Chapter 97 One the might of root hair
一根毛的威力
“ไม่รู้ว่าคุณชายมีคนรู้จักอย่างงั้นรึ?”ฟ่านอี้หลานเอ่ยถามด้วยความสงสัย.
ขณะที่ลู่อี้ผิงจะเอ่ยปาก,ในเวลานั้นกลิ่นอายที่น่าเกรงขามสามร่างก็บินตัดอากาศมา,กลิ่นอายของเทพแท้จริงที่กวาดม้วนสวรรค์และปฐพี,ปกคลุมทั่วเมืองร้าง.
“ใครสังหารศิษย์ของข้า?!”เสียงคำรามด้วยความโกรธที่ดังก้อง.
คลื่นเสียงที่ทรงพลังกลายเป็นคลื่นที่ก้องไปทั่วเมืองเป็นเวลานาน.
เสียงที่หนักหน่วงรุนแรงที่กระแทกลงมาบนพื้นทำให้ผืนปฐพีสั่นไหว.
เมืองเก่าที่พังทลายลงเป็นแถบ ๆ.
ได้ยินเสียงดังกล่าว,ฟ่านอี้หลานและฟ่านเซิ่ง สองพี่น้องที่ใบหน้าเปลี่ยนสี.
“บรรพชนชรานิกายเห่ยเฟิง,โจวไห่เจ๋อ!”
“อาจารย์อู๋เหว่ย! คาดไม่ถึงว่าจะอยู่ใกล้ ๆ!”
ในเวลานั้น,เสียงที่โกรธเกรี้ยวคำรามลั่น“ไสหัวออกมา! เจ้าคิดว่าซ่อนอยู่แล้วข้าจะหาไม่เจออย่างงั้นรึ? เจ้าสารเลวซ่อนอยู่ที่ใหน ข้าจะขุดพื้นทั้งเมืองนี้ทุกตารางนิ้วเลย,ค้นหา ว่าเจ้าซ่อนอยู่ตรงใหน!”จากนั้นเสียงดังกึกก้องก็ดังสนั่นไม่หยุด.
แม้นว่าจะอยู่ห่างออกไปไกล,ทว่าพื้นห้องโถงก็สั่นไปมาอย่างรุนแรง.
เห็นชัดเจนว่า,ฝ่ายตรงข้ามกำลังบ้าคลั่งทำลายข้าวของไปทั่ว.
“ออกไปดู.”ลู่อี้ผิงที่ลุกขึ้นเอ่ยออกมา.
จากนั้นวัวกระทิงมังกรเขาทองคำและหวงจิวก็ออกไป.
ฟ่านอี้หลานที่เร่งรีบเอ่ยออกมาทันที“คุณชายอย่าออกไปเลย! โจวไห่เจ๋อนั้นเป็นเทพแท้จริงขั้นปลายท้าย.”
อย่างไรก็ตาม,ขณะที่นางจะขวางลู่อี้ผิง,ลู่อี้ผิงก็ก้าวออกจากห้องโถงไปแล้ว,ไม่ได้ปกปิดกลิ่นอาย,ก้าวไปด้านหน้าห้องโถงที่ลานพร้อมกับวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.
โจวไห่เจ๋อและบรรพชนชราของนิกายเห่ยเฟิงอีกสองคนที่จ้องมองจากบนท้องฟ้าลงมาทันที.
โจวไห่เจ๋อที่เห็นลู่อี้ผิง,แววตาเผยความเย็นชา,ทันใดนั้นก็พุ่งตัดอากาศเข้ามาหาทันที.
ทั้งสามที่บินลอยอยู่บนท้องฟ้าสายตาขวาง.
ฟ่านอี้หลานและฟ่านเซิ่งสองพี่น้องที่ก้าวออกมา,เห็นโจวไห่เจ๋อ,ก็เผยความเกลียดชังออกมาทันที.
ตระกูลฟ่านพังทลายลง,บิดามารดาของพวกเขาตายในมือของโจวไห่เจ๋อนี่เอง.
โจวไห่เจ๋อไม่ได้สนใจมองสองพี่น้องเลย,สายตาของเขาที่จับจ้องมองลู่อี้ผิง,แววตาเผยความเย็นชา“เจ้าสังหารศิษย์ของข้าอย่างงั้นรึ?”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เผยยิ้มพราย,“ศิษย์เจ้า ข้าสังหารเอง,เหยียบมันจมพื้นดินเมื่อกี้นี้เลย!”
โจวไห่เจ๋อที่ตกใจ,ชำเลืองมองวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น,พวกเจ้าก็ตายไปซะ!”จากนั้น,เขาก็ลงมือต่อลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำทันที.
บนอากาศที่ว่างเปล่านั้น,ปรากฏฝ่ามือยักษ์ที่รวมตัวขนาดใหญ่ขึ้นมาทันที.
ฝามือที่ส่องรัศมีแสงสีดำ,เหมือนกับดวงตะวันทมิฬที่บ่มเพาะขึ้นมาจากร่างของปิศาจร้าย.
“ฝ่ามือปิศาจทมิฬ!”ฟ่านเซิ่งอุทานออกมาด้วยความตกใจ.
ฝ่ามือปิศาจทมิฬนั้นเป็นวิชาที่มีชื่อเสียงในจิวเทียนเมื่อหนึ่งแสนปีที่แล้วจากมหาอำนาจเห่ยเซี่ย.
ฝ่ามือปิศาจทมิฬ,กำเนิดสร้างจากอสุรกายที่ดุร้ายอย่างที่สุด,อมหิตดุร้ายเปี่ยมล้นด้วยปราณปิศาจที่กัดกร่อนพลังชีวิตไม่หยุด,ผู้ที่ได้รับฝ่ามือดังกล่าวจะได้รับพิษทุกข์ทรมานตายทั้งเป็น.
ฝ่ามือปิศาจทมิฬที่ส่งเสียงดังสนั่น,ลู่อี้ผิงที่ยังคงเผยท่าทางไม่แยแส,ในเวลานั้นเขาได้ถอนขนวัวกระทิงมังกรเขาทองคำและเหวี่ยงออกไป.
ในเวลานั้นขนสีทองที่ระเบิดแสงสีทองสว่างเจิดจ้าเปลี่ยนเป็นหอกสีทองที่ใหญ่ยักษ์จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน.
หอกยักษ์สีทองที่พุ่งออกไปบนอากาศแผ่กลิ่นอายที่หนักหน่วงรุนแรงออกมา.
หอกยักษ์สีทองที่พุ่งออกไป,ทะลวงผ่านฝ่ามือปิศาจกวาดม้วนทำลายล้างจนฝ่ามือปิศาจพังทลายลงอย่างง่ายดาย.
โจวไห่เจ๋อและสองบรรพชนชรานิกายเห่ยเฟิงเห็นหอกสีทองที่ทำลายฝ่ามือทมิฬแล้วยังพุ่งตัดอากาศมา,ถึงกับผวา,สัมผัสได้ถึงพลังที่น่าเกรงขามสีทอง,ทั้งสามที่กระตุ้นพลังออกมาอย่างบ้าคลั่ง.
สามเทพแท้จริง,พลังอำนาจของเทพแท้จริงที่พุ่งปะทะ,คลื่นอากาศที่บิดเบี้ยว,สายธารพลังทมิฬนับล้านล้านสายที่พวยพุ่งเข้าปะทะกับหอกสีทอง.
อย่างไรก็ตามมันกับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง!
หอกสีทองที่ทะลวงพลังของสามเทพแท้จริงไปในทันที,จากนั้นก็พุ่งทะลวงร่างของทั้งสาม.
โจวไห่เจ๋อและพวกที่หยุดชงักค้างบนอากาศ.
หอกสีทองนับสิบล้านที่ทะลวงร่างของทั้งสามไม่หยุดหย่อน,กระหน่ำเจาะร่างตัดอากาศจนพื้นที่รอบ ๆ ย้อมสีเป็นสีทองไปด้วย.
ร่างทั้งสามที่ถูกเจาะไม่หยุหย่อนเสียงทะลวงชิ้นส่วนต่าง ๆ จนแตกสลายหายไปกลายเป็นความว่างเปล่าในเวลาต่อมา.
ร่างทั้งสามที่สลายหายไปจนไร้ซึ่งร่องรอย.
ลู่อี้ผิงที่ฝังขนที่เหลือลงบนร่างของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.
ฟ่านอี้หลานและฟ่านเซิ่งถึงกับพูดไม่ออก.
เพียงแค่ขน,คาดไม่ถึงเลยว่าจะทรงพลังขนาดนี้เลยรึ?
เพียงแค่ขน,คาดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้?
เป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะชั้นยอดอย่างงั้นรึ?
บางทีแม้แต่สิ่งประดิษฐ์เทวะชั้นยอดก็คงไม่แข็งแกร่งขนาดนี้.
ลู่อี้ผิงและวัวกะทิงมังกรเขาทองคำที่ก้าวเดินกลับห้องโถง.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ยครวญ“จูเหริน,เมื่อครู่นี้ข้าเจ็บจริง ๆ.”
ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแส“เพียงแค่ถอนสองสามเส้นจะเป็นไรไป!”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำนำเนื้อออกมาก่อนที่จะกลืนลงคออย่างรวดเร็ว.
เมื่อฟ่านอี้หลานและฟ่านเซิ่งสองพี่น้องก้าวกลับเข้ามาในห้องโถง,ก็เห็นลู่อี้ผิงนำสุราออกมาดื่มแล้ว.
“คุณชาย,ท่านคือเทพสวรรค์อย่างงั้นรึ?!”ฟ่านเฟิงจ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความหวั่นเกรง.
สังหารเทพแท้จริงสามคนในทันที,นอกจากนี้ยังเป็นเทพสวรรค์ขั้นปลายท้ายด้วย,แน่นอนว่าต้องเป็นเทพสวรรค์,แม้แต่อาจจะไม่ใช่เทพสวรรค์ขั้นต้นแต่เป็นเทพสวรรค์ชั้นกลางแล้ว.
ฟ่านอี้หลานที่จ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความหวั่นเกรงเช่นกัน,แม้แต่ปู่ของนางในอดีตที่เพิ่งตัดผ่านเป็นเทพสวรรค์,ก็ไม่แข็งแกร่งเท่ากับชายหนุ่มชุดน้ำเงินผู้นี้.
เพียงแค่ขนก็สังหารเทพแท้จริงสามคนได้.
เรื่องแบบนี้มันเหนือจินตนาการของนางไปมาก.
ได้ยินฟ่านเซิ่งเอ่ยถามว่าเขาเป็นเทพสวรรค์,ลู่อี้ผิงที่เผยยิ้ม,พยักหน้าหากแต่ไม่เอ่ยอะไร.
ฟ่านอี้หลานและฟ่านเซิ่ง,สองพี่น้องที่จ้องมองกันและกัน,จากนั้นก็คุกเข่าลงให้กับลู่อี้ผิง.
“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยชีวิต,พวกเราสองพี่น้องยินดีเป็นวัวเป็นควายรับใช้คุณชาย”ทั้งสองที่เอ่ยคำนับโขลกพื้นเอ่ยออกมาพร้อมกัน.
ลู่อี้ผิงส่ายหน้าไปมา“ข้าบอกแล้วข้าจะไปยังนิกายกระบี่กุยหยวน,ข้าไม่ได้คิดไปทวีปเทพยุทธ์กับพวกเจ้า.”
ฟานเซิ่งที่เอ่ยปากออกมาว่า“พวกเราไม่กล้าขอให้คุณชายไปยังทวีปเทพยุทธ์พร้อมกับพวกเรา,พวกเราต้องการไปยังนิกายกุยหยวนพร้อมกับคุณชาย.”
“ทำตามที่เจ้าต้องการเถอะ.”ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ.
ในเมื่อพวกเขาต้องการติดตามเขาไป,เขาก็ไม่ได้ว่ากล่าวแต่อย่างใด.
ทั้งสองเห็นลู่อี้ผิงยอมรับ,ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นซาบซึ้งใจ.
ค่ำคืนหนึ่งที่ผ่านไป.
พวกลู่อี้ผิงก็ออกจากเมืองเก่า,เดินทางต่อ.
ระหว่างทาง,สองสามวันมานี้พวกเขาพบผู้คนมากมายที่กำลังเดินทางมายังมลทลชิงอวิ๋นซึ่งเป็นเขตที่อยู่อาศัยของนิกายกุยหยวนนั่นเอง.
หลังจากเข้ามายังมลทลชิงอวิ๋น,ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยผู้คนที่มารวมตัวกัน.
“ได้ยินมาว่าผู้ได้อันดับหนึ่งงานชุมนิมนิกายกระบี่ครั้งนี้,จะได้รับวิชาลับกระบี่ไร้ลักษณ์และกระบี่ชิงหลิงศาตราเทวะชั้นสูงสุดด้วย,ส่วนอันดับอื่น ๆ ในสิบอันดับจะได้รับวิชาลับกระบี่สิบกระบวนและเข้าร่วมนิกายกุยหยวน.”
“รางวัลที่หนึ่งไม่แค่วิชาลับกระบี่ไร้ลักษณ์,จะถูกรับเป็นศิษย์สายตรงของท่านฉู่ถงด้วย!”
“อะไรนะ,ท่านฉู่ถงจะรับศิษย์อย่างงั้นรึ?!”
ผู้คนมากมายที่พูดคุยกันเสียงดัง.
ฟ่านอี้หลาน,ฟ่านเซิ่งที่ได้ยินว่าอันดับหนึ่งงานชุมนุมกระบี่ครั้งนี้,คาดไม่ถึงว่าท่านฉู่ถงจะรับเป็นศิษย์สายตรง,ก็เผยความตื่นเต้นดีใจออกมา.
ในพื้นที่ซั่งเซิ่ง,นิกายกระบี่กุยหยวนถือเป็นนิกายอันดับหนึ่ง,นอกจากนี้ฉู่ถงก็คือผู้ก่อตั้งนิกายกระบี่กุยหยวนนี้ขึ้นมา,กล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดฝีมือของผู้คนในดินแดนซั่งเซิ่งแห่งนี้.
“หากท่านฉู่ถงรับเป็นศิษย์,นับว่าเป็นเกียรติประวัติอย่างที่สุดแล้ว.”ฟ่านเซิงที่เอ่ยกล่าวด้วยความปรารถนา.
ฟ่านอี้หลายที่เผยยิ้ม“พวกเราไม่จำเป็นต้องคิดเลย,ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเรา,อย่าว่าอันดับหนึ่งเลย,ต่อให้อันดับหนึ่งในพันก็ยากจะเป็นไปได้.”