Chapter 82 One step kills a god
一步杀一神
สายตาของทุกคนที่สั่นส่ายไปมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นดาบเรือนจำภูตที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ.
ดาบเรือนจำภูต,ตามบันทึกประวัติเทพ,นี่คือสุดยอดของวิเศษ,ที่สั่นสะเทือนไปทั้งอดีตและปัจจุบัน ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังหายไปจากทวีปเหิงหยวนไปตลอดกาลแล้วอย่างงั้นรึ?
กับความร้ายกาจของดาบเรือนจำภูติ,แม้จะเห็นด้วยตา,ก็ไม่มีใครเชื่อว่ามันกำลังหายไปตลอดแล้วจริง ๆ.
ในเวลานั้น,กระบี่รัตติกาลนิรันดรของลู่อี้ผิงที่เหวี่ยงออกไปทันที.
เขาไม่ได้ชักกระบี่ออกมาจากฝัก,ทว่าเพียงแค่เหวี่ยงออกไปง่าย ๆ เท่านั้น.
ริ้วแสงสีดำที่สะบั้นเหล่าวิญญาณภูติที่ลอยละล่องอยู่รอบ ๆ ให้ขาดออก.
เหล่าวิญญาณภูตรอบ ๆ ร่างของชายชราถังจีที่ถูกตัดขาดแตกสลายไปในทันที.
หลังจากนั้น,ริ้วแสงสีดำยังพุ่งสะบั้นกฎเทพสวรรค์ของอีกฝ่ายด้วย!
กฎเทพสวรรค์ 81,643 เส้น,ถูกฟันขาดล่มสลายลงในทันที.
กฎเทพสวรรค์,พลังแห่งกฎ,ที่ก่อตัวขึ้นจากพลังสวรรค์และปฐพี,แข็งแกร่งเหนียวแน่นอย่างไม่ต้องสงสัย,ทว่าตอนนี้,มันได้พังทลายลงแล้ว.
ท้ายที่สุด,ริ้วแสงสีดำยังพุ่งตัดเกราะเทพของชายชราถังจีซ้ำอีก.
ปราณภูตผีที่มากล้น,ลมหนาวที่เย็นยะเยือบ,พังทลายลงในพริบตา.
ผู้คนที่เห็นเพียง,โลหิตที่ไหลซึมออกมาจากคอของชายชราถังจี,จากนั้นก็ลามยาวลงมาที่หน้าอกลามไปถึงท้อง!
ถังจีไม่อยากเชื่อว่าเกราะเทวะจะไม่อาจต้านการโจมตีได้เลยแม้แต่น้อย,นี่คือเกราะเทวะยุคโบราณที่มีชื่อเสียง.
ต่อหน้าลู่อี้ผิง,กับอ่อนแอราวกับหยวกกล้วยเลยอย่างงั้นรึ?
ภายใต้สายตาของผู้คนที่จับจ้อง,โลหิตที่ไหลซึมออกมาเริ่มปริแตกโลหิตพุ่งกระฉูด.
ชายชราถังจี,ที่ขาดแยกออกจากกันเป็นสองส่วนทันที!
โลหิตที่ฟุ้งกระจายทั่วท้องฟ้า.
กายเทพ,แม้แต่จิตวิญญาณเองยังขาดเป็นสองท่อนอีกด้วย.
ทุกคนที่จ้องมองศพของชายชราถังจีด้วยความงงงวย.
ผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว,แม้นว่าจะมีเทพแท้จริงร่วงหล่น,ทว่าพวกเขานั้นไม่เคยเห็นยอดฝีมือขอบเขตเทพสวรรค์ตกตายเลย.
ยอดฝีมือเทพสวรรค์,ทั้งกายเทพ,จิตวิญญาณ,นั้นแข็งแกร่งกว่าเทพแท้จริงมาก,พวกเขายากที่จะถูกสังหารได้.
ตอนนี้เทพสวรรค์ขั้นท้ายปลาย,ที่รวมกฎเทพสวรรค์ 81,643 เส้น,ได้ตายไปแล้ว!
บรรพชนหวงและคนอื่น ๆ จ้องมองศพของชายชราถังจี,ด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์.
ลู่อี้ผิงไม่ได้สนใจที่จะมองศพของชายชราถังจีด้วยซ้ำ,เขาจ้องมองบรรพชนหวง,กู่เหล่ากุย,ไป่อู๋ซ่างและคนอื่น ๆ,กล่าวอย่างไม่แยแส,“ยังมีใครต้องการลงมืออีก.”
บรรพชนหวง,กู่เหล่ากุย,ไป่อู๋ซ่างและคนอื่น ๆ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาสักคน.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,ไป่อู่ซ่างที่ปรับสภาพจิตใจ,ก่อนที่จะฝืนยิ้มเฝื่อน ๆ ออกมา“ต้าเหรินล้อเล่นแล้ว,นิกายปิศาจน้ำพุเหลืองของข้า,มาเพราะเหตุการณ์แม่น้ำเทพสวรรค์กำลังทวนกระแสเท่านั้น,ไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นศัตรูกับต้าเหรินเลย.”
กู่เหล่ากุยเองก็เอ่ยปากเช่นกัน“พวกเราไม่รู้สถานะต้าเหรินก่อนหน้านี้,หากรู้ว่าต้าเหรินเป็นใคร,ต่อให้มีความกล้าเป็นร้อยเท่าก็ไม่กล้ามาอย่างแน่นอน.”กล่าวจบ,เขาที่โค้งคำนับ“วิหารปิศาจทมิฬของพวกเรา ก่อนหน้านี้ล่วงเกินต้าเหริน,พวกเราตาฝ้าฟางไปแล้วจริง ๆ!”
“พวกเรายินดีที่จะมอบศิลาวิญญาณเกรดเทวะหนึ่งหมื่นล้านเพื่อขออภัย!”
“ขอให้ต้าเหรินอภัยให้กับข้าและทุกคนด้วย!”
ลู่อี้ผิงได้ยินคำพูดดังกล่าว,ก็เผยท่าทางไม่แยแส“มันสายเกินไปแล้ว!”
“วันนี้,พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”
ไป่อู๋ซ่าง,กู่เหล่ากุยและคนอื่น ๆ ที่ใบหน้าเปลี่ยนสี,เร่งรีบถอยห่างออกมาทันที.
ในเวลานั้น,บรรพชนหวงที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ลู่อีผิ้ง,เจ้าต้องการที่จะพังพินาศไปด้วยกันทั้งสองฝ่ายเลยอย่างงั้นรึ?”
“แม้นว่าเจ้าจะอยู่เกินขอบเขตเทพสวรรค์,ควบคุมพลังพิภพได้,ทว่าการใช้พลังพิภพแต่ละครั้งก็กินจิตเทวะและพลังวิญญาณเป็นอย่างมาก,เจ้าจะใช้มันได้สักกี่ครั้งกันเชียว!”
“นิกายภูตหยินของพวกเรา,วังปิศาจทมิฬ,นิกายปิศาจน้ำพุเหลือง,กองทัพที่มีจำนวนล้านล้านคน! ถึงจะไม่สามารถสังหารเจ้า,แต่ก็ยังสามารถสังหารคนข้างกายเจ้าทุกคนได้!”
“จะบอกความจริงเอาไว้ก็ได้,นิกายภูตหยินของพวกเรานั้นเป็นพันธมิตรกับสำนักอู๋เซิ่ง(ไร้ชีวิต) ดินแดนโหยวหมิง!”
พริบตานั้นหลายคนที่ได้ยินต่างก็อุทานออกมาเหมือนกัน“สำนักอู๋เซิ่ง!”
ดินแดนโหยวหมิง(โลกคุกอเวจี),สำนักอู๋เซิ่งอย่างงั้นรึ?!
สำนักอู๋เซิ่ง,ในดินแดนโหยวหมิงก็คือหนึ่งในนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนั่นเอง.
หากเทียบความแข็งแกร่งกัน,อาจจะเหนือกว่าสำนักกระบี่ไท่ชิงดินแดนจิวเทียนซะอีก.
นอกจากนี้,สำนักอู๋เซิ่ง,ยังขึ้นชื่อด้านความโหดร้าย,หลายคนเอ่ยว่ากล้าล่วงเกินสำนักระบี่ไท่ชิง ดีกว่าล่วงเกินสำนักอู๋เซิ่ง.
บรรพชนหวงเอ่ย,จากนั้นก็เห็นเพียงลู่อี้ผิงก้าวไปด้านหน้า,ก่อนจะเหวี่ยงกระบี่รัตติกาลนิรันดรออกมาอีกครั้ง.
บรรพชนหวงที่ประหลาดเป็นอย่างมาก,เขาที่เร่งรีบถอยห่าง,และกระตุ้นพลังกฎเทพสวรรค์,ให้ปะทุขึ้นมา,ทั่วร่างของเขาที่มีแสงสีดำสูงกว่าหมื่นจั้ง.
พลังกฎเทพสวรรค์ของเขา,ที่สำเร็จกว่า 89,724 เส้นแล้ว!
กล่าวได้ว่าเขาสำเร็จมากกว่าชายชราถังจีถึง 8000 เส้น.
พริบตานั้น ที่ด้านหน้าของเขาปรากฏโล่ใหญ่ยักษ์สีดำสนิทขึ้นมาทันที.
“โล่แสงทมิฬ!”
มีบางคนที่จดจำโล่แสงทมิฬได้เอ่ยอุทานออกมาทันที.
โล่แสงทมิฬ,นี่คือของวิเศษรูปแบบป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายภูตหยิน.
เป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะสายป้องกันไร้เทียมทาน.
โล่แสงทมิฬ,นั้นสร้างขึ้นมาจากอสูรปิศาจทมิฬยุคโบราณ,ไม่รู้ว่าดูดซับป้องกันการโจมตีมามากเท่าไหร่แล้ว.
“เตรียมมหาค่ายกลภูตหยิน!”
“สังหารมัน!”บรรพชนหวงสั่งการทันที.
กู่เหล่ากุยวังปิศาจทมิฬ,ไปอู๋ซ่างนิกายปิศาจน้ำพุเหลือง,เห็นลู่อี้ผิงไม่เป็นมิตรต่างก็กัดฟันสั่งการทันทีเช่นกัน“เตรียมมหาค่ายกลปิศาจทมิฬ.”
“เตรียมมหาค่ายกลน้ำพุเหลือง!”
“ฆ่า!”
พริบตานั้น,ปราณภูต,ลมปราณปิศาจ,ปราณศพที่พุ่งทะยานท้องฟ้า.
ในเวลานี้,ลู่อี้ผิงที่ถือกระบี่รัตติกาลนิรันดรทะลวงผ่านโล่แสงทมิฬ,ไม่แม้แต่ขวางกันเขาได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว,ทะลวงผ่านชั้นแสงของบรรพชนหวง,ทำลายพลังกฎเทพสวรรค์ของอีกฝ่าย,และกุดศีรษะฝ่ายตรงข้ามไปด้วย!
เพียงแค่ฝักดาบรัตติกาลนิรันดรก็สามารถกุดศีรษะของอีกฝ่ายได้แล้ว.
ผู้คนรอบ ๆ ที่จ้องมองศพของบรรพชนหวงดวงตาแทบหลุดจากเบ้า.
ลู่อี้ผิงที่ไร้ซึ่งอารมณ์,ถือกระบี่รัตติกาลนิรันดร,ก้าวผ่านศพของบรรพชนหวง.
จากนั้น,ลู่อี้ผิงก้าวตรงไปด้านหน้า,เหวี่ยงกระบี่ไปยังทิศทางของกู่เหล่ากุยวังปิศาจทมิฬ,สะบั้นศีรษะของอีกฝ่ายล่วงหล่นลงพื้นเช่นกัน.
จากนั้นก็ก้าวต่ออีกอีก,สับฟันแยกร่างไป๋อู๋ซ่างนิกายปิศาจน้ำพุเหลือง.
หนึ่งก้าวสังหารเทพหนึ่งตน!
นอกจากนี้,ยังเป็นเทพสวรรค์ขั้นสุดท้ายปลายทั้งสามคนอีกด้วย.
ในเวลานั้น,เทพปิศาจโบราณเฉียงเหลียงที่ถือดาบเทพปิศาจบินออกไป,เริ่มตะวัดปล่อยแสงปราณโลหิต,พุ่งเข้าใส่กองทัพของศิษย์นิกายภูตหยิน,วังปิศาจทมิฬ,และนิกายปิศาจน้ำพุเหลือง.
วัวกระทิงมังกรเขาท้องคำ,ที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือกองทัพนิกายภูตหยิน,ขาหน้าใหญ่ ๆ ของมันที่ย่ำออกไป,กำเนิดก่อรูปเป็นเสาสวรรค์ที่ใหญ่ยักษ์พุ่งลงมาจากท้องฟ้า.
เหนือกองทัพนิกายภูตหยินรู้สึกเหมือนกับถูกฝนเสาแสงยักษ์จากท้องฟ้ากำลังทุบพวกเขาให้แบนบี้.
เสียงผืนปฐพีที่ดังสนั่นหวั่นไหว.
ฝนโลหิตที่ฟุ้งกระจายสาดกระเซ็นไปทั่ว.
จางจิน,เจ้าเหวินทั้งสองที่บุกทะลวงกองทัพของนิกายปิศาจน้ำพุเหลืองและวิหารปิศาจทมิฬเช่นกัน.
โจวเฉิงที่เห็นเช่นนั้นก็น้ำหัตถ์พุทธะออกมา,ก่อนที่จะเข้าโจมตีกองทัพปิศาจน้ำพุเหลืองเช่นกัน.
เทพยุทธ์จิ่วเจว่นำยอดฝีมือหอเทพยุทธ์เข้าต่อสู้กับสำนักไท่อี้.
สงครามที่ใหญ่โตได้ปรากฏขึ้นแล้ว.
พื้นที่รอบ ๆ เทือกเขาเทพสวรรค์ไม่รู้ว่ากินพื้นที่มากมายเท่าไหร่,ทว่าฝนโลหิตที่ได้ฟุ้งกระเซ็นกระจายย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีแดงเรียบร้อยแล้ว.
ผืนปฐพีนับหมื่นลี้,ป่าเขาลำเนาไพรล้วนแต่ถูกย้อมสีแดงโดยสมบูรณ์.
เหล่าสำนักนิกาย,ยอดฝีมือจากตระกูลอื่น ๆ ที่ยืนมองแต่ไกล,จ้องมองห่าฝนโลหิตที่สาดกระเซ็น,กำลังนิ่งอึ้งงงงวย.
“สงครามเทพยุคโบราณได้ปรากฏขึ้นอีกแล้วรึ?”ประมุขตระกูลอวิ๋น,อวิ๋นเหว่ยที่ครุ่นคิดก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่าง,ฝ่ามือที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อ.
“หลังจากสงครามนี้จบลง,เกรงว่านิกายภูตหยิน,นิกายปิศาจน้ำพุเหลืองและวังปิศาจทมิฬคงจบสิ้นแล้ว!”เฉิงชิงหยาง,ยอดฝีมือค่ายกลลำดับหนึ่งของทวีปเทพยุทธ์,ที่จ้องมองเอ่ยพึมพำออกมา.
ผ่านมาหนานหลายหมื่นปีแล้ว,ในทวีปเหิงหยวนไม่เคยมีสงครามใหญ่เช่นนี้มาก่อน.
แม้นว่าจะมีการต่อสู้กันระหว่างทวีปต่าง ๆ บ้าง,ทว่าการต่อสู้ก็อยู่ในขอบเขตของมหาจักรพรรดิ,เทียบกับกองทัพล้านล้านเวลานี้,การต่อสู้ที่ผ่านมากลายเป็นการต่อสู้ที่เล็กกระจิดริดไปเลย.
ลู่อี้ผิงที่ถือกระบี่รัตติกาลนิรันดรโดยที่ไม่ได้ชักมันออกจากฝัก,ทว่าทั่วร่างของเขานั้นกับอาบล้นไปด้วยปราณกระบี่,ลมปราณกระบี่รอบ ๆ ที่เป็นเหมือนกับค่ายกลกระบี่ที่น่าหวาดกลัว,ทุกหนแห่งที่เขาผ่านไป,ยอดฝีมือนิกายภูตหยิน,นิกายปิศาจน้ำพุเหลืองและวังปิศาจทมิฬต้องตากตายภายใต้แสงกระบี่รอบ ๆ ร่างกายของเขา.
เพียงไม่นานลู่อี้ผิงก็มาอยู่ด้านหน้าเจียงยวี,สำนักไท่อี้.