตีพวกเขา ซึ่งแม้หลายคนจะเตรียมตัวเตรียมใจไว้ว่าในดินแดนไร้กฎหมายนี้จะต้องเจอเรื่องแบบนี้เข้าใจสักวัน แต่อย่างไรมันก็ทำให้พวกเขาต้องคิดว่าจะโดนฆ่าหรือจะฆ่าก่อนกันบ้าง
เรนยังเอ่ยอีกว่า “คนเหล่านั้นอาจจะมาจากสถานที่แห่งหนึ่ง ที่อาจจะมีเหล่าผู้รอดชีวิตแบบพวกเรารวมกลุ่มกัน”
“จะมีปัญหาไหม” ลุงบุญถาม
“ไม่มี ยังไงพวกมันก็คงไม่เสี่ยงมาที่นี่อีกสักพักหรือไม่อาจจะไม่มาอีกเลย เมื่อเห็นว่าที่นี่อันตราย อีกอย่างต่อให้มามันก็ไม่มีทางรู้ว่าพวกเราฆ่าคนของมันหรือรู้ที่อยู่ของพวกเรา”
“แล้วถ้าพวกมันรู้ละ” เบ็นกล่าวถามด้วยความกังวล
“ก็แค่ทำในสิ่งที่ต้องทำ” เรนตอบไปด้วยใบหน้านิ่งเงียบ
คำพูดของเขาทำให้หลายคนเงียบไป แต่นี่คือยุคที่ทุกคนต้องเอาตัวรอด ใครจะสนใจชีวิตของคนที่พยายามฆ่าตัวเองกัน
หลังจากปัญหาถูกพูดคุยและวางแผนกันแล้ว ทุกคนก็ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ที่เจอและขนมาด้วย นั้นก็คือเครื่องปั่นไฟ เครื่องถูกเหล่าชายฉกรรจ์ในฐานช่วยกันยกลงมาและเอาไว้ทางห้องที่มีหลังคาและไกลสักหน่อย เพราะเสียงของเครื่องปั่นไฟคงดังลำคานไม่น้อย
หน้าที่ต่อสายตกเป็นของสองคนคือ ลุงบุญและเบ็นที่ช่วยกันหาหลอดไฟและต่อสายเข้ากับปลั๊กที่ตัวเครื่องซึ่งแปลงเป็นไฟบ้าน 220 โวลท์แล้วจึงไม่ยุ่งยากมากนัก
“เติมครั้งหนึ่งอยู่ได้นานแค่ไหน” เรนเอ่ยถามกับเบ็น
“น่าจะสัก 12 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ได้ใช้ไฟตลอดมันก็ปั่นไฟจนเต็มแบตเตอรี่และตัดสวิตช์ดับไปเอง” เบ็นกล่าว และเหมือนมีเรื่องจะพูดกับเรน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
เรนทำเป็นไม่ได้เห็นกลับออกไปเพื่อเตรียมตัวไปจัดการกับจระเข้ยักษ์และปล่อยให้ทั้งสองลุยงานไป
การล่าครั้งนี้คนที่ไปด้วยนั้นคือ เรน ผู้กองเชน หลิน ไอรา พวกเขาช่วยกันกรอกสิ่งจำเป็นที่สุดนั้นคือน้ำมันใส่ในแกลลอนหรือขวดต่าง ๆ เท่าที่จะหามาได้
“ผมอยากให้คุณเตรียมพร้อมไว้ที่ด้านหลัง ถ้ามีใครเจ็บช่วยคนเจ็บออกมาก่อน” เรนยังไปขอความช่วยเหลือกับหมออลัน ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องไปลุยเอง แต่เตรียมตัวไว้ด้วย
“ไม่มีปัญหา แต่ว่าหลังฆ่ามันได้ฉันขอผ่าศพมันหน่อยแล้วกัน” หมออลันตกลงและยอมรับความเสี่ยง
“ไว้หลังจากฆ่าทันได้แล้วค่อยว่ากัน” เรนตอบและไม่ได้รับปากอะไรไป เพราะก็ยังไม่แน่ใจว่าจะฆ่ามันได้
เขาคิดว่ามันต้องเป็นตัวอันตรายที่ไม่น้อยไปกว่างูยักษ์อนาคอนด้า ที่คิดแบบนั้นเพราะจระเข้คือสัตว์นักล่า พวกที่กลายพันธุ์มาจากสัตว์นักล่านั้นจะทรงพลังมากกว่าสัตว์กินพืชที่ไม่ใช่สัตว์นักล่า
บางระดับของมันอาจจะไปถึงระดับ 2 ขั้นจ่าฝูงหรือสูงกว่าระดับ 2 ก็ได้
เรนบอกเรื่องอันตรายนี้กับคนที่จะไปแล้วด้วย หลังจากเตรียมตัวกันเสร็จก็พากันเดินไปที่ประตูไม้เปิดมันออกเพื่อไปยังบ่อดินสถานที่พบเจอกับจระเข้ตัวนั้น
แต่ว่าเมื่อกำลังจะไป ตอนนั้นเองเฮนรี่ที่ก่อนหน้าพึ่งกลัวจนหน้าซีดขาวก็เข้ามาและขอไปด้วยอีกคน
สายตาของทุกคนมองไปที่เด็กหนุ่มอายุ 17-18 ปีผู้นี้ ก่อนจะพากันเดินไปทิ้งปัญหาให้เรนและผู้กองเชนตัดสินใจกันเอาเอง
“เฮนรี่ ลูกจะไม่ที่นั่น” เบ็นที่เห็นเหตุการณ์ก็เข้ามาขวางทันที เขาไม่คิดจะปล่อยเฮนรี่ไปเพราะล่าสุดเฮนรี่เกือบจะตายที่นั่น เบ็นยังไม่อาจจะทำใจเรื่องการสูญเสียได้อีก
รินดาที่บาดแผลฟื้นตัวดีมากแล้วก็เตรียมอาหาร โดยมีมินนาและอเล็กซ์ลูกชายคนเล็กของเบ็นช่วยเหลืออยู่ พวกเขาได้ยินเสียงจากด้านนอก
อเล็กซ์ได้ยินเสียงการทะเลาะของพี่ชายและพ่อ จึงทำได้แต่แอบมองดู
“ผมโตแล้วผมจะไป”
“แต่แกเกือบตายนะ” เบ็นกล่าวด้วยความโมโหและระเบิดอารมณ์ใส่
เรนเหลือบมองผู้กองเชน เพราะส่วนหนึ่งของปัญหามาจากผู้กองเชนด้วย
ผู้กองเชนส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะบอกกับเฮนรี่
“นายควรอยู่ที่นี่”
“ผมยังช่วยได้” เฮนรี่ด้วยท่าทางหนักแน่น ก่อนจะหันไปพูดกับเรนว่า
“นายนะคือหัวหน้าที่นี่ ให้ฉันไปด้วยได้สินะ ฉันจะทำให้เห็นว่าฉันสู้ได้”
“ฉันจะไม่ห้ามนาย จะไปก็ไป แต่นายอาจจะไม่โชคดีรอดมาได้อีก และก็ไม่มีใครมาคอยดูแลนายด้วย ดังนั้นตัดสินใจเอาเองแล้วกัน”
เรนกล่าวจบก่อนจะเดินถือแกลลอนน้ำมันตามหลังคนที่เหลือไป
“ตัดสินใจเอาเอง” ผู้กองเชนกล่าวจบก็เดินตามเรนไป
เฮนรี่เงียบไปตั้งแต่ได้ยินคำพูดของเรน ขาอยากจะเดินออกไปเพื่อทำให้พ่อและคนอื่น ๆ เห็นว่าตนนั้นทำได้เหมือนกัน แต่ว่าพอนึกถึงจระเข้ตัวนั้น ขามันก็ก้าวไม่ออก
“แกจะต้องไม่ไป พวกเขาเหล่านั้นมีพลังที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ พวกเขาเอาตัวรอดได้ แต่แกไม่ใช่” เบ็นพูดกับลูกชาย ซึ่งที่จริงเขาเป็นห่วงมาก
เมื่อได้ยินคำพูดจากผู้เป็นพ่อเช่นนั้น ความดื้อดึงของเฮนรี่ก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง เขาวิ่งตามเรนและผู้กองเชนไปในทันที
“เฮนรี่”
เบ็นเหมือนจะวิ่งตาม แต่ตอนนั้นอเล็กซ์ก็วิ่งออกมาเรียกพ่อของตนเอง
“พ่อ” เด็กชายวิ่งตามเบ็นไป
เบ็นเห็นว่าลูกชายคนเล็กตามมาจึงหยุดวิ่ง ทำให้เขาคาดสายตากับเฮนรี่ เบ็นได้แต่ถอนหายใจเดินกลับไปอุ้มอเล็กซ์ที่วิ่งมาหาตนพากลับเข้าไปด้านใน เพราะด้านนอกนี้มันอันตราย
...
เรนแม้จะทำไมสนใจ แต่หันกลับไปมองเป็นครั้งคราว ไอราเดินมาครู่ก็อดที่จะกล่าวขึ้นมาไม่ได้
“นายเป็นห่วงเขาเหรอ”
“เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่าเขานิสัยเหมือน...”
“เหมือนกับธันวาเหรอ” ไอรากล่าวตัดขึ้นมา
“อืม นิสัยที่กระหายในการยอมรับ ไม่ยอมแพ้และชอบท้าทาย” เรนพยักหน้าและกล่าว
“ฉันคิดถึงเขา” ไอรากล่าวและเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีกิ่งต้นไม้บดบังแสงแดดยามบ่ายแก่ ๆ กระทบลงมาใบหน้าของเธอ
“ฉันคิดถึงเสียงเพลงของหมอนั้นเหมือนกัน”
เรนตอบไอรา ก่อนที่ทั้งสองจะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงท่าเต้นและเสียงร้องที่ไม่ได้เข้ากันเลย
“เราจะฆ่ามันยังไง” ผู้กองเชนเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของเรนและไอรา
“เผามัน แต่ว่าคุณเคยเจอมันมาก่อน คงต้องให้คุณช่วยดูว่ากับดักเราได้ผลไหม”
“ไม่มีปัญหา” ผู้กองเชนบอก
“เจ้าตัวนี้มีเกราะหนา มันอยู่ในน้ำและเป็นจระเข้ การโจมตีส่วนใหญ่ไม่ได้ผลกับมัน โดยเฉพาะกระสุนปืนยากที่จะเจาะเกราะของมันได้”
“เราถึงเตรียมน้ำมันมาไง”
“ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจตามมา” เรนกล่าว
ผู้กองเชนหันกลับไปมองเห็นว่าเฮนรี่นั้นวิ่งตามพวกเขามา เมื่อเฮนรี่วิ่งมาถึงผู้กองเชนก็พยักหน้าให้และส่งแกลลอนน้ำมันให้ช่วยถือ
เฮนรี่รับมาด้วยความยินดีและรู้สึกว่าอย่างน้อยคนพวกนี้ก็ไว้วางใจให้ช่วยถือของ
จุดที่เป็นบ่อดินมันไม่ได้อยู่ไกลมาก พวกเขาจึงไม่ได้ขับรถมา อีกอย่างด้วยกลัวว่าเสียงรถจะทำให้จระเข้รู้ตัวว่าพวกเขากำลังไปล่ามัน จึงเลือกจะเดิน
หลังจากมาถึงพวกเขาก็ให้ผู้กองเชนช่วยหาจุดที่จะวางกับดัก ผู้กองเชนคือคนที่เห็นการเคลื่อนไหว และขนาดตัวของมัน จึงเข้าใจจระเข้นั้นมากกว่าทุกคน
พวกเขาเริ่มเตรียมกับดักเอาแกลลอนน้ำมันวางไว้ตามจุดต่าง ๆ ที่อยู่ต่ำกว่าเนินดิน เพื่อตั้งใจจะโจมตีใต้ท้องของจระเข้ เพราะหนังบริเวณใต้ท้องจะบางกว่าส่วนอื่น ๆ
“เป็นยังไง เส้นทางพอให้บังคับมันผ่านมาทางนี้ไปแน่นอนใช่ไหม” เรนสอบถามผู้กองเชน
“ฉันกับลีดูแล้ว มันมีต้นไม้ใหญ่รอบ ๆ ตัวของจระเข้ยายกว่า 20 เมตร มันน่าจะทำให้หันหัวกลับไม่ได้เพราะต้นไม้ที่ล้อมไว้เหล่านี้”
“ไอราถ้ามันมาถึงตำแหน่งแล้วจุดไฟได้เลย” เรนบอกเธอ
ไอราพยักหน้ารับคำและเดินไปยังตำแหน่ง พวกเขาเทน้ำมันตามทางยาวบนกิ่งไม้เพื่อใช้เป็นชนวนในการจุดไฟจากไกล ๆ แค่จุดไฟ ไฟจะลุกลามไปจนถึงจุดที่มีแกลลอนน้ำมันอยู่จากนั้นก็…ตูม!
น้ำมันเบนซินมากพอจะระเบิดอะไรก็ตามที่อยู่ใกล้มันได้ และถ้าไม่ตายมันก็ต้องอ่อนแอมาก ถึงตอนนั้นรุมฆ่าก็พอแล้ว
แผนการและกับดักวางไว้เสร็จสิ้น มันก็ถึงเวลาที่ต้องลงมือ
“นายมากับฉันก็ได้” ไอราบอกกับเฮนรี่
เฮนรี่พยักหน้าตกลงและไปอยู่ในตำแหน่งเดียวกับไอรา โดยเฮนรี่นั้นได้ปืนพกมาหนึ่งกระบอกมันทำอะไรมากไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอาวุธเลย
หลินและลีถือปืนไรเฟิลและเตรียมลูกระเบิดไว้กับตัว ซึ่งนี่เป็นสองในสามของปืนที่มีอีกกระบอกอยู่ที่ผู้กองเชนเชน ทั้งสองถอยห่างและอยู่ในจุดที่สูงมากพอจะเห็นสถานการณ์ต่างรอบด้านได้
แต่ยังไม่ใช่หลังสุด เพราะห่างไปอีกนิดมือหมออลันอยู่ด้วย
“มาลุยกัน” เรนกล่าว ก่อนจะเดินไปพร้อมกับผู้กองเชนตรงไปยังบ่อดินที่จระเข้ตัวนั้นหลบซ่อนอยู่