ตอนที่ 58 คางคกกลืนโลก
ตอนที่ 58 คางคกกลืนโลก
"นั้นมันคืออะไรหน่ะ!?"
หยิน เทียนเก่อ มองไปที่เงาขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเกือบครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าตรงหน้าเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาอดไม่ได้ที่จะชะลอความเร็วลง
"เงาบ้าอะไรกัน?"
หลิน ยู กับพวก ตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกไปถึงข่าวลือที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ เหมือนจดหมายได้พูดว่ามีเงาขนาดใหญ่เท่าภูเขาอยู่ด้วย
นี้คือสิ่งที่เขาพูดถึงงั้นเหรอ?
"เราควรทำยังไงดี ไปต่อดีไหม?"
หยาน หวู่ ถามออกมา
"แน่นอนว่าเราต้องเดินหน้าต่อ พวกเรามาถึงขนาดนี้ ยังมีทางให้ย้อนกลับอีกอย่างงั้นเหรอ?" หลิน ยู ตอบด้วยเสียงที่เคร่งขรึม
ในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้เข้ามาในส่วนลึกของอาณาเขตสายหมอกแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะเดินหน้าหรือถอยหลัง อันตรายที่ต้องเผชิญมันก็ไม่ต่างกัน
ถ้ามันเหมือนกันหมด สู้เดินหน้าต่อไปดีกว่า อาจจะทางรอดอยู่ก็ได้
แน่นอนว่า ตัวของ หยาน หวู่ เอง ก็รู็เรื่องนี้ดี สีหน้าของเขากลายเป็นจริงจังทันที "เอาละ งั้นไปกันต่อเถอะ"
ทั้ง 4 คนมองหน้า พวกเขาต่างพยักหน้าให้กัน เร่งความเร็วพุ่งออกไปยังทิศทางที่เงานั้นอยู่
แต่พวกเขาก็ค่อยๆตระหนักถึงความผิดปกติ
เพราะในทิศทางที่เขามุ่งหน้าไป ก็เริ่มได้ยินเสียงกรนที่ดังมากขึ้น ราวกับเสียงฟ้าคำราม แม้แต่เสียงร้องบนท้องฟ้าก็ยังถูกบดบัง
"นี้มันมีบางอย่างผิดปกติ ทุกคนระวังตัวด้วย!"
หลิน ยู เตือนด้วยเสียงเบา
เขาไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดหรือป่าว เขาสังเกตเห็นว่าเงาสีดำขนาดใหญ่ด้านหน้าเขาดูเหมือนจะเคลื่อนไหว มันขยับพร้อมกับเสียงกรน
ขณะที่พวกเขาขยับเข้าใกล้ เงาข้างหน้าก็ชัดเจนขึ้น มันใหญ๋โตมโหฬาร
ในที่สุด
พวกเขาก็ถึงภายใต้เงานั้น พวกเขาก็ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเงานั้น
"นี้มัน!!"
รูม่านตาของ หลิน ยู หดตัวลง เขาตกใจมาก
นี้เขาเห็นอะไรอยู่?
คากคกที่ตัวเท่าภูเขา
มันนอนขวางเส้นทางที่พวกเขาต้องผ่านไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ หลิน ยู ตกใจที่สุดคือข้อมูลของมันที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา
[ชื่อ : คากคกกลืนโลก]
[ชาติกำเนิด : ความโกลาหล]
[ระดับ : ระดับ 10]
[ความแข็งแกร่ง : ???]
[ร่างกาย : ???]
[ความว่องไว : ???]
[วิญญาณ : ???]
[สกิล : ???]
[หมายเหตุ : มอนสเตอร์โบราณเกิดขึ้นท่ามกลางความโกลาหล มันสามารถกลืนกินท้องฟ้า]
....
!!!
มอนสเตอร์ระดับ 10
คางคกยักษ์ตัวนี้จริงๆแล้วมันเป็นมอนสเตอร์ระดับ 10
หลิน ยู ตกใจมาก เขาไม่คิดว่าจะเจอมอนสเตอร์ที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ในสถานที่แบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่ถอยกลับ
เชื้อชาติของระดับ 10 นี้มันคืออะไรกัน
เกรงว่ามันเป็นตะปบเพียงครั้งเดียวก็สามารถสังหารพวกเขาได้ทั้งหมด
เขาคงไม่สามารถต้านทานมันได้
"เจ้านี้มาอยู่ที่นี้ได้ยังไง..."
หยิน เทียนเก่อ และ หยาน หวู่ อ้าปากค้าง ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกด้วยความสยดสยอง
แม้แต่ไป๋ไห่ถัง ที่เคร่งขรึม ดวงตาที่งดงามของเธอยังสั่นไหว เอื้อมมือไปปิดปากโดยไม่รู้ตัว
"ทำยังไงกันดี?"
ทั้ง 4 คนมองหน้ากัน
ภูเขาหินขนาดยักษ์ทั้ง 2 ด้านนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถปีกข้ามไปได้ นับประสาอะไรกับความอันตรายตรงหน้านี้
ถ้าหากคางคกกลืนโลกตื่นขึ้นมา มันคงเป็นหายนะสำหรับพวกเขา พวกเขาจะพลาดไม่ได้
หลังจากที่เขาปรึกษาด้วยเสียงที่เบา พวกเขาหยักหน้าให้กันและเริ่มเดินทางไปที่หุบเขาพร้อมกับทหารที่เหลืออย่างช้าๆ
ขณะที่พวกเขากำลังเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เสียงกรนของคางคกกลืนโลกก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หนังศรีษะของเขาด้านชา มันเป็นบรรยากาศที่ตึงเครียดอย่างมาก
ยิ่งเข้าไปมองใกล้ๆ ร่างกายของคางคกกลืนโลกนี้ใหญ่เป็นบ้า
แรงกดดันของมันทำพวกเขาแทบจะหยุดหายใจ
โชคดี
เนื่องจากพื้นที่นี้เป็นหุบเขาลึก ฟ้าร้องและสายฟ้าไม่สามารถผ่าลงมาได้ แม้แต่เสาลาวาเพลิงบนพื้นก็ยังเงียบสลบ จากการที่คางคกกลืนโลกนอนอยู่
พวกเขากลั้นหายใจ เบี่ยงตัวไปตามมุม เคลื่อนตัวเขาไปในหุบเขาทีละนิดทางด้านข้างของคางคกกลืนโลก
ไป๋ไห้ถังซึ่งอาการบาดเจ็บเกือบจะหายดีแล้ว ลงมาเดินที่พื้น นำกองกำลังของเธอเอง
ทั้ง 4 คนเดินเข้าไปพร้อมกับกองกำลังของพวกเขา
เดินอย่างระมัดระวังไปทางช่องว่างของหุบเขา
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้คางคกกลืนโลก ตัวของพวกเขาแทบจะติดท้องของมัน ความกลัวเริ่มกัดกินหัวใจพวกเขา
โชคดีที่กองกำลังทั้งหมดทำตามคำสั่งไม่มีอะไรผิดพลาด
เมื่อท้องของคางคกหดกลับพวกเขาก็รีบผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าที่จะหยุดรอ
"คลื่นนน ๆ !"
เสียงกรนเหมือนฟ้าร้องยังคงดังกึกก้องอยู่ในหุบเขา
ทุกวินาทีพวกเขารู้สึกว่ามันนานเหมือน 1 ศตวรรษ มันชั่งยาวนานยิ่งนัก
เขาไม่รู้ตัวว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน จนกระทั่ง หลิน ยู รู้สึกจุกที่คอ ภาพการมองเห็นตรงหน้าของพวกเขาค่อยๆกว้างขึ้น และพวกเขาก็ถึงมาถึงส่วนตัวคางคกกกลืนโลก
ใกล้แล้ว อีกนิดเดียว
ทั้ง 4 คนมองหน้ากันด้วยความยินดี และเดินหน้าต่อ
แต่ในเวลานั้นเอง
โดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า เสียงกรนที่ดังกึกก้องอยู่ๆก็หยุดลง มันเงียบหายไปในทันที
ทั้ง 4 คนที่ยังเดินหน้าต่อไปนั้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
เมื่อเขาเงยศรีษะมองขึ้นไป ก็ได้เห็นดวงตาขนาดใหญ่ของคางคกกลืนโลกที่เปิดกว้างขึ้นจ้องมองพวกเขา "เหล่ามดตัวน้อย" อย่าใกล้ชิดจิตสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาของมัน
จิตสังหารนี้ทำให้พวก หลิน ยู และคนอื่น รู้สึกเย็นเยือกไปทั้งตัวทันที
ความโชคดีที่พวกเขามีในตอนนี้แรกสลายหายไปหมดแล้ว
"หนี!"
เกือบจะพร้อมกัน นั้นทั้ง 4 คนตอบสนองเหมือนกัน วิ่งไปข้างหน้า พุ่งไปที่ทางออกของหุบเขา
ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีเสียงดังกักก้องจากข้างหลังของพวกเขา ทั้งหุบเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ร่างขนาดยักษ์ของคางคกกลืนโลกค่อยๆลุกขึ้นพร้อมกับทรายและหินที่ล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
"กั๊ก กั๊ก !"
เพียงแค่มันร้องออกมาเสียงก็ดังทะลุชั้นบรรยากาศ
จู่ๆ คางคกกลืนโลกก็อ้าปากที่ใหญ่พอจะกลืนกินทุกสิ่งลงไป แลบลิ้นของมันออกมา "บูมมมม !"
หลิน ยู และคนอื่นๆ ไม่มีเวลาได้ตอบสนอง แรงระเบิดอย่างรุนแรงปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขา กองกำลังทหารที่วิ่งช้าเหล่านั้น หายไปพร้อมกับพื้นดินบริเวณนั้นถูกคางคกกลืนโลกกลืนเข้าปากไป
แค่ทีเดียว
มันสังหารทหารระดับ 6 ไปครึ่งหนึ่งทันที
พวกเขาตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือก รีบหนีออกไปอย่างสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา เสียงร้อนของคางคกกลืนโลกก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขาอีกครั้ง เสียงลิ้นพุ่งทะลวงอากาศชั่งน่าสะพรึงกลัว
"แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง"
เสียงอันนิ่มนวลของ ไป๋ไห่ถัง ดังออกมาเหล่าทูตสวรรค์ของเธอ ยกอาวุธขึ้นทีละตัว เกิดเป็นแสงพร่างพราวระเบิดออกมา ส่องส่วางทั่วทั้งหุบเขาราวกับว่ามันเป็นกลางวัน
คางคกกลืนโลกจ้องไปที่พวกเขามันก็ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ขวางเอาไว้ ลิ้นของมันเปลี่ยนทิศทางกวาดไปทางพวกเขาแทน
กองกำลังของพวกเขาไม่สามารถหลบได้ทัน ถูกโจมตีด้วยลิ้นนั้น กลายเป็นซากลอยขึ้นไปในทันที แม้แต่ทูตสวรรค์ก็ถูกสังหารกลายเป็นจุดแสง พวกเขาถูกสังหารอย่างอเนจอนาจ
"หนี!! เร็วเข้า"
ใช้โอกาศนี้ พวกเขารีบหนีอย่างไม่คิดชีวิต ออกไปจากหุบเขาอย่างรวดเร็ว ทิ้งหุบเขานี้ไว้เบื้องหลัง
สิ่งที่ทำให้พวกเขาดีใจคือ
คางคกกลืนโลกนี้ดูเหมือนมันจะเฝ้าอะไรบ้างอย่างอยู่ มันจึงไม่ได้ออกมาจากหุบเข้าเพื่อตามล่าพวกเขา ในที่สุดพวกเขาก็หนีมันออกมาได้
หลังจากวิ่งไปบนที่ราบนานกว่า 10 นาที ยืนยันอย่างแน่ใจแล้วว่า คางคกกลืนโลกนี้ไม่ได้ตามพวกเขามา ก็ค่อยๆชะลอความเร็วและหยุดลง
มองไปข้างๆเขา กองกำลังของพวกเขาเหลือไม่ถึง 1 ใน 10
เขาสูญเสียไปมากกว่าครึ่งจากการโจมตี 2 ครั้งก่อนหน้า่นี้
แม้แต่หลิน ยู ก็เหลือเพียงหลิง ซี กับพืชอีก 5 ตัวเท่านั้น