Chapter 63 Eternal Night Pupil
永夜之瞳
หว่านอู๋ตี้ได้ยิน,ก็เร่งรีบเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม“อาวุโสโจวเฉิงล้อเล่นแล้ว,ข้าเพียงแค่ไม่คิดว่าอาวุโสโจวเฉิงจะมาพร้อมกับต้าเหริน,เลยตกใจ,ไม่ได้คิดล่วงเกินอาวุโสโจวเฉิงแต่อย่างใด.”
จากนั้นเขาก็เอ่ยออกมาว่า“พวกเรานั้นได้เตรียมสุราซั่งไห่ไว้ให้อาวุโสโจวเฉิงแล้ว.”
โจวเฉิงได้ยินดังนั้นก็เผยยิ้มพอใจ“เจ้าและพวก เฉิงชิงหยาง,กับโหลวหนิง,ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้ามากที่สุด.”
ขณะที่หว่านอู๋ตี้และโจวเฉิงกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส,ลู่อี้ผิงได้ก้าวมายืนอยู่ด้านหน้าคฤหาสน์จ้าวแห่งทวยเทพ,จากนั้นก็เปิดมันและก้าวเข้าไปด้านใน.
หว่านอู๋ตี้ที่ดวงตาเบิกกว้าง.
ที่พักของจ้าวแห่งทวยเทพ,มีมหาค่ายกลที่น่าพรั่นพรึงปกคลุมอยู่,เขาที่พยายามมามากมายหลากหลายวิธีแต่กับไม่อาจเข้าไปได้ถึงสิบเมตรด้วยซ้ำ,ทว่าลู่อี้ผิงกับก้าวเข้าไปง่าย ๆ อย่างคาดไม่ถึง?
แม้แต่โจวเฉิงเองก็ยังประหลาดใจ.
คฤหาสน์จ้าวแห่งทวยเทพ,ไม่มีใครเข้าไปได้,นี่คือสิ่งที่ยอดฝีมือทั่วทั้งทวีปเหิงหยวนรู้กัน.
โจวเฉิงและหว่านอู๋ตี้ทั้งสองที่ลองก้าวตามไป.
พวกเขาตะลึงไปเหมือนกัน,มหาค่ายกลจ้าวแห่งทวยเทพกับไม่ตอบสนอง,พวกเขาเข้าไปได้อย่างง่ายดาย.
หมายความว่าอย่างไร?
เป็นไปได้ว่า,ค่ายกลที่พักจ้าวแห่งทวยเทพได้พังทลายลงแล้วอย่างงั้นรึ?
ทว่า,พวกเขาไม่ได้เห็นลู่อี้ผิงทำอะไรเลย.
“อย่าหาว่าข้าไม่เตือนพวกเจ้า,เข้ามาแล้ว,อย่าได้จับอะไรเข้า.”เสียงที่ไม่แยแสของลู่อี้ผิงเอ่ย“ไม่เช่นนั้น,อาจจะตายไม่เหลือแม้แต่ศพ.”
ภายในใจของโจวเฉิงและหวานอู๋ตี้ที่เย็นยะเยือบขึ้นมาทันที.
ที่จริง,ภายในคฤหาสน์จ้าวแห่งทวยเทพนั้นไม่ได้มีสิ่งใดสำคัญ,ดังนั้น,ลู่อี้ผิงจึงให้ทั้งสองเข้ามาด้วย.
โจวเฉิงและหว่านอู๋ตี้ที่ตามหลังลู่อี้ผิงมา,เห็นโต๊ะนั่งในสวนนั้นสร้างขึ้นมาจากศิลาหยางจื่อ ก็ตกใจ.
ศิลาหยางจื่อนั้น,คือศิลาเทวะที่หายากมาก,แม้แต่ในดินแดนจิวเทียนยังยากที่จะหาพบเช่นกัน,กล่าวว่าหอการค้าความลับสวรรค์ครั้งหนึ่งเคยนำศิลาหยางจื่อขนาดหนึ่งตารางเมตรออกประมูลในราคาถึงหนึ่งพันล้านศิลาวิญญาณ
ข้ามผ่านลานด้านหน้ามา,มีต้นไม้เทวะตนหนึ่งที่ปรากฏด้านหน้าของพวกเขา.
“พฤกษาเทวะชิงเหยี่ยน!”
โจวเฉิงและหว่านอู๋ตี้อุทานออกมาพร้อม ๆ กัน.
พฤกษาเทวะชิงเหยี่ยน,ใบอ่อนของมันนั้น,สามารถนำมาหลอมเป็นเม็ดยาบูรณะร่างกาย,กลั่นกายเทพ,นับเป็นโอสถมหัศจรรย์,มีมูลค่าสูงยิ่งกว่าศิลาหยางจื่ออีก.
ที่สำนักไท่อี้นั้นมีต้นหนึ่ง.
กล่าวกันว่าในพิภพเหิงหยวนมีเพียงแค่ตนเดียวที่สำนักไท่อี้เท่านั้น.
ทว่าพฤกษาชิงเหยี่ยนที่อยู่สำนักไท่อี้นั้นยังไม่ได้เป็นพฤกษาวิญญาณ,ทว่าพฤกษาชิงเหยียนที่นี่ได้กลายเป็นพฤกษาวิญญาณชิงเหยี่ยนแล้ว.
ผ่านพฤกษาชิงเหยี่ยนไป,ลู่อี้ผิงและคนอื่น ๆ ก็มาถึงด้านหน้าห้องโถงแห่งหนึ่ง.
ที่ด้านหน้าห้องโถงนั้น,มีเสาทองแดงสี่เสาที่ตั้งตระหง่านอยู่.
บนเสาทองแดงแต่ละเสานั้น,มีลวดลายอักขระเวทย์ยุคโบราณมากมายสลักอยู่.
ทั้งสองพบว่าเสาทองแดงนั้นสร้างมาจากโลหะผลึกเสวียนหวงอย่างคาดไม่ถึง,ต้องไม่ลืมว่าโลหะผลึกเสวียนหวนคือวัตถุดิบระดับทองที่แข็งแกร่งทนทานที่สุดในพิภพเหิงหยวน,สามารถนำมาสร้างสิ่งประดิษฐ์เทวะชั้นสูงสุดได้,การที่หลอมโลหะผลึกเสวียนหยวนเช่นนี้ออกมา,เช่นนั้น นี่คงเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะชั้นสูงสุดแน่นอน.
ทว่าหลังจากเข้ามาด้านในห้องโถงพวกเขาพบว่า,ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ล้ำค่า.
ลู่อี้ผิงที่กวาดตามองสิ่งเหล่านี้,ด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ.
สิ่งเหล่านี้,ล้วนแต่ไร้ประโยชน์กับเขา.
ท้ายที่สุด,ลู่อี้ผิงก็มาถึงที่พักส่วนใน,สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่บำเพ็ญของจ้าวแห่งทวยเทพ.
บนผนังนั้น,มีกระบี่ยาวปักอยู่.
กระบี่ยาว,ที่มีใบกระบี่สีดำสนิท,แผ่กลิ่นอายที่เย็นยะเยือบออกมา.
นอกเหนือจากกระบี่ยาวแล้ว,ยังมีเตียงหยกเย็นด้วย,นอกจากนั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรแล้ว.
ที่นี่เป็นสถานที่พักของจ้าวแห่งทวยเทพในอดีต,เขาไม่มีถ้ำที่พัก,กล่าวได้ว่าถ้ำที่พักก็คือที่นี่นะเอง.
ลู่อี้ผิงที่ดึงกระบี่ยาวออกมา,ขณะดึงกระบี่ทั่วทั้งห้องนั้นกลายเป็นมืดมิดลงในทันที,แม้แต่โจวเฉิงและหว่านอู๋ตี้ยังไม่อาจมองเห็นอะไรได้เลย.
นอกจากนี้,พวกเขาทั้งสองยังพบว่า,ภายในความมืดมิดนี้,แม้แต่สัมผัสเทพของพวกเขายังไม่อาจใช้ได้ด้วย,ราวกับว่ามันมีพลังป้องกันที่ปกปิดทุกอย่างเอาไว้อย่างสมบูรณ์.
ลู่อี้ผิงที่ดึงกระบี่ก่อนที่จะเสียบมันเข้าฝัง,จากนั้นทุกอย่างก็คืนกับสู่ความปรกติ.
“รัตติกาลนิรันดร?!”โจวเฉิงและหว่านอู๋ตี้ที่จ้องมองกระบี่ในมือของลู่อี้ผิง,พร้อมกับเผยความหวาดกลัวออกมา.
รัตติกาลนิรันดร,คือกระบี่ปิศาจไร้เทียมทานของเผ่าพันธุ์ปิศาจ.
“ถูกต้อง,มันคือกระบี่ของจ้าวปิศาจหยงเย่ในอดีต,กระบี่รัตติกาลนิรันดร.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.
เป็นความจริง!
โจวเฉิงและหว่านอู๋ตี้ที่จ้องมองลู่อี้ผิงเอ่ยถึงกระบี่รัตติกาลนิรันดร,ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นไปมา.
......
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง.
ทั้งสองก็ออกมาจากที่พักจ้าวแห่งทวยเทพ.
หลังจากออกมาจากที่พักจ้าวแห่งทวยเทพแล้ว,โจวเฉิงที่ดูลังเลเล็กน้อยเอ่ยออกมาว่า“กระบี่รัตติกาลนิรันดร,มาอยู่ในที่พักจ้าวแห่งทวยเทพได้อย่างไรกัน? เป็นไปได้ว่าจ้าวแห่งเผ่าปิศาจถูกจ้าวแห่งทวยเทพสังหารในอดีตอย่างงั้นรึ?”
เกี่ยวกับบันทึกประวัติศาสตร์เอ่ยว่าจ้าวแห่งเผ่าปิศาจได้ตกตายอย่างอนาถในตำหนักของตัวเอง,ส่วนใครเป็นคนสังหารไม่มีใครรู้,นอกจากนี้กระบี่รัตติกาลนิรันดรของเขาเองก็หายไปนับตั้งแต่นั้นมา.
ตอนนี้กระบี่รัตติกาลนิรันดรได้มาปรากฏในที่พักจ้าวแห่งทวยเทพ,ทำให้โจวเฉิงประหลาดใจเป็นอย่างมาก.
ส่วนหว่านอู๋ตี้,ที่ใบหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา.
“เจ้าเด็กเหลือขออู๋ตี้,เจ้ารู้อะไรหรือไม่?”โจวเฉิงที่จ้องมองไปยังหว่านอู๋ตี้เอ่ยออกมาว่า“ต้นกำเนิดของลู่อี้ผิง,เจ้าต้องรู้แน่นอน,ใช่ใหม? เขาเป็นใครมาจากใหนรึ?”
หว่านอู๋ตี้ที่ส่ายหน้าเป็นเจ้าเข้า“อาวุโสโจวเฉิง,โปรดอย่าถามข้า.”
โจวเฉิงที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
ก่อนหน้านี้,เขาได้คาดเดามาหลายอย่างเกี่ยวกับที่มาของลู่อี้ผิง,ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกสักข้อเลย.
หลังจากที่หว่านอู๋ตี้และโจวเฉิงจากไป,ลู่อี้ผิงได้เช็ดทำความสะอาดกระบี่รัตติกาลนิรันดร,นี่ไม่ใช่แค่กระบี่ของจ้าวแห่งปิศาจ,แต่มันคือสัญลักษณ์ของเผ่าปิศาจด้วย.
ดังนั้นหลายปีมานี้,เผ่าปิศาจยังคงตามหากระบี่รัตติกาลนิรันดรเล่มนี้ไม่เคยหยุด.
“ในอดีตการตายของซู่เฉิง,เกี่ยวข้องกับกระบี่รัตติกาลนิรันดรอย่างงั้นรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่เอ่ยออกมาทันที.
ซู่เฉิงก็คือนามของจ้าวแห่งทวยเทพนั่นเอง.
ลู่อี้ผิงได้ยินวัวกระทิงมังกรเอ่ยถาม,ก็ส่ายหน้าไปมา“ใช่หรือไม่,ไม่มีใครรู้,ในอดีตเป็นข้าเองที่มอบกระบี่รัตติกาลนิรันดรนี้ให้กับซู่เฉิงเอง.”
“อาจจะเป็นคนใกล้ชิดของซู่เฉิงหรือไม่?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย.
“ก็อาจจะเป็นได้.”ดวงตาของลู่อี้ผิงที่เผยความลึกล้ำ.
เช้าวันถัดมา.
ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำออกจากที่พักจ้าวแห่งทวยเทพ,เดินทางไปยังหมู่บ้านหยวนที่พังทลาย.
ประตูไม้ที่เวลานี้ผุพังเรียบร้อยแล้ว,สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าขึ้นรกชันเต็มไปหมด.
ลู่อี้ผิงที่มานั่งในสวนแห่งนี้บนหินก้อนใหญ่ที่เต็มไปด้วยตะใคร่น้ำ,นำสุราขึ้นมาดื่ม,ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง,เขาและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็จากไป,เดินทางไปยังหอนาฬิกาโบราณในเมืองเทียนตู.
หลังจากสำรวจพักหนึ่ง,ก็กลับมายังที่พักจ้าวแห่งทวยเทพ,ซึ่งก็มืดแล้ว.
หลายวันมานี้,ลู่อี้ผิงที่ตระเวนไปทั่วเมืองเทียนตูพร้อมกับวัวกระทิงเขาทองคำ.
ในวันหนึ่ง,ขณะที่ลู่อี้ผิงขี่วัวกระทิงเขามังกรผ่านถนนที่เต็มไปด้วยเสียงดังอื้ออึง,ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็ปรากฏปราณกระบี่ที่น่าอัศจรรย์ใจแหวกอากาศพุ่งตรงมายังทิศทางของลู่อี้ผิงทันที.
เมื่อปราณกระบี่พุ่งมาจะตัดคอลู่อี้ผิง,ลู่อี้ผิงได้ยกนิ้วขึ้นคีบคว้าปราณกระบี่เอาไว้,ก่อนที่จะเหวี่ยงปราณกระบี่ดังกล่าวคืนกลับไปในฝูงชน.
ทันใดนั้น,ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ถูกปราณกระบี่ดังกล่าว,กระเด็นลอยออกจากฝูงชนในทันที.
ชายวัยกลางคนที่ตกใจเป็นอย่างมากขณะจ้องมองมายังลู่อี้ผิงเขม็ง
ไม่คาดคิดเลยว่าปราณกระบี่สังหารของเขาเมื่อครู่นี้,จะถูกลู่อี้ผิงป้องกันเอาไว้ได้.
“กระบี่อาไลเย่!”ลู่อี้ผิงที่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามที่หมดสติ“นักฆ่าเต๋าเทพสังหารอย่างงั้นรึ?”
เต๋าเทพสังหาร,ในพิภพเหิงหยวนนั้น ก็คือองค์กรนักฆ่าโบราณ,พวกเขาทรงพลังน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก,แม้แต่สามารถลอบสังหารยอดฝีมือขอบเขตเทพสวรรค์ได้ด้วย.
ในเวลานี้ชายวัยกลางคนที่มาครั้งนี้,มีระดับเทพแท้จริงขั้นสุดท้าย.
นอกจากนี้ยังเป็นเทพแท้จริงที่สำเร็จกฎเทพสวรรค์สวรรค์ไปถึงหนึ่งร้อยกฎแล้ว.