Chapter 88 Miss Xu Feng Zither Meeting
许凤小姐的琴会
“แต่ว่า,ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าหนูโจวเฉิง,ควรจะสามารถจัดการได้.”เฉียงเหลียงเอ่ย.
แม้นว่าโจวเฉิงจะไม่ใช่จ้าวพิภพ,ทว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ได้อ่อนด้อยกว่าบรรพชนหวงนิกายภูตหยิน,กู่เหล่ากุยและไป่อู๋ซ่างเลย.
ในเวลานั้น,อี้อี้ผิงและคนที่เหลือก็เดินทางไปยังจักรวรรดิโตวจันต่อ.
สองวันหลังจากนั้น.
ลู่อี้ผิงก็มาถึงเมืองหลวงจักรวรรดิโตวจัน.
เข้ามาถึงเมืองหลวงจักรวรรดิโตวจัน,บนถนนหนทาง,เต็มไปด้วยรูปปั้นพุทธรูปอยู่ทุกหนแห่ง,สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ,และร้านข้างทางเองก็ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับพุทธะ.
“เมืองหลวงโตวจัน,ในอดีตเป็นเมืองหลวงของนักบุญอรหันต์”เฉียงเหลียงที่จ้องมองสิ่งก่อสร้างรอบ ๆ เมืองหลวงและเอ่ยกล่าวออกมา.
ในยุคโบราณนั้นมีจักรวรรดินักบุญอรหันต์,ซึ่งเป็นจักรวรรดิอันดับหนึ่งของพิภพเหิงหยวนในยุคนั้น.
มหาจักรพรรดินักบุญอรหันต์,กับเขานั้นมีนิสัยเหมือนกัน,นอกจากนี้ยังเป็นพี่น้องกับอรหันต์ปิศาจสหายของเขาด้วย.
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เผยแววตาลึกล้ำ“เจ้าหนูอรหันต์พุทธะนั่นน่าสงสารเหมือนกัน.”
ในอดีต,อรหันต์พุทธะได้ต่อสู้กับจ้าวปิศาจ,อาณาจักรปิศาจสวรรค์ของดินแดนโหยวหมิง.
สงครามครั้งนั้น,เกือบทำให้อาณาจักรปิศาจสวรรค์ล่มสลายแล้ว.
ทว่าท้ายที่สุด,อรหันต์พุทธะกับถูกลอบสังหารไปก่อน!
โลหิตของอรหันต์พุทธะนั้น,ได้ย้อมไปทั่วอาณาจักรปิศาจสวรรค์กำเนิดภูเขาและแม่น้ำมากมาย.
สงครามในครั้งนั้นอรหันต์พุทธะได้ตกตายไป,ทำให้วัวกระทิงมังกรเขาทองคำถึงกับเสียน้ำตาไปเหมือนกัน.
ลู่อี้ผิงที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“คนของเผ่าหยินหมิง,เจ้าพวกสารเลว!”
ในอดีต,หากไม่เพราะว่าคนของเผ่าหยินหมิงลอบสังหาร,อรหันต์พุทธะย่อมไม่ตายในสงครามเผ่าปิศาจสวรรค์.
“ในสนามรบแห่งทวยเทพ,มหาค่ายกล ค่ายกลฝังเทพเก้าสมบูรณ์,เป็นฝีมือของเผ่าหยินหมิงอย่างงั้นรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย.
ลู่อี้ผิงที่ส่ายหน้าไปมา,“ตอนนี้ยังไม่อาจบอกได้.”
“สนามรบแห่งทวยเทพ,มีมหาค่ายกลฝังเทพเก้าสมบูรณ์วางไว้อย่างงั้นรึ?”เฉียงเหลียงถึงกับใบหน้าเปลี่ยนสี.
ลู่อี้ผิงพยักหน้ารับ,มหาค่ายกลฝังเทพเก้าสมบูรณ์นั้นถูกวางไว้อย่างมิดชิดในห้วงมิติ.
เฉียงเหลียงที่เผยแววตาเย็นชา“หากเกี่ยวกับเผ่าหยินหมิง,ข้าจะต้องกวาดล้างเผ่าหยินหมิงแน่!”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำส่ายหน้าไปมา“จะกวาดล้างเผ่าหยินหมิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก.”
ในยุคโบราณ,เผ่าหยินหมิงที่ปรากฏขึ้น,ทว่าจวบจนถึงตอนนี้,เผ่าหยินหมิงมีคนมากเท่าไหร่,ความแข็งแกร่งขนาดใหน,ไม่มีใครรู้.
เฉียงเหลียงที่ขมวดคิ้วไปมา,เขาที่สงสัยว่าคนสวมหน้ากากผีที่ผนึกหัวใจปิศาจโบราณของเขานั่น,คือคนของเผ่าหยินหมิงหรือไม่?
แน่นอน,เรื่องนี้,ไม่อาจยืนยันได้จริง ๆ.
“ใครจะคิดว่าศูนย์ใหญ่ขององค์กรเต๋าเทพสังหารจะอยู่ในเมืองหลวงจักรวรรดิโตวจัน”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เอ่ยเปลี่ยนเรื่อง,เอ่ยออกมาว่า“ซุนเหยียนที่เป็นผู้เยาว์รุ่นหลัง,นับว่าฉลาดไม่น้อย.”
หัวหน้าเต๋าเทพสังหาร,ซึ่งมีนามว่าซุนเหยี่ยน,มีฉายาว่าเทพสังหารนั่นเอง!
แน่นอน,เขาอยู่ในจักรวรรดิโตวจัน,ส่วนสถานะ,ก็คือแม่ทัพใหญ่สวีหยิง!
ดังนั้น,หลังจากนั้นพวกลู่อี้ผิงก็มุ่งตรงไปยังคฤหาสน์แม่ทัพใหญ่.
ขณะที่ลู่อี้ผิงกำลังไปยังคฤหาสน์แม่ทัพใหญ่ซุนเหยี่ยน,ทันใดนั้นก็ปรากฏกลุ่มยอดฝีมือที่ขี่อสูรพยัคฆ์ปรากฏขึ้น.
ผู้คนรอบ ๆ ที่เห็นเข้า,ต่างก็ตกใจถอยหลังเปิดทางกันทันที.
“เป็นองค์ชายที่สามนี่เอง!”
คนที่มาเป็นองค์ชายลำดับสาม,จู่หยงและผู้ใต้บังคับบัญชา.
จูหยงและผู้ใต้บังคับบัญชาที่เคลื่อนที่ผ่านกลุ่มของลู่อี้ผิงไป.
พวกเขาที่เคลื่อนที่หอบเอาลมใหญ่พัดกวาดผู้คนแหวกออกไปด้านข้างหอบใหญ่เช่นกัน.
“เห็นทิศทางที่องค์ชายที่สามมุ่งไป,คงจะไปเข้าร่วมชุมนุมกู่ฉินของแม่น้ำสวีเฟิงอย่างงั้นรึ?”
“ควรจะเป็นเช่นนั้น,ได้ยินมาว่าแม่นางสวีเฟิงนั้นได้จัดงานชุมนุมกู่ฉินขึ้นทุกปี,ครั้งนี้ได้เชิญเจ้านิกายน้อยเสี่ยวเหยาฟู่,ศิษย์วังอรหันต์ไจ๋ซิง,แม้แต่เจ้าหอน้อย,หอราชาโอสถเองก็มา!”
“แม้แต่เจ้าหอน้อย,หอราชาโอสถเองก็มาอย่างงั้นรึ? แม่นางสวีเฟิงช่างมีหน้ามีตาจริง ๆ.”
“แม่นางสวีเฟิงนั้นเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของจักรวรรดิโตวจัน,แม้แต่เป็นสตรีที่งดงามที่สุดในทวีปฟู่เฉิงแห่งนี้ด้วย,ถึงแม้นว่าจะยังไม่อาจเทียบกับธิดาศักดิ์สิทธิ์โหลวถงได้,แต่ก็อีกไม่นานคงก้าวข้ามได้.”
เหล่าผู้คนของจักรวรรดิโตวจันที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว.
“ชุมนุมกู่ฉินงั้นรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม“ข้าชอบฟังกู่ฉินที่สุด.”
เฉียงเหลียงได้ยินก็เผยยิ้มเล็กน้อย,“อาวุโสเสี่ยวจินติดตามต้าเหรินเล่นกู่ฉินมานาน,ไม่รู้ว่าท่านฝึกฝนไปถึงใหนแล้ว.”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม“ข้าฝึกฝนกู่เซียนถึงขอบเขตเซียนชั้นที่สี่แล้ว!”
เซียนกู่ฉิน,เองก็มีขอบเขตระดับเช่นกัน.
ระดับเซียนกู่ฉินที่สูงที่สุดก็คือชั้นที่สิบ.
ลู่อี้ผิงที่เผยยิ้ม,เจ้าวัวชรา,ชอบกล่าวโม้เหม็นอยู่ตลอด.
คิดว่าเซียนกู่ฉินขั้นที่สี่คือระดับ?
ขอบเขตกู่ฉิน,สิบเขตแดนเซียนกู่ฉิน,เขตแดนที่สี่,วัวกระทิงมังกรเขามังกรที่เล่นเพลงง่าย ๆ ได้เพียงแค่เพลงเดียวเท่านั้นเอง.
เฉียงเหลียงได้ยินวัวกระทิงมังกรฝึกเซียนกู่ฉินไปถึงขอบเขตที่สี่ก็เผยยิ้ม“หากมีเวลา,ข้าต้องการฟังฝีมือของอาวุโสเสี่ยวจินเล่นกู่ฉิน.”
วัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,ไอแห้ง ๆ,เอ่ยออกมาว่า“หลังจากนี้ค่อยพูดก็แล้วกัน.”
ในเวลานั้น,ที่คฤหาสน์แม่นทัพใหญ่สวีเหยียน,มีบุรุษและสตรีกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่.
ที่ห้องโถงที่ใหญ่ที่สุด,มีสวีเฟิงธิดาของสวีเหยียนนั่งอยู่.
สวีเฟิง,ผู้มีพรสวรรค์ตั้งแต่เกิด,รูปโฉมงดงาม,ไม่ได้ด้อยกว่าโหลวถงตระกูลโหลวแต่อย่างใด.
ในห้องโถง,ทีผู้เยาว์สวมชุดสีขาวซีด,แผ่กลิ่นอายของบัณฑิตกำลังนั่งอยู่ด้านหลังกู่ฉิน.
ในเวลานี้เขากำลังบรรเลงเพลงอยู่.
สายกู่ฉินที่สั่นไปมา.
เสียงดนตรีของกู่ฉินที่มองไม่เห็น,ทว่าตอนนี้กับรวมตัวกลายเป็นรูปลักษณ์ลอยออกไป.
เสียงของกู่ฉิน,ที่ล่องลอยออกไปเหมือนกับผีเสื้อที่โผบิน,เหมือนกับวิหคที่กำลังสะบัดปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า,ร่ายรำเล่นลมไปมาบนห้องโถง.
ภายในห้องโถง,ผู้คนกำลังสงบจิตรับฟังดนตรีอย่างตั้งใจ.
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เสียงของกู่ฉินที่หยุดลง.
ผู้คนหลายคนที่ราวกับว่ากำลังดื่มด่ำกับเสียงของกู่ฉินไม่รู้จบ.
ขณะนั้นสวีเฟิงได้ปรบมือขึ้นเป็นคนแรก,เผยยิ้มให้กับผู้เยาว์ที่ดูเหมือนกับบัณฑิตกล่าวออกมาว่า”เจ้าหอน้อยซีเหยียนช่างมีฝีมือกู่ฉินสูงส่ง,สวีเฟิงได้เปิดหูเปิดตาเป็นอย่างมาก,จากที่เห็น ข้าคิดว่า,เห่าตันตันนั้นยังไม่อาจเทียบได้กับเจ้าหอน้อยซีเหยี่ยนอย่างแน่นอน.
ผู้เยาว์บัณฑิตผู้นี้,ก็คือเจ้าหอน้อยหอราชาโอสถ,ซีเหยี่ยน.
ซีเหยียนที่เผยยิ้ม“น่าละอายนัก,ที่พี่เห่าตันศิษย์ของอาวุโสหกนิ้วปิศาจกู่ฉินไม่มา,ด้วยทักษะกู่ฉินของข้า,ไม่อาจเอื้อมนำไปเทียบกับพี่เห่าตันได้.”
ศิษย์วังอรหันต์ไจ๋ซิง,เซี่ยเซียวหงที่เอ่ยปากออกมาเช่นกัน “ซีเหยียน เจ้าถ่อมตัวไปแล้ว,เท่าที่ข้าเห็น,ทักษะกู่ฉินของเจ้าแม้แต่ลู่อี้ผิงก็ไม่อาจเทียบได้,ผู้คนต่างเอ่ย ว่าลู่อี้ผิงได้เข้าสู่ระดับเซียนกู่ฉินแล้ว,ข้าคิดว่าคำพูดนั้นเกินจริงไปหน่อย!”
องค์ชายสามจักรวรรดิโตวจัน,จูหยงเองก็เผยยิ้มเอ่ยออกมา“พี่เซี่ยเซียวหงกล่าวถูกแล้ว,ข้าคิดว่าสิ่งที่เรียกว่าเซียนกู่ฉินนั้น,เป็นเพียงแค่การพูดประจบลู่อี้ผิงเท่านั้น.”
“ขอบเขตกู่ฉินของพี่ซีเหยียนนั้นไร้ทีเปรียบ,แม้แต่วิถีโอสถเองก็ไร้เทียมทาน,รวมกับความแข็งแกร่งของพี่ซีเหยียนแล้ว,ข้าคิดว่าอีกไม่นานคงได้รับตำแหน่งเจ้าหอ,หอราชาโอสถเร็ว ๆ นี้.”เจ้านิกายน้อย,นิกายเซียวเหยาฟู่,เหอเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม.
เจ้าหอน้อย,หอราชาโอสถ,ซีเหยียนที่เผยยิ้ม“ท่านพ่อเองก็วางแผนไว้เช่นนั้น,จึงได้ให้ข้ามาจัดการธุรกิจของหอราชาสมุนไพรเป็นเวลาสามปีเพื่อให้คุ้นเคยก่อน.”แน่นอนความหมายก็คือเขาจะได้เป็นเจ้าหอราชาสมุนไพรในอีกสามปีนั่นเอง.
ได้ยินคำพูดดังกล่าว,ผู้คนรอบ ๆ ต่างก็ยกมือผสานเอ่ยแสดงความยินดี.
ขณะที่สวีเฟิงกำลังจะเอ่ยปาก,ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น.
ผู้คนในห้องโถงต่างก็ตกอกตกใจ.
สวีเฟิงที่ขมวดคิ้วไปมา,กล่าวสั่งสาวใช้“ออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น.”
กล่าวได้ว่าสาวใช้ของนางก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง.
ขณะสาวใช้เร่งรีบออกไปด้านนอกห้องโถง,นางก็เห็นผู้คุ้มกันคฤหาสน์ถูกเตะลอยกระเด็น,ใบหน้าของนางกลายเป็นเคร่งขรึม,นางเห็นผู้เยาว์ในชุดน้ำเงินขี่วัวกระทิงและชายหนุ่มชุดดำที่ขี่อาชาอสนีก้าวเข้ามา.