Chapter 7 Are you that Chen Hong?
你就是那陈洪?
ใครบางคนที่ต้องการแย่งชิงกระบี่ในมือลู่อี้ผิง,เวลานั้นได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าพรั่นพรึงออกมา,เหล่ายอดฝีมือที่อยู่รอบ ๆ ไม่มีใครประหลาดใจอะไร.
“ดินแดนปล้นเต๋า!”
ผู้ฝึกตนคนหนึ่งที่อุทานออกมา.
แน่นอนคนที่ไร้มารยาทผู้นี้ก็คืออาวุโสตระกูลเซียวที่อยู่ในดินแดนปล้นเต๋า.
เหนือเขตแดนโอสถทองคำ,คือเขตแดนเรือนม่วง,เหนือเขตแดนเรือนม่วง,ก็คือเขตแดนปล้นเต๋า!
ยอดฝีมือปล้นเต๋า,ที่สะกดทุกคนรอบ ๆ เอาไว้อยู่หมัด.
เขตแดนปล้นเต๋า,เป็นเขตแดนช่วงชิงเจตจำนงสวรรค์,อายุไขที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก,กล่าวได้ว่าเมื่อตัดผ่านไปถึงระดับดินแดนปล้นเต๋า,จะมีอายุขัยหลายพันปี.
ยอดฝีมือปล้นเต๋า,จึงดูไม่แก่,แม้นว่าจะอยู่มาหลายร้อยปีแม้แต่หลายพันปีก็ตาม.
ลู่เผิงเห็นเข้าต้องการเข้าไปขวาง,ทว่าในเวลานั้น,กระบี่เพลิงชาติกับเปล่งแสงสีแดงชาติเปลวเพลิงที่ดุร้ายทรงพลังออกมา,ทุกคนที่ชงักนิ่ง,ได้ยินเพียงเสียงคำรามที่น่าอัศจรรย์ใจ.
ในเวลานั้นราชสีห์เพลิงที่ตัวใหญ่ยักษ์ได้ออกมาจากกระบี่เพลิงชาติ,กงเล็บของมันที่ตะหวัดไปยังหน้าอกของยอดฝีมือดินแดนปล้นเต๋าทันที.
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก,อีกฝ่ายไม่อาจตอบสนองได้ทัน.
เมื่อทุกคนตั้งสติได้,ก็เห็นอาวุโสตระกูลเซียวลอยกระเด็นไปบนอากาศแล้ว.
ตูมมมมม
บนพื้น,ฝุ่นควันที่ลอยคละคลุ้ง.
“เจตภูต! จิตวิญญาณกระบี่เพลิงชาติ,นี่คือราชสีห์เพลิงชาติตัวตนจากยุคบรรพกาล!”บรรพชนชราตระกูลหนึ่งที่เงยหน้าจ้องมองราชสีห์เพลิง,พร้อมกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ.
ได้ยินบรรพชนชราคนดังกล่าวอุทานออกมา,ทุกคนนึกถึงเรื่องเกี่ยวกับตำนานกระบี่เพลิงชาติได้ในทันที.
ตำนานเอ่ยไว้,กระบี่เพลิงชาตินั้นได้ผนึกจิตวิญญาณกระบี่ซึ่งเป็นสัตว์ร้ายแต่บรรพกาล,ราชสีห์เพลิงชาติเอาไว้.
ทว่า,จิตวิญญาณดังกล่าวนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะโจมตีอัตโนมัติ,เป็นไปได้ว่าลู่อี้ผิงอัญเชิญราชสีห์เพลิงชาติออกมาอย่างงั้นรึ? ทว่า,เขาจะอัญเชิญจิตวิญญาณดังกล่าวได้อย่างไร?
เซียวฉางเฟิงที่เห็นอาวุโซเซียวลอยกระเด็นออกมาก็อุทานด้วยความตกใจ,“ลุงหยวน!”
ขณะคนตระกูลเซียวเร่งรีบเข้าไปหาอาวุโสเซียวแล้ว,เปลวเพลิงสีชาติได้เผาไหม้พลังชีวิตและร่างของอาวุโสเซียวอย่างบ้าคลั่ง.
ร่างและกลิ่นอายของอาวุโสเซียวที่ค่อย ๆ สลายหายไปอย่างสมบูรณ์.
เซียวฉางเฟิงที่จ้องมองลู่อี้ผิงด้วยจิตสังหารที่มากล้น.“เจ้า,สังหารอาวุโสตระกูลเซียว!”
เหล่าผู้คนรอบ ๆ ต่างก็จับจ้องมองไปยังลู่อี้ผิงโดยสมบูรณ์.
ตระกูลเซียวหนึ่งในตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดของราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้.
บรรพชนชราเซียวตงตระกูลเซียว,บรรพชนชราอู๋จี้ราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้,บรรพชนชราหยางตงนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยน,และเจ้าสำนักไป่โหลว,สำนักโหยวตู๋ คือสี่สุดยอดฝีมือในราชวงศ์จักรพรรดิอู๋จี้.
อาวุโสเซียวขอบเขตปล้นเต๋าถูกสังหาร,เกรงว่านี่จะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน.
ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแส,“ฆ่าแล้วอย่างไร?”
ฆ่าแล้วอย่างไรงั้นรึ?
เสียงไม่ดัง,ทว่าทุกคนต่างก็ได้ยินชัดเจน.
เหล่ายอดฝีมือรอบ ๆ ต่างก็ตกใจ,ใบหน้ากลายเป็นซับซ้อนแปลกประหลาด.
“เจ้าต้องตาย!”เซียวฉางเฟิงที่ใบหน้ากลายเป็นเย็นชา,เตรียมลงมือ,ทว่าเวลานั้นจากพื้นที่ไกลออกไปปรากฏกลุ่มยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งบินมา,เป็นเหล่าอาวุโสของนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนได้มาถึงแล้วนั่นเอง.
เหล่าอาวุโสนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนที่มาถึง ที่ด้านหลังมีกงจู่ไท่เหยี่ยน,เจิ้งเยว่และอีกหลายคนก็ตามมาถึงเช่นกัน.
กงจู่ไท่เหยี่ยน,เจิ้งเยว่และคนอื่น ๆ ที่มองเห็นลู่อี้ผิงที่ถือกระบี่เพลิงชาติมาแต่ไกล.
“คาดไม่ถึง,นี่เป็นเขาอย่างงั้นรึ?!”ดวงตาคู่งามของกงจู่ไท่เหยี่ยนเบิกกว้างกลมโต,ใบหน้าเผยความไม่อยากเชื่อออกมา.
สุดยอดพรสวรรค์วิถีกระบี่ที่ดึงกระบี่เพลิงชาติออกมา,คือบุรุษชุดน้ำเงินนะรึ?!
ไท่หงเทาตื่นตะลึงตกใจราวกับถูกสาดน้ำ ซ้ำไปซ้ำมา,เป็นความประหลาดใจที่ใหญ่โตอย่างที่สุด,เขาได้ใช้เนตรฟ้าครามจ้องมองชายหนุ่มแล้ว,พบว่าอีกฝ่ายไม่มีเจิ้นหยวน,ไร้ซึ่งกำลังภายใน,เห็นชัด ๆ ว่าเป็นปุถุชนทั่วไปเท่านั้น.
ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นกับสามารถดึงกระบี่เพลิงชาติออกมาได้!
เจิ้งเยว่ที่เห็นกระบี่เพลิงชาติในมือลู่อี้ผิง,ใบหน้ากลายเป็นซับซ้อนกระตุกไปมาเล็กน้อย.
ทว่าเหล่าอาวุโสและศิษย์นิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนที่เห็นลู่อี้ผิงถือกระบี่เพลิงชาติ,ก็เผยท่าทางประหลาดใจ,จ้องมองหน้ากันและกันด้วยความงงงวย.
“เจ้าคือคนดึงกระบี่เพลิงชาติออกมาได้อย่างงั้นรึ?”อาวุโสคนหนึ่งของนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนจ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความสงสัย.
ลู่อี้ผิงไม่สนใจอาวุโสนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนคนนั้นแต่อย่างใด,ในเวลานั้น,จิตวิญญาณเพลิงชาติที่มาอยู่ด้านหน้าลู่อี้ผิงแล้ว มันหมอบเข้ามาหา,ดวงตาที่เผยความหวาดกลัวโดยสมบูรณ์,พร้อมกับก้มหน้าแสดงความเคารพเป็นอย่างมาก.
ทุกคนที่ตะลึงตกใจเป็นอย่างมาก.
หมายความว่าอย่างไร?
ถึงแม้นว่าชายหนุ่มคนนี้จะดึงกระบี่เพลิงชาติออกมา,จิตวิญญาณราชสีห์เพลิงชาติก็ไม่ควรจะแสดงความเคารพขนาดนี้?
ลู่อี้ผิงที่จ้องมองราชสีห์เพลิงที่หมอบด้วยความเคารพอยู่ด้านหน้าของเขา,ก็เผยยิ้มอย่างสุขุม,“เจ้าตัวน้อย,หลายปีที่เจ้าหายไป,ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย.”
เขายกมือขึ้นตบหัวของราชสีห์เพลิงชาติเบา ๆ.
จากนั้นเขาก็เก็บมันกลับเข้ามาในกระบี่เพลิงชาติ.
อาวุโสนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนที่สงสัยลู่อี้ผิงก่อนหน้า เวลานี้ยืนเซ่อไปเลย.
เกี่ยวกับจิตวิญญาณราชสีห์เพลิงชาติในกระบี่เพลิงชาตินั้น,พวกเขาย่อมได้ยินตำนานเกี่ยวกับมันมาไม่น้อย,มันคือสูรเพลิงชาติที่มีนิสัยดุร้ายเป็นอย่างมาก,ตอนนี้กลับดูสงบเสงี่ยมเชื่องต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้ได้อย่างไร?
นอกจากนี้ชายหนุ่มคนดังกล่าวยังตบไปที่หัวของมันอีกด้วย.
ฟังจากคำพูดของชายหนุ่ม,ราวกับว่ารู้จักกับราชสีห์เพลิงชาติมาก่อนอย่างงั้นรึ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร,ราชสีห์เพลิงชาติที่ถูกผนึกเอาไว้ที่นี่ อย่างน้อยก็ผ่านมานานหลายหมื่นปี ไม่เคยปรากฏออกมาเลย แล้วชายหนุ่มคนนี้จะรู้จักได้อย่างไรกัน.
ในเวลาเดียวกันขณะผู้คนกำลังตะลึงอยู่นั้น จากขอบฟ้าไกล,ปรากฏกลิ่นอายที่น่าเกรงขามแผ่ออกมา,หลาย ๆ คนที่หันหน้ากลับไปมอง,แม้แต่เผยความหวั่นเกรงออกมา.
“นั่น,เฉินหง,อาวุโสเฉินหง!”
เหล่าบรรพชนชราของตระกูลอื่น ๆ,แม้แต่ยอดฝีมือรอบ ๆ ยังต้องอ้าปากค้างไม่เว้นแม้แต่กงจู่ไท่เหยี่ยนและพรรคพวก.
คนที่มาคือเฉินหง!
เฉินหงเสิ่นโห่ว,คือบรรพชนชราของนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยน,นอกจากนี้เจ้านิกายซ่งหนิงเองก็มาด้วย.
“คารวะผู้ทรงเกียรติอาวุโสเฉินหง!”
“เจ้านิกายซ่งหนิง!”
เฉินหง,ซ่งหนิงและคนอื่น ๆ ที่ยังมาไม่ถึง,กงจู่ไท่เหยี่ยน,เซียวฉางเฟิง,เจิ้งเยว่ต่างก็เอ่ยกล่าวแสดงความเคารพมาแต่ไกล.
เหล่าผู้เยาว์จากตระกูลเล็ก ๆ,หลายคนที่ต้องคุกเข่าลงแสดงความเคารพ.
เฉิงหงสำหรับศิษย์ทั่วไปแล้ว,คือผู้มีอาวุโสสูงที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็น,นอกจากนี้ยังเป็นน้องชายบรรพชนเจ้านิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนด้วย.
“ลุกขึ้น.”เฉินหงที่เอ่ยต่อคนที่คุกเข่า,ก่อนจะจ้องมองไปยังลู่อี้ผิง.
เหมือนกับอาวุโสคนอื่น ๆ,เมื่อเห็นลู่อี้ผิงถือกระบี่เพลิงชาติ,เขาก็ตะลึงไปเหมือนกัน.
ก่อนที่จะหันหน้าไปมองเหล่าอาวุโสนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนที่อยู่รอบ ๆ.
อาวุโสนิกายเหล่ยฉิวเจี้ยนคนหนึ่ง ก้าวออกมา,เอ่ยอย่างระมัดระวัง,“เหล่าจู่จง(บรรชนชรา),กระบี่เพลิงชาติเป็นคุณชายผู้นั้นดึงออกมา.”
เฉินหงที่ตรวจสอบ,ภายในใจที่เผยความผิดหวังอยู่ไม่น้อย.
เขาได้ตรวจสอบอีกฝ่ายแล้ว,พบว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นเพียงปุถุชนคนทั่วไป.
ก่อนหน้านี้เขาคิดเอาไว้,ผู้ที่ดึงกระบี่เพลิงชาติได้ ต้องมีพรสวรรค์กระบี่ที่เลิศล้ำ,เขาต้องการรับมาเป็นศิษย์ส่วนตัวเป็นอย่างมาก.
อย่างไรก็ตาม,เวลานี้เขาได้สลัดความคิดดังกล่าวทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง.
“เจ้าหนู,ในเมื่อเจ้าดึงกระบี่สีชาติออกมาได้,เช่นนั้นไปพบกับอาจารย์กับข้าเถอะ.”เฉินหงที่ดูลังเลเล็กน้อยขณะเอ่ยกับลู่อี้ผิง.
ได้ยินเฉิงหงเอ่ยว่าเจ้าหนู,ลู่อี้ผิงเอ่ยอย่างไม่แยแส,“เจ้าคือเฉินหงอย่างงั้นรึ?”
เหล่ายอดฝีมือรอบ ๆ ได้ยินลู่อี้ผิงเรียกอีกฝ่าย เฉินหงตรง ๆ,ใบหน้าถึงกับเปลี่ยนสีไปตาม ๆ กัน.