NH-ตอนที่ 6 เทพเจ้าแห่งเกม
ชายหนุ่มอายุ 16 ปี ผมสั้นสีแดงตาสีเขียว ได้กัดฟันแน่นขณะที่เขาวิ่งไล่ตามกระต่ายมีเขาด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะต้องจับกระต่ายตัวนี้ให้ได้!’ ชายหนุ่มตั้งปฏิณาณในใจในขณะที่เขาผลักดันตัวเองจนถึงขีดจำกัด
เด็กหลายคนรวมถึงผู้ใหญ่ต่างส่งเสียงเชียร์เขาจากข้างสนาม เพราะพวกเขาเห็นเขาท้าทายการทดสอบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และ ทุกคนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคราวนี้ชายหนุ่มจะสามารถผ่านมันไปได้
ทว่าเมื่อความเจ็บปวดที่แสบร้อนตรงหน้าอกทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น การหายใจของชายหนุ่มก็เริ่มไม่แน่นอน ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สนใจความเจ็บปวดและวิ่งออกไปราวกับว่าชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับมัน
ผู้ที่เฝ้าดูเขาจากระยะไกลคือหญิงชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนฮิปโปขาว แม้ว่าเธอจะมีสีหน้าที่สงบแต่ลึก ๆ ในใจเธอก็เป็นกังวลเกี่ยวกับอาการของหลานชายบุญธรรมของเธอเป็นอย่างมาก
“แกเป็นของฉัน!” ชายหนุ่มคำรามออกมาขณะที่เขาเอื้อมมือไปจับกระจ่ายซึ่งตอนนี้มันอยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาพยายามปิดช่องว่างอย่างระมัดระวังในวินาทีสุดท้ายโดยใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อจับกุมให้สำเร็จ
แต่ขณะที่มือของเขากำลังจะสัมผัสขนของกระต่าย เขาก็รู้สึกได้ว่าโลกของเขาได้หมุนไปชั่วขณะและทุกอย่างก็พลันมืดลง
ชายหนุ่มได้ล้มลงกับพื้นและการเคลื่อนไหวของเขาทั้งหมดก็หยุดชะงัก
ไม่กี่วินาทีต่อมา หญิงชราก็ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างชายหนุ่ม เธอค่อย ๆ พลิกตัวของเขาขึ้นมาเพื่อให้เขานอนหงายขึ้น
ชายหนุ่มมีรอยฟกช้ำหลายแห่งบนศีรษะและมีเลือดออกทั้งหมด กระทั่งริมฝีปากล่างของเขาก็ยังถูกเจาะเป็นเลือด
“ลุกซ์” หญิงชรารู้สึกปวดใจเมื่อเห็นสภาพในปัจจุบันของหลานชายบุญธรรมของเธอ “เด็กโง่ เหตุใดถึงจะต้องทรมานตัวเองเช่นนี้”
หญิงชราหยิบขวดเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าเก็บของ ของเธอและโรยมันลงบนศีรษะของชายหนุ่มเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บบนใบหน้า นี่คือโพชั่นรักษาระดับสูงที่เธอพกติดตัวไว้เสมอในกรณีฉุกเฉิน
ไม่กี่วินาทีต่อมาบาดแผลก็เริ่มปิดลงและหายอย่างรวดเร็ว
จากนั้นหญิงชราก็โรยโพชั่นรักษาอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือบนบาดแผลอื่น ๆ ตรง แขน และ ขา รวมถึงหน้าอกของชายหนุ่ม
หลังจากแน่ใจว่าเธอจัดการกับอาการบาดเจ็บของหลานชายหมดแล้ว เธอก็อุ้มเขาขึ้นมาและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในขณะนี้ ชายวัยกลางคนได้เดินเข้ามาหา หญิงชรา และ จ้องมองไปที่ชายหนุ่มในอ้อมแขนของเธอ
“เวร่า ฉันขอโทษ แต่ฉันไม่สามารถปล่อยให้ ลุกซ์ เข้าไปใน เอลิเซียม ได้” ชายวัยกลางคนได้กล่าวออกมา “การส่งเขาไปที่นั่น ก็เหมือนกับการส่งเขาไปตาย เขาเป็นเด็กขยันที่ทำงานอย่างหนักและใจดี ดังนั้น วิลด์การ์ด จะเป็นบ้านของเขาตลอดไป”
เวร่า ถอนหายใจออกมาและพยักหน้า “ฉันเข้าใจดี เจอรัลด์ และ ขอบคุณที่คุณยอมรับคำขอของลุกซ์เกี่ยวกับเรื่องการทดสอบทุกครั้ง”
เวร่า โค้งคำนับให้แก่ เจอรัลด์ ก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมกับอุ้มหลานชายของเธอ
ชาววิลด์การ์ดต่างมองไปที่ชายหนุ่มผมแดงบนแขนของเวร่าและถอนหายใจออกมา
“เขาล้มเหลวอีกครั้งในปีนี้”
“ลุกซ์ผู้น่าสงสาร เขาฝึกฝนในทุกวัน แต่เพราะเขามีร่างกายที่อ่อนแอนั่นจึงทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จ”
“ใช่ น่าเสียดาย แต่บางทีนี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าไปในเอลิเซียมไม่ได้แต่เขาก็ยังเป็นสมาชิกของฐานที่มั่นของเรา”
“ถูกต้อง เขามีร่างกายอ่อนแอแล้วอย่างไร ฉันรู้จักบางคนที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าเขาที่ตายในเอลิเซียม ไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่ถ้าเกิดพลาดท่าตายขึ้นมาก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงอยู่ดี!”
_____
เมื่อ ลุกซ์ ลืมตาตื่นขึ้น เขาก็พบว่าตัวเองนั้นนอนอยู่ในห้องที่คุ้นเคย
มันเป็นห้องที่เขาอยู่มาเกือบทั้งชีวิต และ การค้นพบครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกหมดหนทาง
‘ฉันล้มเหลวอีกแล้ว’ ลุกซ์ คิดขณะที่เอามือซ้ายปิดใบหน้า ไม่นานเสียงสะอื้นของชายหนุ่มก็ดังไปทั่วห้อง
‘ทำไมฉันถึงเกิดมาล้มเหลวกัน’
‘ทำไมฉันจะต้องเกิดมาไร้ประโยชน์ด้วย’
‘คนอื่น ๆ พวกเขาสามารถเข้าสู่ เอลิเซียม ได้เมื่ออายุ 14 ปี แต่ตอนนี้ฉันอายุ 16 ปีแล้ว แต่กลับต้องมาจมปลักอยู่ที่นี่! จุดประสงค์ในชีวิตของฉันคืออะไร? ฉันทำให้คุณย่าต้องผิดหวังอีกแล้ว ฉันอายเกินกว่าที่จะสู้หน้าเธอได้ในตอนนี้…’
น้ำตาของ ลุกซ์ ไหลออกมาไม่หยุดในขณะที่เขาเผยความละอายใจออกมา มันเป็นความอับอายและสิ้นหวังที่พลุ่งพล่านไปทั่วหัวใจของเขา
เขาพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ย่าของเขาภูมิใจ แต่เนื่องจากโรคที่ไม่เป็นที่รู้จักภายในร่างกายของเขา ทำให้เขามักจะหมดสติแม้ว่าเขาจะยืนอยู่เฉยๆ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถฝึกฝนและศึกษาได้อย่างถูกต้อง
โดยปกติแล้ว ในฐานที่มั่นเมื่อเด็กอายุครบ 12 ปี พวกเขาจะเริ่มแผนการฝึกฝนอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าสู่เอลิเซียม
เอลิเซียม ฟิลด์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เอลิเซียม เป็นแหล่งทรัพยากรหลักของโลก เฉพาะผู้ที่ผ่านการทดสอบที่กำหนดเท่านั้นจึงจะได้รับอนุญาติให้เข้าไปในสถานที่พิเศษแห่งนี้และช่วยให้ฐานที่มั่นของพวกเขาขยายออกไปในโลกที่แปลกประหลาดทว่าสวยงาม ซึ่งมันแตกต่างไปจากโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่มาก
นักรบรุ่นเก๋าของฐานที่มั่นวิลด์การ์ดจะฝึกฝนเด็กเหล่านี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสำรวจโลกใหม่นี้
เมื่อ ลุกซ์ อายุครบ 12 ปี เขาก็ฝึกฝนร่วมกับเพื่อน ๆ เช่นเดียวกัน เขาคิดว่าเขาสามารถเข้าร่วมการผจญภัยใน เอลิเซียม กับเพื่อนของเขาได้ แต่ความเป็นจริงได้ตบหน้าเขาอย่างแรง
เพราะเขาได้รับบาดเจ็บหลายต่อหลายครั้งและมักเป็นลมระหว่างฝึกซ้อม
เมื่อเขาอายุได้ 14 ปี เขาเป็นลมขณะที่แกว่งดาบ จนทำให้อาวุธปลิวว่อนไป โชคดีที่มันไม่ได้ไปโดนใคร แต่สิ่งนี้ทำให้คนอื่น ๆ ไม่ยินยอมที่จะจับคู่ฝึกซ้อมกับเขา
การฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย-หรืออีกชื่อการวิ่งระยะไกล-นี่ก็เป็นปัญหาเช่นเดียวกัน บางครั้งในระหว่างวิ่ง ลุกซ์ มักจะเป็นลมอยู่เสมอ จนทำให้เพื่อนของเขาต้องอุ้มเขากลับไปยังฐานที่มั่น
ในตอนแรกพวกเขาก็ทนได้ แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นหลายครั้ง พวกเขาก็บอกกับเขาว่าการวิ่งระยะไกลเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรพยายามโดยไม่มีผู้ดูแล
เหตุการณ์สุดท้ายที่เขาเจอก็คือระหว่างการฝึกยิงธนู เขาเป็นลมและเผลอปล่อยลูกศรไปโดนก้นของผู้ฝึกสอนในระหว่างนั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมการฝึกยิงธนูอีก
แม้ว่าเขาจะขอร้องและอ้อนวอนอาจารย์ผู้สอนมากแค่ไหน แต่ทุกคนก็ส่ายหัวและบอกกับเขาว่าทางที่ดีให้เขาฝึกภายใต้การดูแลของคุณย่าของเขา
เวร่า มีความสุขมากที่ได้ฝึกหลานชายของเธอ แต่เนื่องจากสภาพร่างกายที่ไม่มั่นคงของ ลุกซ์ ทำให้มีบางครั้งที่หลานชายของเธอเกือบจะเสียชีวิตระหว่างการฝึก
จนในที่สุด เวร่า ก็บอกกับ ลุกซ์ ว่า เส้นทางการเป็นนักรบไม่เหมาะสมกับเขา
แต่ ลุกซ์ ไม่อยากได้ยินความจริงนี้ เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ลุกซ์ ต้องการเข้าไปใน เอลิเซียม และทำให้ย่าของเขาภูมิใจ
ลุกซ์ ต้องการจะเป็น ไฮค์-แรงค์เกอร์ และ แสดงให้ย่าของเขาเห็นว่าเธอไม่ได้เสียเวลาเลี้ยงดูเขาตั้งแต่ยังเด็ก เขาไม่ต้องการถูกตราหน้าว่าเป็นคนล้มเหลวหรือไร้ประโยชน์
เพราะเธอเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่ ลุกซ์ มีอยู่ในโลกนี้ เขาต้องการแสดงให้เธอเห็นว่าเขาไม่ได้ไร้ประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงต้องการจะพิสูจน์ตัวเอง โดยการแอบฝึกฝนอย่างลับ ๆ
ตั้งแต่นั้นมา มันก็กลายเป็นเรื่องปกติที่คนในฐานที่มั่นจะเห็น เด็ก ๆ ลากร่างที่หมดสติของ ลุกซ์ กลับมาที่บ้านทุกวัน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุด ลุกซ์ ก็สงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง เขาเช็ดน้ำตาที่เหลือจากดวงตาของเขาและมองออกไปนอกหน้าต่างห้องของเขา
‘บางทีฉันอาจจะไม่สามารถเข้าสู่ เอลิเซียม ได้ตลอดชีวิตนี้’ ลุกซ์ กล่าวพูดเบา ๆ ในครั้งนี้เขารู้สึกอยากจะยอมแพ้ขึ้นมาจริงๆ
เอลิเซียม เป็นสถานที่ที่จะสามารถได้รับสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากมาย ใครก็ตามที่เข้าไปในโลกนี้จะได้รับความมั่งคั่ง ชื่อเสียง ความรุ่งโรจน์ และ บรรลุความฝันอันสูงสุดของพวกเขา
นี่คือโลกที่แปลกประหลาดที่ปรากฏขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากสงคราม 100 ปี ที่ทำลายล้างโลกโซไรอัสจนเกือบล่มสลาย
สิ่งนี้คือพรมแดนแห่งใหม่และเป็นกุญแจสำคัญในการกอบกู้โลกของพวกเขา
ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่ผู้คนจำนวนมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ต้องการเข้าไปสำรวจโลกที่ไม่รู้จักนี้ ลุกซ์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถึงกระนั้น เขาก็พลาดโอกาสหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอที่ไม่สามารถทำตามความปราถนาในใจของเขาได้ทัน
ในขณะที่เขากำลังพยายามโน้มน้าวใจตัวเองให้ล้มเลิกความฝัน ก็มีเสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณรอบตัวของเขา
“นายพยายามอดทนมาโดยตลอด แล้วตอนนี้กลับคิดจะยอมแพ้งั้นหรือไม่?” เสียงแหบพร่าได้ดังขึ้นข้างหูของเขา
ลุกซ์ แทบกระโดดลงจากเตียงด้วยความตกใจเพราะเสียงที่ไม่คาดคิดดังมาจากที่ไหนก็ไม่รู้
จากนั้นเขาก็รีบมองไปรอบ ๆ ห้องของเขาเพื่อค้นหาว่าเสียงมาจากไหน
“นายกำลังมองไปทางไหนกัน?” เสียงแหบพร่าได้เอ่ยถาม “ฉันอยู่ตรงหน้าข้างนอกหน้าต่างของนาย”
ลุกซ์ เดินไปที่หน้าต่างและเผชิญหน้ากับเด็กชายตัวเล็กผมสั้นสีน้ำเงินเข้มและดวงตาสีเทาที่ดูเหมือน เด็กอายุประมาณ 10 ปี ที่ลอยอยู่ในอากาศตรงหน้าเขา
“นายเป็นใคร?” ลุกซ์ ถามขณะที่เขาจ้องมองไปที่เด็กน้อยที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในฐานที่มั่นวิลด์การ์ด
“ฉันชื่อ เอลิออน” เอลิออน กล่าวพูดด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ซึ่งทำให้ ลุกซ์ รู้สึกราวกับว่าเขาได้พบเพื่อนที่หายไปนาน
“ฉันคือเทพเจ้าแห่งเกม ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยเพื่อนรักของฉัน แม็กซ์คลูโซซิส และ ทำงานที่เขาเริ่มให้เสร็จ”