Chapter 90 Battle Empire first ancestor
斗战帝国始祖
มหาจักรพรรดิจักรวรรดิโตวจัน,จูเจิ้งที่กวาดตามองคนอื่น ๆ,“เรื่องนี้,ทุกคนมีความเห็นอย่างไร?”
ซุนเหยียนที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยปากออกมาทันที“ข้าขอแนะนำ,พวกเราควรนำทัพไปยังนิกายพุทธะไท่ฮัว,เพื่อแย่งชิงสมบัติกับคนอื่น!”
“มหาค่ายกลรังปิศาจนั้นไม่อาจฟื้นคืนได้แล้ว,เหล่าปิศาจด้านในนั้นยังคงออกมาไม่หยุดหย่อน,ไม่อาจสะกดได้,นิกายพุทธะไท่ฮัวนั้นมีเพียงแค่ความล่มสลายที่รออยู่!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้,พวกเราถึงไปสนับสนุนก็ไร้ประโยชน์,สมบัติของพวกเขาจะปล่อยให้ตกไปอยู่นิกายจักรวรรดิอื่นเป็นเรื่องที่ไม่ถูก,มันควรจะเป็นของจักรวรรดิโตวจันต่างหาก!”
“นอกจากนี้สมบัติพุทธะเหล่านั้น,จะช่วยทำให้จักรวรรดิโตวจันของพวกเราแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก.”
คำพูดของซุนเหยียนทำให้ทุกคนในห้องโถงดวงตาเบิกกว้าง.
มหาจักรพรรดิโตวจันจูเจิ้งไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา,แววตาที่ดูลังเลไม่แน่ใจ,เห็นชัดเจนว่ากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับคำแนะนำของซุนเหยี่ยน.
ซุนเหยียนเอ่ยเพิ่ม,“นอกจากนี้นิกายพุทธะไท่ฮัวที่พังทลายลง,การที่ต้องชดเชยให้กับพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หลายปีมานี้นิกายพุทธะไท่ฮัวนั้นได้ขัดขวางพวกเรามาตลอด,เกรงจักรวรรดิโตวจันของพวกเราจะรวมทวีปฟู่เฉิงเป็นหนึ่ง.”
นิกายพุทธะไท่ฮัวนั้นถือเป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลอันดับหนึ่งของทวีปฟู่เฉิง,การจะรวมทวีปฟู่เฉิงเป็นหนึ่ง,นิกายพุทธะไท่ฮัวจึงเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ไม่อาจก้าวข้ามได้.
“ใช่แล้ว,ข้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของแม่ทัพใหญ่สวีชิง.”บรรพชนชราจักรวรรดิโตวจันคนหนึ่งเอ่ย“นิกายพุทธะไท่ฮัวยังไงก็ต้องล้มสลาย,จักรวรรดิโตวจันของพวกเราถึงเวลารวมทวีปฟู่เฉิงแล้ว!”
“มหาจักรพรรดิ,พวกเราควรจะเรียกกลุ่มยอดฝีมือเหนือขอบเขตเทพวิญญาณตอนนี้,และเร่งรีบไปยังนิกายพุทธะไท่ฮัว,เพื่อแย่งชิงสมบัติของนิกายพุทธะไท่ฮัว.”
ซุนเหยียนที่เอ่ยเพิ่ม“นิกายพุทธะไท่ฮัวพังทลายลง,เหล่าจ้าวปิศาจที่หลั่งไหลออกมาจากรังปิศาจย่อมกระจจัดกระจายออกไปทำให้กลุ่มอิทธิพลอื่น ๆ ได้รับผลกระทบไปด้วย,มีเพียงจักรวรรดิโตวจันของพวกเราที่ได้รับผลกระทบไม่มากนัก.”
มหาจักรพรรดิจูเจิ้งท้ายที่สุดก็เอ่ยปาก“ก็ได้,ในเมื่อเป็นเช่นนี้,ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป,ให้รวบรวมยอดฝีมือเหนือขอบเขตเทพวิญญาณ,ให้มารวมตัวกันที่ตำหนักจักรพรรดิ!”
ในเวลานั้น,เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องหูดับดังขึ้นมาทันที.
ผู้คนจากห้องโถง เห็นเหล่าผู้คุ้มกันตำหนักลอยกระเด็น,พวกเขาล่วงหล่นจมกองฝุ่นอยู่ด้านหน้าจัตุรัสห้องโถง.
ทุกคนที่ตะลึงงัน.
มหาจักรพรรดิจูเจิ้งที่ใบหน้าเคร่งขรึม,เร่งรีบก้าวออกจากห้องโถงไปในทันที.
ทุกคนที่ก้าวออกมาจากห้องโถงตามไปเช่นกัน.
ในเวลานั้น,ภายในตำหนักจักรวรรดิ,มียอดฝีมือและองค์รักษ์มากมายที่หลั่งไหลเข้ามา,กระจายเต็มท้องฟ้าในเวลาไม่นาน.
ทว่าหลังจากเหล่าองค์รักษ์มากมายปรากฏขึ้น,ก็ได้ยินเสียงระเบิดที่ติดต่อกันซ้ำ ๆ.
มองจากพื้นที่ไกลออกไป,องค์รักษ์จักรวรรดิโตวจันที่เหมือนกับฝูงตั๊กแตนที่ถูกพายุพัดลอยกระเด็นกระจายไปทุกทิศทาง.
อย่างไรก็ตามององค์รักษ์ที่ดูเหมือนว่าจะมาจากทุกทิศทางเพิ่มเสริมกำลังไม่หยุดหย่อนเช่นกัน.
ท้ายที่สุดฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนว่าจะทนไม่ไหวในที่สุด,เสียงคำรามที่น่าพรั่นพรึงได้ปรากฏขึ้น.
ซูมมมมมมมมมมมม
บนท้องฟ้าจักรวรรดิโตวจัน,เหล่าองค์รักษ์และทหารมากมายที่เร่งรุดมา,พริบตาที่เสียงดังกล่าวดังขึ้นคลื่นเสียงที่น่าหวาดกลัวก็กวาดทุกอย่างให้หายไปอย่างสมบูรณ์.
ท้องฟ้าใสกระจ่างใสในบัดดล.
ที่ด้านหน้าสายตาของทุกคน,ปรากฏผู้เยาว์ชุดน้ำเงินและผู้เยาว์ชุดดำที่ก้าวตามหลังมา.
มหาจักรพรรดิจูเจิ้งที่ใบหน้าบิดเบี้ยวจดจ้องมองไปยังลู่อี้ผิง“ผู้ยอดเยี่ยมเป็นใคร,ไม่รู้ว่าจักรวรรดิโตวจันของพวกเราได้ไปล่วงเกินผู้ยอดเยี่ยมเรื่องใดกัน?”
ลู่อี้ผิงที่กวาดตามองไปรอบ ๆ เหล่าแม่ทัพและบรรพชนชรา,ท้ายที่สุดก็ไปหยุดที่ซุนเหยียน.
“หัวหน้าเต๋าเทพสังหาร,ซุนเหยียน.”ลู่อี้ผิงที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แยแส.
ซุนเหยียนที่ใบหน้ากลายเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที“ผู้ยอดเยี่ยมคงจำผิดคนแล้ว.”เขาหยุดและเอ่ยเพิ่ม“หากแต่ผู้ยอดเยี่ยมกล้าบุกเข้ามายังวังหลวงตำหนักจักรพรรดิ,คงไม่เห็นหัวใครในจักรวรรดิโตวจันแล้วสินะ”กล่าวจบเขาก็ต่อยหมัดตรงไปยังทิศทางของลู่อี้ผิงทันที.
หมัดของเขาที่มีเปลวเพลิงที่ร้อนแรงน่าอัศจรรย์,เป็นคลื่นพลังสีทองม่วง.
“เพลิงเทวะทองม่วง!”
เพลิงเทวะทองม่วง,นับเป็นเพลิงที่หายากมากในโลกนี้,หลังจากที่ได้รับและผสานเข้ากับพลังเทวะ,เมื่อกระตุ้นก็สามารถใช้พลังเทวะที่มีเพลิงทองม่วงโจมตีได้.
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองซุนเหยียนที่ปล่อยหมัดเพลิงเทวะเพลิงม่วงออกมา,ใบหน้าที่ดูเฉยเมย,พร้อมกับชี้นิ้วออกไปปล่อยดัชนีแสงสีดำที่พุ่งตัดผ่านอากาศ,กระแทกเข้ากับหมัดของฝ่ายตรงข้ามในทันที.
เพลิงทองม่วงที่ราวกับว่าถูกแช่แข็งเอาไว้ในอากาศ.
ริ้วแสงสีดำ,ที่พุ่งตรงไปยังซุนเหยียนต่อ.
ลำแสงสีดำที่เต็มไปด้วยอำนาจทำลายล้าง,ทำให้ซุนเหยียนใบหน้าเปลี่ยนสี,ไม่อาจซ่อนพลังของตัวเองเอาไว้ได้อีก,เขาได้กระตุ้นปล่อยพลังเทพสวรรค์ขั้นสุดออกมา.
กลิ่นอายของเทพสวรรค์ได้กวาดม้วนไปทั้งสวรรค์และปฐพี.
เหล่าบรรพชนชราจักรวรรดิโตวจัน,ต่างก็ถูกคลื่นพลังของซุนเหยียนผลักกระเด็นออกไปหลายก้าว,ไม่มีใครที่ไม่ประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น.
“เทพสวรรค์?!”แม้แต่มหาจักรพรรดิจูเจิ้งยังตกใจ.
แม่ทัพใหญ่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา,คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเทพสวรรค์!
แม้นว่าเขาจะเป็นมหาจักรพรรดิ จักรวรรดิโตวจัน,ทว่าเขาก็มีพลังเพียงเทพแท้จริงขั้นสุดท้ายเท่านั้น.
“เทพสวรรค์ขั้นกลางปลาย.”ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแส.
ความแข็งแกร่งของซุนเหยียนนั้นเท่ากับเจียงยวี,มีระดับเทพสวรรค์ขั้นกลางปลาย.
ฝ่ามือของซุนเหยียนที่โจมตีออกไปสุดกำลัง.
“ฝ่ามือปิศาจการุณย์!”
ฝ่ามือของเขาที่มีปราณปิศาจพวยพุ่ง,ม้วนกวาดออกไป,ทว่าในฝ่ามือนั้นกับแผ่รัศมีแสงธรรมของพุทธะแฝงอยู่ด้วย.
ฝ่ามือปิศาจการุณย์! นี่คือวิชาที่ยอดฝีมืออรหันต์ปิศาจยุคโบราณได้สร้างขึ้นมา,พลังฝ่ามือจึงมีทั้งพลังพุทธะและปิศาจ,กล่าวได้ว่าเคล็ดวิชาดังกล่าวเป็นหนึ่งในสิบฝ่ามือยุคโบราณที่แข็งแกร่งที่สุด.
ฝ่ามือปิศาจการุณย์ปะทะเข้ากับลำแสงสีดำของลู่อี้ผิงเกิดระเบิดดังสนั่น.
ตูมมมมมมมมมม
เสียงระเบิดดังกึกก้อง,คลื่นอากาศที่พัดสะบัดกวาดออกไปทั่วทุกสารทิศ.
ลานจัตุรัสด้านหน้าของวังเศษหินดินทรายที่ลอยฟุ้งกระเด็น,พื้นที่รอบ ๆ ตำหนักสลายกลายเป็นเศษฝุ่นไปเกือบทั้งหมดในทันที.
ผู้คนมากมายต่างก็หวาดผวาตกใจ.
ทว่าในเวลานั้น,ทุกคนที่เห็นลำแสงสีดำจากดัชนีของลู่อี้ผิงได้ทะลวงฝ่ามือปิศาจการุณย์,ก่อนจะเจาะทะลุหน้าอกของซุนเหยียนไป.
ซุนเหยียนที่ลอยกระเด็นออกไปกองหมดสภาพบนพื้น.
ซุนเหยียนที่นอนหมดสภาพ,ที่หน้าอกของเขาคล้ายมีถอะไรรปักอยู่.
เห็นเป็นแท่งน้ำแข็งสีดำ,มันเริ่มแช่แข็งหน้าอกของเขาลามออกไป.
เวลานั้นลู่อี้ผิงที่ยกมือขึ้นดูดลากร่างของซุนเหยียนลอยมาด้านหน้าของเขา.
ในเวลานั้น,เสียงที่แหบเครือได้ดังขึ้นจากในส่วนลึกของตำหนักจักรวรรดิโตวจัน“ผู้น้อยจูเหยียน,ใคร่ขอผู้ยอดเยี่ยม เห็นแก่หน้าข้า,โปรดปล่อยแม่ทัพใหญ่ของจักรวรรดิโตวจันด้วย!”เสียงไม่ดังกับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังไร้เทียมทาน.
จูเหยียน!
เป็นบรรพชนรุ่นหนึ่งจักรวรรดิโตวจันนั่นเอง.
ลู่อี้ผิงที่ราวกับไม่ได้ยิน,เริ่มค้นวิญญาณของซุนเหยียนทันที.
ในเวลานั้น,จากส่วนลึกของตำหนักโตวจัน,ปรากฏริ้วแสงสีทองพุ่งทะลวงท้องฟ้า,สวรรค์และปฐพีเปลี่ยนสี,คลื่นพลังกดดันที่หนักหน่วงแผ่ทับลงมา,ราวกับเทือกเขาฮุ่นตุ้น,ผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงจักรพรรดิโตวจันเวลานี้แทบไม่สามารถทนแรงกดดันต่างก็คุกเข่านอนราบบนพื้นไปในทันที.
จากนั้น,ในห้วงมิติที่ว่างเปล่า,ปรากฏชายชราผมสีเทาก้าวออกมา.
เห็นชายชรา,มหาจักรพรรดิจูเจิ้งและคนอื่น ๆ ต่างก็คุกเข่าลง,เผยความตื่นเต้น“คารวะบรรพชนรุ่นหนึ่ง!”
จูเหยียนที่จับจ้องมองไปยังลู่อี้ผิง“ไม่รู้ว่าท่านและแม่ทัพใหญ่จักรวรรดิของข้ามีความแค้นอันใดกัน,ทว่าตอนนี้เจ้าจงปล่อยเขาซะ.”
“แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป!”
ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงที่ค้นวิญญาณเสร็จสิ้น.
ทว่าเวลาต่อมา,ก็เห็นหัวหน้าองค์กรเต๋าเทพสังหารซุนเหยียนถูกเพลิงทมิฬเผา,ร่างกายสลายกลายเป็นเถ้าไปในทันที.
ผู้คนจักรวรรดิโตวจันถึงกับกลายเป็นงงไปเหมือนกัน.
จูเหยียนที่เผยแววตาเย็นชาเต็มไปด้วยความดุร้าย“เจ้าจะต้องตาย!”ในเวลานั้นกลิ่นอายของเขาที่แผ่พุ่งปะทุพลังที่เหนือกว่าพลังกฎเทพสวรรค์มากมายราวกับจะกลืนท้องฟ้าได้ปรากฏขึ้น,สวรรค์และปฐพีเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว,ทั่วทั้งเมืองหลวงจักรวรรดิโตวจันไม่มียอดฝีมือคนใหนไม่ประหลาดใจ.