Chapter 66 Kṣitigarbha Thousand Buddha Hands
地藏千佛手
“เคล็ดวิชากษิตครรภ!”
โจวเฉิงได้ยินก็เผยความประหลาดใจ.
สี่เคล็ดวิชาพุทธะ,คือสุดยอดสมบัติไร้คู่เปรียบของพิภพเหิงหยวน,ไม่ว่ามันจะปรากฏขึ้นที่ใด,ล้วนแต่สั่นสะเทือนไปทั่วพิภพอย่างไม่ต้องสงสัย.
ลู่อี้ผิงที่เผยความประหลาดใจออกมาเช่นกัน.
ตอนนี้เขามีเคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลงในมือ,จู่ ๆ เคล็ดวิชากษิติครรภก็ปรากฏขึ้นอีกอย่างงั้นรึ?
“เคล็ดวิชากษิติครรภอรหันต์พันกร,เป็นวิชาที่ไร้เทียมทานเป็นอย่างมาก,ได้ยินมาว่าเคล็ดวิชาดังกล่าวสามารถสังหารปิศาจนับหมื่นตน,ยกระดับพลังได้นับพันเท่า,เป็นฝันร้ายสำหรับศัตรู!”
“มีมากกว่านั้น,กษิติครรภอรหันต์พันกร,สามารถคว้าดวงดารา,แม้แต่คว้าค้นแม่น้ำเหลืองในนรกได้ด้วย!”
“ตอนนี้ทั่วทั้งทุ่งราบเทพปิศาจต่างก็หาเด็กผู้นั้น,ได้ยินมาว่าอีกฝ่ายสวมชุดสีน้ำเงิน,อายุ 20 กว่าปี,ดูหล่อเหลาไม่ธรรมดา.”
ผู้คนผ่านไปมาต่างก็พูดคุยเรื่องเดียวกัน.
ลู่อี้ผิงที่ตกใจเล็กน้อย,ฝ่ายตรงข้ามสวมชุดน้ำเงินอย่างงั้นรึ?
โจวเฉิงที่หันหน้ามามองลู่อี้ผิง,เผยยิ้ม“ไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าหรอกนะ?”
เดิมที,โจวเฉิงเพียงแค่ล้อเล่น,ทว่าเหล่ายอดฝีมือรอบ ๆ กับจับจ้องมองมายังลู่อี้ผิงพร้อม ๆ กัน.
ศิษย์สำนักเพลิงแผดเผาที่ก้าวเดินมาจ้องมองไปยังลู่อี้ผิงจากบนลงร่าง,เอ่ยด้วยความสงสัย“เจ้าคือเจ้าหนุ่มชุดน้ำเงินอย่างงั้นรึ?”
ศิษย์สำนักเพลิงแผดเผาเผยยิ้ม“ค้นร่างเจ้านี่ซะ,แล้วดูว่ามันมีเคล็ดวิชากษิติครรภก็รู้เอง.”
ศิษย์สำนักเพลิงแผดเผาที่ไร้ซึ่งความเกรงใจ,พุ่งเข้าหาลู่อี้ผิงเพื่อค้นตัวทันที.
อย่างไรก็ตาม,ขณะศิษย์สำนักเพลิงแผดเผาเข้ามาใกล้ลู่อี้ผิง,ทันใดนั้น,บนร่างกายของจุนซ่างเซียวปรากฏมังกรเพลิงที่ยาวกว่าหนึ่งพันจั้งพุ่งออกมาทันที.
มังกรเพลิงที่คำรามดังกึกก้องพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า.
เหล่าศิษย์สำนักเพลิงแผดเผาที่พุ่งเข้ามากลายเป็นเถ้าถ่านสลายหายไปทันที.
ทุกอย่างที่เปลี่ยนไปทันที,เหล่าผู้คนมากมายที่ผ่านไปมา,ต่างก็ตื่นตะลึงอ้าปากค้างจ้องมองมังกรเพลิงที่มรร่างกายใหญ่ยักษ์.
“มังกรเพลิง?!”
ในกลุ่มผู้คน,อาวุโสสูงสำนักเสี่ยเจี้ยนอ้าปากอุทานออกมาทันที“นี่มันจิตวิญญาณ!”จากนั้นเขาก็เอ่ยอุทานออกมาว่า“พลังพุทธะอำนาจฮั่วหลง(มังกรเพลิง)!”
“เป็นไปได้ว่านี่คือจิตวิญญาณเปลวเพลิงจากเคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลง!”
คำพูดดดังกล่าวที่สั่นสะเทือนไปทั่วเมืองทันที.
แม้แต่โจวเฉิงที่ชงักไปนานเหมือนกัน.
เคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลง?
เฮ้ย!
ลู่อี้ผิงไม่ได้มีเพียงตำราหมัดคุกเทวะปรากฏการณ์สวรรค์และหมัดเทวะแห่งการเวลา แม้แต่เคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลง,หนึ่งในสี่สุดยอดเคล็ดอรหันต์ก็มีอย่างงั้นรึ?
ลู่อี้ผิงที่กวาดตามองผู้คนรอบ ๆ ที่ส่งเสียงอื้ออึง,เอ่ยอย่างไม่แยแส“ใช่แล้ว,นี่คือเคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลง.”กล่าวจบ,มังกรเพลิงได้ร่อนลงมายังด้านข้างลู่อี้ผิง,หมุนวนไปมาสองรอบ.
ในเวลานั้นเมื่อลู่อี้ผิงเอ่ยจบ,ปรากฏริ้วแสงปราณดาบที่สูงกว่าพันจั้งพุ่งตัดอากาศตรงมายังร่างของลู่อี้ผิง.
ลู่อี้ผิงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวด้วยซ้ำ,มังกรเพลิงได้ตะวัดกงเล็บกระแทกปราณดาบให้พังทายลงทันที,ทุกคนที่ชะงักตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน.
เสียงคำรามของมังกรเพลิงที่ดังกึกก้อง,หูดับ,พื้นดินที่สั่นไปมาอย่างรุนรแง.
กงเล็บมังกรเพลิงที่ฟาดลงไปบนพื้นอีกครั้ง,บนพื้นกลายเป็นหลุม,ที่ใต้หลุมเห็นเพียงแค่กองถ่านสีดำกองหนึ่ง.
“นั่นอาวุโสสูงอู๋หยูหุบเขาปิศาจล่วงลับ!”
ยอดฝีมือผู้หนึ่งที่อุทานออกมา.
อาวุโสสูงอู๋หยูหุบเขาปิศาจลวงลับ,เป็นยอดฝีมือขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสิบ,ใกล้จะกลายเป็นเทพวิญญาณแล้ว,แต่กับต้องมากลายเป็นกองถ่านเช่นนี้นะรึ?
มังกรเพลิงที่เวลาต่อมาพุ่งเป็นริ้วแสง,กลายเป็นตำราสีทองร่อนลงที่ฝ่ามือลู่อี้ผิง.
แววตาของทุกคน,ที่เห็นต้องเบิกกว้างร้อนรุ่มด้วยความต้องการ.
อย่างไร พวกเขากับทำได้แค่มองไปยังเคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลงเท่านั้น.
“ยังมีใครต้องการอีก?”ลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส.
ทว่าผู้คนรอบ ๆ กลายเป็นเงียบงัน.
ลู่อี้ผิงที่เก็บเคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลง,ก่อนที่จะขี่กระทิงมังกรเขาทองคำ,นำพวกจางจินจากไป.
ขณะที่ลู่อี้ผิงจากมา,ทันใดนั้นยอดฝีมือของสำนักภูตหยินก็ปรากฏ,ฝ่ายตรงข้ามที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า,จ้องมองลู่อี้ผิงด้วยความเย็นชา“เจ้าหนู,เคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลงเป็นเคล็ดวิชาล้ำค่าที่สุดของสำนักพุทธ,ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะครอบครองได้.”
อย่างไรก็ตามขณะเขาเอ่ยจบ,ทันใดนั้นปราณกระบี่ก็พวยพุ่งออกไปสับร่างของเขากลายเป็นสองซีกทันที.
เป็นจางจินที่ลงมือนั่นเอง.
ผู้คนรอบ ๆ ที่สะดุ้งตกใจจ้องมองไปยังจางจิน.
ในเวลานี้,ไม่มีใครเข้าไปหยุดพวกเขาอีก.
ทุกคนที่จ้องมองลู่อี้ผิงและพรรคพวกจากไปอย่างช่วยไม่ได้.
เมื่อลู่อี้ผิงจากไป,ในพื้นที่ดังกล่าวที่เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นไม่หยุด.
“เคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลงคาดไม่ถึงเลยว่าจะปรากฏขึ้น!”
“ได้ยินมาว่าสี่เคล็ดวิชาพุทธะเมื่อรวมกันจะทำให้ได้รับกายาอรหันต์ไร้เทียมทาน!”
“ในอดีตตระกูลถานกวาดล้างวิหารพุทธฮั่วหลง,ค้นหาเคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลงมานานหลายปี,ที่จริงกับอยู่กับชายชุดน้ำเงินผู้นี้นี่เอง!”
“เขาสวมชุดน้ำเงิน,เป็นพวกเดียวกับเจ้าคนชุดน้ำเงินก่อนนี้หรือไม่?”
เพียงไม่นาน,ข่าวเกี่ยวกับเคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลงได้กระจายไปทั่วพื้นที่ราบเทพปิศาจทันที.
ทุกกลุ่มอิทธิพลต่างก็รับรู้ทั่วกัน.
ทว่าหลังจากลู่อี้ผิงจากไป,โจวเฉิงก็เอ่ยปากออกมาทันที“นี่เจ้าตั้งใจอย่างงั้นรึ?”
ลู่อี้ผิงที่เผยเคล็ดวิชาพุทธะฮั่วลง,เห็นชัดเจนว่าเป็นการจงใจ.
เพื่อล่อนิกายภูตหยิน,นิกายปิศาจน้ำพุเหลืองและยอดฝีมือจากวิหารปิศาจทมิฬเข้ามาอย่างงั้นรึ?
ลู่อี้ผิงยังคงสุขุมใบหน้าไม่แยแส,เป็นความจริงว่าเขาตั้งใจ.
นับตั้งแต่เข้ามาในพื้นที่ราบเทพปิศาจ,เป็นการดีที่จะจัดการนิกายภูตหยิน,นิกายปิศาจน้ำพุเหลืองและวิหารปิศาจทมิฬให้สิ้นซากไปเลย.
อย่างไรก็ตาม,การจะค้นหาพวกเขาในพื้นที่ราบที่กว้างใหญ่เช่นนี้ยากลำบากมาก,เป็นการดีหากสามารถล่อนิกายภูตหยิน,นิกายปิศาจน้ำพุงเหลืองและวังปิศาจทมิฬเข้ามารวมกันได้.
ในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง,เหมือนกับลู่อี้ผิง,ชายหนุ่มชุดน้ำเงินได้ยินข่าวที่กระจายไปทั่ว,ก็ตะลึงไปเลย“เคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลงอย่างงั้นรึ?”
บังเอิญไปหรือไม่?
ครั้งนี้เขามายังทวีปเทพยุทธ์,ต้องการไปยังวิหารพุทธฮั่วหลง,เพื่อค้นหาเคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลง.
“ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องไปยังวิหารพุทธฮั่วหลงแล้ว”ชายหนุ่มแค่นเสียงเย็นชา,จากนั้นร่างกายก็หายไปอย่างรวดเร็ว.
ในคืนนั้น.
ความมืดมิดที่นุ่มนวลเงียบสงบ.
อย่างไรก็ตาม,ในที่ราบเทพปิศาจ,กับเต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต.
ในพื้นที่โล่งแห่งหนึ่ง,ลู่อี้ผิงและพรรคพวกที่นั่งล้อมกองไฟ.
ในเวลานั้น,มีคนสองสามคนที่ก้าวเข้ามา.
โจวเฉิงที่จ้องมอง เผยความประหลาดใจ,กลุ่มคนที่มาก็คือตระกูลโหลว!
เขาจ้องมองลู่อี้ผิงคราหนึ่ง,ไม่คิดว่าเคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลงที่ควรจะล่อนิกายภูตหยิน,นิกายปิศาจน้ำพุเหลืองและวังปิศาจทมิฬเข้ามาก่อนใคร,แต่กับกลายเป็นคนของตระกูลโหลวที่มาก่อนคนอื่น.
หลังจากที่คนตระกูลโหลวมาถึงก็จ้องมองลู่อี้ผิง,ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำมายกมือผสานเอ่ยออกมาว่า“ผู้น้อยโหลวเจิ้น,ประมุขน้อยตระกูลโหลว,เคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลงอยู่กับคุณชายอย่างงั้นรึ?”
โจวเฉิงที่จ้องมองชายหนุ่มจากบนลงล่าง,เอ่ยออกมาว่า“เจ้าเป็นพี่ชายของเด็กน้อยโหลวถงอย่างงั้นรึ?”
โหลวเจิ้นตกใจ,เอ่ยด้วยรอยยิ้ม“อาวุโสรู้จักน้องสาวข้าด้วยรึ? ไม่รู้ว่าควรเรียกอาวุโสว่าอะไร?”
โจวเฉิงส่ายหน้าไปมา,เอ่ยออกไปว่า“เห็นแก่เด็กน้อยโหลวถง,ฟังข้าซะ,เจ้ากลับไปเถอะ.”
โหลวเจิ้นเผยยิ้ม,เห็นชัดเจนว่าเขาไม่สนใจคำเตือนของโจวเฉิง,เขาจ้องมองลู่อี้ผิง“คุณชาย,ไม่รู้ว่าเป็นศิษย์นิกายใดอย่างงั้นรึ?”
ลู่อี้ผิงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา,ยังคงฟังคำพูดของฝ่ายตรงข้ามอย่างใจเย็น.
“เจ้าสังหารศิษย์สำนักเพลิงแผดเผา,คนของหุบเขาปิศาจล่วงลับ,ยอดฝีมือนิกายภูตหยิน,เวลานี้เจ้าได้ล่วงเกินพวกเขาทั้งสามแล้ว.”โหลวเจิ้นที่เผยยิ้มออกมา“หากคุณชายต้องการออกจากที่ราบเทพปิศาจ,เกรงว่าคงยากลำบากมาก.”
ลู่อี้ผิงที่ได้ยินก็เผยยิ้ม“แล้วอย่างไร?”
เขาที่ราวกับจะคาดเดาว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร.
เป็นความจริงประมุขน้อยตระกูลโหลวที่เผยยิ้ม“ข้าสามารถพาคุณชายออกจากที่ราบเทพปิศาจได้อย่างปลอดภัย,นอกจากนี้คุณชายสามารถที่จะไปพักที่ดินแดนฟู่ของข้า,อย่างหายห่วงไม่ต้องกังวลอะไรได้.”
ลู่อี้ผิงเผยยิ้มเล็กน้อย“เงื่อนไขคือเคล็ดวิชาพุทธะฮั่วหลงอย่างงั้นรึ?”